กรมอนามัยไม่หวั่น พาณิชย์ขึ้นราคา “ผลิตภัณฑ์นม” ระบุขึ้นราคาหลักสตางค์ถึงไม่กี่บาท ยันไม่ส่งผลกระทบรณรงค์ให้คนดื่มนม หลังพบคนไทยดื่มนมน้อย ย้ำเด็กเล็กมีโครงการนมโรงเรียนได้รับฟรีวันละกล่อง ขณะที่คนดื่มประจำยังคงดื่มอยู่ ส่วนคนไม่ดื่มยังเร่งรณรงค์ต่อ เผยเร่งผลักดันร่าง กม.ควบคุมโฆษณานมเด็ก สกัดโฆษณาเกินจูงใจไม่ดื่มนมแม่
วันนี้ (23 ธ.ค.) นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวถึงกรณีกระทรวงพาณิชย์อนุมัติให้ปรับขึ้นราคาผลิตภัณฑ์นมตั้งแต่ 25 สตางค์จนถึงหลายบาท เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรหลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ขึ้นราคาน้ำนมดิบ ว่า การขึ้นราคาผลิตภัณฑ์นมคงไม่มีผลต่อการรณรงค์ให้คนไทยบริโภคนมเพิ่มมากขึ้น เพราะอย่างนมผงจริงแล้ว เราก็ไม่ได้อยากให้ขาย เพราะเราส่งเสริมในเรื่องการบริโภคนมแม่ในเด็กทารกและเด็กเล็ก ส่วนนมสดหรือนมโคขณะนี้บ้านเราถือว่ามีราคาถูกกว่าต่างประเทศมาก การที่รัฐบาลตัดสินใจเพิ่มราคาก็เพราะมองว่าว่าส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตจริงๆ คนผลิตนมขาดทุนจำเป็นต้องเพิ่มราคา
“อย่างกลุ่มเด็กประถมก็ไม่มีผลกระทบต่อนมที่ขึ้นราคา เพราะรัฐบาลก็มีโครงการนมโรงเรียน โดยให้นมฟรีแก่เด็กไทยตั้งแต่ ป.1 - ป.6 วันละกล่องอยู่แล้ว จึงไม่ส่งผลกระทบต่อการดื่มนมในเด็กแต่อย่างใด” อธิบดีรกรมอนามัย กล่าว
พญ.นภาพรรณ วิริยะอุตสาหกุล ผู้อำนวยการสำนักโภชนาการ กรมอนามัย กล่าวว่า จากผลสำรวจพบว่าคนไทยมีอัตราการดื่มนมเฉลี่ยเพียงคนละประมาณ 14 ลิตรต่อปีเท่านั้น ต่ำกว่าภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และทั่วโลกประมาณ 4 - 7 เท่า จนต้องเร่งรณรงค์ให้เพิ่มการบริโภคนั้น การขึ้นราคาผลิตภัณฑ์นมคงไม่ส่งผลกระทบต่อการรณรงค์ให้คนไทยบริโภคนมมากนัก เนื่องจากขึ้นราคาเพียงระดับสตางค์จนถึงไม่กี่บาท เชื่อว่า ไม่กระทบกับผู้บริโภคมาก เพราะในผู้ที่ดื่มนมเป็นปกติก็เชื่อว่ายังคงดื่มอยู่ และแม้ว่าราคาผลิตภัณฑ์จะขึ้นหรือไม่ขึ้นราคาก็จะส่งเสริมการบริโภคอยู่ดีในทุกกลุ่มวัย เพราะถือว่าเป็นอาหารที่มีประโยชน์
พญ.นภาพรรณ กล่าวว่า สำหรับการดื่มนมในกลุ่มทารกและเด็กเล็ก กรมอนามัยเน้นส่งเสริมเป็นพิเศษ โดยเฉพาะการบริโภคนมแม่ เนื่องจากมีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน แต่ปัจจุบันผลิตภัณฑ์นมสำหรับทารกและเด็กเล็กมักโฆษณา ทำการตลาดเกินจริง ทำให้เข้าใจผิดว่าดีกว่าผลิตภัณฑ์นมอื่นๆ หรือนมแม่ ทำให้ผู้เป็นแม่ไม่แน่ใจว่านมแม่ของตัวเองดีเท่าผลิตภัณฑ์นมที่โฆษณาหรือไม่ ทั้งที่สารอาหารต่างๆ ที่เติมเข้าไปไม่ใช่ของที่มีตามธรรมชาติ แต่สังเคราะห์เติมเข้าไป กรมฯจึงเร่งผลักดันออก ร่าง พ.ร.บ. ควบคุมการทำการตลาดของนมและอาหารสำหรับเด็กเล็ก เพื่อควบคุมไม่ให้มีการโฆษณาหรือจ่ายเงินทางด้านการตลาดในส่วนของนมและอาหารสำหรับเด็กเล็ก คือไม่ให้มีการส่งเสริมให้มีการใช้นมผง หรืออาหารสำหรับเด็กมาทดแทนนมมารดา
“ขณะนี้ร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าวผ่านการทำประชาพิจารณ์จากผู้เกี่ยวข้องและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียแล้ว เพื่อจัดทำข้อเสนอร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าว โดยหวังว่าข้อเสนอจะเป็นผลดีต่อทุกฝ่าย อย่างไรก็ตาม หาก พ.ร.บ. ฉบับนี้ประกาศใช้จะเป็นประโยชน์ทั้งต่อแม่ที่ให้นมแม่ และแม่ที่จำเป็นต้องใช้นมผง เพราะการที่มีการทำการตลาดอย่างรุนแรงเช่นนี้ก็ถือว่าเป็นต้นทุน ทำให้ผลิตภัณฑ์มีราคาแพง แม่ที่จำเป็นต้องใช้นมผง เนื่องจากไม่สามารถให้นมลูกได้ก็จะได้รับผลกระทบจากราคาที่แพง” ผอ.สำนักโภชนาการ กล่าว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
วันนี้ (23 ธ.ค.) นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวถึงกรณีกระทรวงพาณิชย์อนุมัติให้ปรับขึ้นราคาผลิตภัณฑ์นมตั้งแต่ 25 สตางค์จนถึงหลายบาท เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรหลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ขึ้นราคาน้ำนมดิบ ว่า การขึ้นราคาผลิตภัณฑ์นมคงไม่มีผลต่อการรณรงค์ให้คนไทยบริโภคนมเพิ่มมากขึ้น เพราะอย่างนมผงจริงแล้ว เราก็ไม่ได้อยากให้ขาย เพราะเราส่งเสริมในเรื่องการบริโภคนมแม่ในเด็กทารกและเด็กเล็ก ส่วนนมสดหรือนมโคขณะนี้บ้านเราถือว่ามีราคาถูกกว่าต่างประเทศมาก การที่รัฐบาลตัดสินใจเพิ่มราคาก็เพราะมองว่าว่าส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตจริงๆ คนผลิตนมขาดทุนจำเป็นต้องเพิ่มราคา
“อย่างกลุ่มเด็กประถมก็ไม่มีผลกระทบต่อนมที่ขึ้นราคา เพราะรัฐบาลก็มีโครงการนมโรงเรียน โดยให้นมฟรีแก่เด็กไทยตั้งแต่ ป.1 - ป.6 วันละกล่องอยู่แล้ว จึงไม่ส่งผลกระทบต่อการดื่มนมในเด็กแต่อย่างใด” อธิบดีรกรมอนามัย กล่าว
พญ.นภาพรรณ วิริยะอุตสาหกุล ผู้อำนวยการสำนักโภชนาการ กรมอนามัย กล่าวว่า จากผลสำรวจพบว่าคนไทยมีอัตราการดื่มนมเฉลี่ยเพียงคนละประมาณ 14 ลิตรต่อปีเท่านั้น ต่ำกว่าภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และทั่วโลกประมาณ 4 - 7 เท่า จนต้องเร่งรณรงค์ให้เพิ่มการบริโภคนั้น การขึ้นราคาผลิตภัณฑ์นมคงไม่ส่งผลกระทบต่อการรณรงค์ให้คนไทยบริโภคนมมากนัก เนื่องจากขึ้นราคาเพียงระดับสตางค์จนถึงไม่กี่บาท เชื่อว่า ไม่กระทบกับผู้บริโภคมาก เพราะในผู้ที่ดื่มนมเป็นปกติก็เชื่อว่ายังคงดื่มอยู่ และแม้ว่าราคาผลิตภัณฑ์จะขึ้นหรือไม่ขึ้นราคาก็จะส่งเสริมการบริโภคอยู่ดีในทุกกลุ่มวัย เพราะถือว่าเป็นอาหารที่มีประโยชน์
พญ.นภาพรรณ กล่าวว่า สำหรับการดื่มนมในกลุ่มทารกและเด็กเล็ก กรมอนามัยเน้นส่งเสริมเป็นพิเศษ โดยเฉพาะการบริโภคนมแม่ เนื่องจากมีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน แต่ปัจจุบันผลิตภัณฑ์นมสำหรับทารกและเด็กเล็กมักโฆษณา ทำการตลาดเกินจริง ทำให้เข้าใจผิดว่าดีกว่าผลิตภัณฑ์นมอื่นๆ หรือนมแม่ ทำให้ผู้เป็นแม่ไม่แน่ใจว่านมแม่ของตัวเองดีเท่าผลิตภัณฑ์นมที่โฆษณาหรือไม่ ทั้งที่สารอาหารต่างๆ ที่เติมเข้าไปไม่ใช่ของที่มีตามธรรมชาติ แต่สังเคราะห์เติมเข้าไป กรมฯจึงเร่งผลักดันออก ร่าง พ.ร.บ. ควบคุมการทำการตลาดของนมและอาหารสำหรับเด็กเล็ก เพื่อควบคุมไม่ให้มีการโฆษณาหรือจ่ายเงินทางด้านการตลาดในส่วนของนมและอาหารสำหรับเด็กเล็ก คือไม่ให้มีการส่งเสริมให้มีการใช้นมผง หรืออาหารสำหรับเด็กมาทดแทนนมมารดา
“ขณะนี้ร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าวผ่านการทำประชาพิจารณ์จากผู้เกี่ยวข้องและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียแล้ว เพื่อจัดทำข้อเสนอร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าว โดยหวังว่าข้อเสนอจะเป็นผลดีต่อทุกฝ่าย อย่างไรก็ตาม หาก พ.ร.บ. ฉบับนี้ประกาศใช้จะเป็นประโยชน์ทั้งต่อแม่ที่ให้นมแม่ และแม่ที่จำเป็นต้องใช้นมผง เพราะการที่มีการทำการตลาดอย่างรุนแรงเช่นนี้ก็ถือว่าเป็นต้นทุน ทำให้ผลิตภัณฑ์มีราคาแพง แม่ที่จำเป็นต้องใช้นมผง เนื่องจากไม่สามารถให้นมลูกได้ก็จะได้รับผลกระทบจากราคาที่แพง” ผอ.สำนักโภชนาการ กล่าว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
