ศาลสั่งทุเลา “สุวิทย์” อธิการบดี ม.นครพนม กลับทำงานต่อ ขณะที่เจ้าตัวฟ้องศาลปกครองขอให้มีคำสั่งให้ชุดรักษาการยุติบทบาท หวั่น ขรก.- บุคลากรมหา’ลัย สับสนต้องทำตามคำสั่งใคร ลั่นเหลือเวลา 11 เดือนเร่งเดินหน้าต่อในงานที่ค้างทั้งการเตรียมพร้อมสู่เออีซี งานพีอาร์ภาพลักษณ์มหา’ลัยเพื่อเพิ่มยอด นศ. สูงขึ้น
รศ.ดร.สุวิทย์ เลาหศิริวงศ์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยนครพนม (มนพ.) เปิดเผยว่า จากที่สภา มนพ. มีมติให้ตนพ้นจากตำแหน่งอธิการบดี โดยอ้างว่าตนทำงานไม่เป็นไปตามเป้าหมายและไม่ผ่านการประเมิน แต่ตนเห็นว่ามติดังกล่าวไม่ชอบธรรม และได้ฟ้องศาลปกครองอุดรธานี ซึ่งเมื่อวันที่ 15 ธ.ค. ที่ผ่านมา ศาลปกครองได้พิจารณาและมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามมติสภา มนพ. ไว้ก่อนจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น ซึ่งหมายความว่าตนสามารถที่จะกลับเข้ามาทำงานในตำแหน่งอธิการบดี มนพ.ได้ตามเดิม อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากที่ตนไม่ได้อยู่ในตำแหน่งงานหลายที่ดำเนินการไว้หยุดชะงัก อีกทั้งตนมีเวลาทำงานอีก 11 เดือนจะหมดวาระ ดังนั้น ตนจะต้องเร่งผลักดันงานต่างๆ เช่น การเตรียมตัวนักศึกษาเข้าสู่ประชามคมอาเซียนปี 2558 ที่กำหนดจะให้นักศึกษา รวมถึงบุคลากรไปแลกเปลี่ยน เรียนรู้วัฒนธรรมกับประเทศในกลุ่มอาเซียน
นอกจากนี้ จะต้องเร่งประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างความมั่นใจและสร้างภาพลักษณ์ของมหาวิทยาลัยให้กลับมา ตนเชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นน่าจะมีผลต่อการรับนักศึกษา 2558 เนื่องจากขณะนี้มหาวิทยาลัยกำลังเปิดรับสมัครนักศึกษาแล้ว แต่จำนวนผู้สนใจและมาสมัครน้อยมาก แสดงว่านักเรียนและผู้ปกครองไม่มั่นใจในมหาวิทยาลัยว่าจะดำเนินการได้จึงลังเลที่จะส่งบุตรหลานมาเรียน
" ช่วงที่ผมกลับเข้ามาทำงานข้าราชการ และบุคลากรมีความสับสนว่าจะดำเนินการตามคำสั่งของใคร เนื่องจากรักษาการอธิการบดี และคณะทำงานที่สภา มนพ. มีมติแต่งตั้งให้มาบริหารงานแทนผมก็ยังไม่ถอนตัวออกไป และสั่งการเรื่องต่างๆ เหมือนเดิม ดังนั้น ผมฟ้องศาลปกครองไปแล้วขอให้มีคำสั่งให้รักษาการณ์หยุดทำงานได้แล้ว อย่างไรก็ตาม ผมมั่นใจว่า จะสามารถสร้างความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ของมหาวิทยาลัยกลับมาได้อย่างแน่นอน โดยผมยังคงยึดหลักการในการทำงานบนความถูกต้อง เกิด ผลประโยชน์สุดสุดกับมหาวิทยาลัย และไม่มีพวกใครทั้งนั้น” รศ.ดร.สุวิทย์ กล่าว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
รศ.ดร.สุวิทย์ เลาหศิริวงศ์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยนครพนม (มนพ.) เปิดเผยว่า จากที่สภา มนพ. มีมติให้ตนพ้นจากตำแหน่งอธิการบดี โดยอ้างว่าตนทำงานไม่เป็นไปตามเป้าหมายและไม่ผ่านการประเมิน แต่ตนเห็นว่ามติดังกล่าวไม่ชอบธรรม และได้ฟ้องศาลปกครองอุดรธานี ซึ่งเมื่อวันที่ 15 ธ.ค. ที่ผ่านมา ศาลปกครองได้พิจารณาและมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามมติสภา มนพ. ไว้ก่อนจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น ซึ่งหมายความว่าตนสามารถที่จะกลับเข้ามาทำงานในตำแหน่งอธิการบดี มนพ.ได้ตามเดิม อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากที่ตนไม่ได้อยู่ในตำแหน่งงานหลายที่ดำเนินการไว้หยุดชะงัก อีกทั้งตนมีเวลาทำงานอีก 11 เดือนจะหมดวาระ ดังนั้น ตนจะต้องเร่งผลักดันงานต่างๆ เช่น การเตรียมตัวนักศึกษาเข้าสู่ประชามคมอาเซียนปี 2558 ที่กำหนดจะให้นักศึกษา รวมถึงบุคลากรไปแลกเปลี่ยน เรียนรู้วัฒนธรรมกับประเทศในกลุ่มอาเซียน
นอกจากนี้ จะต้องเร่งประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างความมั่นใจและสร้างภาพลักษณ์ของมหาวิทยาลัยให้กลับมา ตนเชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นน่าจะมีผลต่อการรับนักศึกษา 2558 เนื่องจากขณะนี้มหาวิทยาลัยกำลังเปิดรับสมัครนักศึกษาแล้ว แต่จำนวนผู้สนใจและมาสมัครน้อยมาก แสดงว่านักเรียนและผู้ปกครองไม่มั่นใจในมหาวิทยาลัยว่าจะดำเนินการได้จึงลังเลที่จะส่งบุตรหลานมาเรียน
" ช่วงที่ผมกลับเข้ามาทำงานข้าราชการ และบุคลากรมีความสับสนว่าจะดำเนินการตามคำสั่งของใคร เนื่องจากรักษาการอธิการบดี และคณะทำงานที่สภา มนพ. มีมติแต่งตั้งให้มาบริหารงานแทนผมก็ยังไม่ถอนตัวออกไป และสั่งการเรื่องต่างๆ เหมือนเดิม ดังนั้น ผมฟ้องศาลปกครองไปแล้วขอให้มีคำสั่งให้รักษาการณ์หยุดทำงานได้แล้ว อย่างไรก็ตาม ผมมั่นใจว่า จะสามารถสร้างความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ของมหาวิทยาลัยกลับมาได้อย่างแน่นอน โดยผมยังคงยึดหลักการในการทำงานบนความถูกต้อง เกิด ผลประโยชน์สุดสุดกับมหาวิทยาลัย และไม่มีพวกใครทั้งนั้น” รศ.ดร.สุวิทย์ กล่าว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่