xs
xsm
sm
md
lg

ชง "บิ๊กตู่” เพิ่ม “รู้เท่าทันสื่อ” ค่านิยมที่ 13 แก้เด็กไทยถ่ายคลิปโป๊ ตบตี เกรียนคีย์บอร์ด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นักวิชาการเสนอ รบ. “บิ๊กตู่” บรรจุวิชา “รู้เท่าทันสื่อ” เป็นค่านิยมหลักประการที่ 13 เหตุเยาวชนใช้สื่อจนเกิดโทษเพียบ ทั้งถ่ายคลิปโป๊เปลือย ตบตี เล่นการพนัน จี้ปฏิรูปทั้งระบบ บรรจุเป็นหลักสูตรตั้งแต่ชั้นอนุบาลสร้างภูมิคุ้มกัน ย้ำการศึกษาไทยเข้าสู่ยุคสื่อมีบทบาท ไม่ใช่การเรียนแบบครูหรือนักเรียนเป็นศูนย์กลาง
ดร.ธาม เชื้อสถาปนศิริ
ดร.ธาม เชื้อสถาปนศิริ นักวิชาการด้านสื่อ กล่าวว่า นโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในเรื่องค่านิยมหลัก 12 ประการ จริงๆแล้วตนอยากเสนอให้มีค่านิยมที่ 13 ด้วย ในเรื่องของการรู้เท่าทันสื่อ เพราะทุกวันนี้เยาวชนไทยสามารถใช้สื่อได้อย่างเสรีมาก แต่ความรู้ไม่เท่าทันก็มากขึ้นตามไปด้วย โดยไม่รู้ว่าอย่างไหนก่อให้เกิดประโยชน์หรือโทษแก่ตัวเราเอง ทั้งถ่ายรูปถ่ายคลิปตบตีกัน การเผยแพร่ความรุนแรง การเปิดเผยข้อมูลอัตลักษณ์ของตนเองมากเกินไป ใช้เล่นการพนัน หรือการถ่ายรูปโป๊คลิปโป๊ต่างๆ เป็นต้น จนกลายเป็นกระแสฮือฮาขึ้นมาในสังคมไทยอยู่หลายครั้ง ซึ่งเรื่องเหล่านี้ครูไม่ได้สอน เพราะครูก็ไม่สามารถแก้ปัญหาเรื่องการใช้สื่ออย่างเหมาะสมได้ สุดท้ายก็ใช้วิธีการแบนสื่อ โดยบางโรงเรียนใช้วิธีห้ามไม่ให้เด็กนักเรียนเอาโทรศัพท์มือถือมายังโรงเรียน ซึ่งไม่ใช่วิธีในการแก้ปัญหา

ดร.ธาม กล่าวว่า ปัจจุบันการเรียนวิชารู้เท่าทันสื่อมีเฉพาะในหลักสูตรนิเทศศาสตร์ ระดับปริญญาตรี ซึ่งกว่าจะได้เรียนก็เมื่อชั้นปี 3-4 ซึ่งจริงๆ แล้วควรจะสอนเรื่องรู้เท่าทันสื่อตั้งแต่ชั้นอนุบาลด้วยซ้ำ หากจะปฏิรูปการศึกษาก็ต้องทำทั้งระบบ ในเมื่อเรามีการนำวิชาหน้าที่พลเมืองกลับเข้ามา ก็ควรที่จะนำวิชารู้เท่าทันสื่อเข้ามาอยู่ในหลักสูตรการศึกษาด้วย ยิ่งสมัยนี้เทคโนโลยีพัฒนาไปไกลมาก สามารถเข้าถึงสื่อออนไลน์ได้ง่าย จนอินเทอร์เน็ตกลายเป็นสังคมแห้งการเรียนรู้ ครูจึงไม่ได้มีหน้าที่สำคัญแค่สอนหนังสืออีกต่อไป เพราะความรู้อยู่เท่ากันที่ปลายนิ้ว อย่างกระทรวงศึกษาธิการก็มีการทำห้องเรียนออนไลน์ แม้จะเพียงแค่บางโรงเรียน แต่ถามว่าเรามีความพร้อมในการฉีดภูมิคุ้มกันในเรื่องการใช้สื่อให้แก้เด็กแล้วหรือยัง

"การศึกษาในอดีตหรือกระบวนทัศน์แรก เรามีครูเป็นศูนย์กลางการเรียนการสอน ต่อมากระบวนทัศน์ที่สอง เรานำรูปแบบ Child Center หรือนักเรียนเป็นศูนย์กลางจากต่างประเทศเข้ามาใช้ ซึ่งภายหลังก็ล้มเหลว เพราะเด็กไทยไม่ได้แอคทีฟอย่างเมืองนอก เราถูกปลูกฝังมาในระบบท่องจำจึงทำให้การศึกษาในกระบวนทัศน์สองล้มเหลว แต่ปัจจุบันเราเข้าสู่กระบวนทัศน์สาม คือศตวรรษที่ 21 เป็นยุคของสื่อเทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาทในการเรียนการสอน เด็กก็จำเป็นที่จะต้องได้รับการติดตั้งภูมิคุ้มกันรู้เท่าทันสื่อ ซึ่งทุกวันนี้ยังไม่มี ศธ. ยังไม่มีการอะไรเลย ยังไม่ได้วางรากฐาน หรือเตรียมความพร้อมให้เด็กในการใช้สื่ออย่างรู้เท่าทัน ซึ่งประเทศไทยต้องกลับมาพิจารณาเรื่องนี้อย่างจริงจัง” ดร.ธาม กล่าว

ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่



กำลังโหลดความคิดเห็น