จ่อคัดกรองเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี สกัดปัญหาความรุนแรง ท้องไม่พร้อม ถูกทอดทิ้ง นำร่อง 2 จังหวัด ขณะที่สถิติ 10 ปี พบเด็ก - ผู้หญิง ถูกทำรุนแรงเกือบ 2 แสนราย เฉลี่ยวันละ 50 ราย ส่วนใหญ่ถูกทำร้ายร่างกายและเพศ
นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า วันที่ 25 พ.ย. ทุกปี เป็นวันรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรีสากล สำหรับประเทศไทย คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้จัดตั้งศูนย์บริการช่วยเหลือเด็กและสตรีในภาวะวิกฤตจากความรุนแรงในโรงพยาบาลสังกัดรัฐตั้งแต่ปี 2543 เพื่อป้องกัน เฝ้าระวังปัญหาฯ พัฒนาระบบบริการช่วยเหลือให้มีคุณภาพครอบคลุมทั่วประเทศ และการเยียวยาฟื้นฟูเด็กและสตรีที่ถูกกระทำรุนแรงรวมถึงผู้ที่ได้รับผลกระทบและครอบครัว โดย “ศูนย์พึ่งได้” ของ สธ. นี้ จะดูแลผู้ถูกกระทำรุนแรงทั้งทางร่างกาย จิตใจ และทางเพศ อย่างครบวงจรในจุดเดียว บริการฟรีตลอด 24 ชั่วโมง ครอบคลุมทั้งการรักษาพยาบาล ประสานหน่วยงานช่วยเหลือด้านกฎหมายและสวัสดิการสังคมอื่นๆ มีทีมแพทย์ พยาบาล นักจิตวิทยา และนักสังคมสงเคราะห์ ทำงานแบบทีมสหวิชาชีพ
“ปัจจุบันศูนย์พึ่งได้มี 829 แห่ง โดยปี 2558 ได้ปรับงานเป็นเชิงรุกเน้นป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเพื่อลดความสูญเสีย โดยจัดโครงการนำร่องศึกษาระบบในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ใน 2 จังหวัด คือ ระยอง และชุมพร จังหวัดละ 2 อำเภอ ในเขตเมืองและชนบท จะมีการคัดกรองความเสี่ยงในกลุ่มเด็กที่อายุต่ำกว่า 18 ปีลงมา 3 เรื่อง ได้แก่ ความรุนแรง ปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ และการถูกทอดทิ้ง เพื่อวางแผนดูแลร่วมกับสถานศึกษาและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และขยายลงสู่ รพ.สต. ที่มีความพร้อมต่อไป” ปลัด สธ. กล่าว
นพ.ณรงค์ กล่าวว่า ในรอบ 10 ปี ตั้งแต่ปี 2547 - 2556 ศูนย์พึ่งได้ให้บริการเด็กและสตรีถูกกระทำรุนแรง ทั้งหมด 182,267 ราย เป็นเด็ก 98,211 ราย สตรี 84,026 ราย เฉลี่ยวันละ 50 ราย ปัญหาความรุนแรงที่เกิดในกลุ่มเด็กอันดับ 1 คือ ถูกล่วงละเมิดทางเพศ รองลงมา เป็นการทำร้ายร่างกาย ผู้กระทำส่วนใหญ่เป็นบุคคลที่เด็กรู้จัก ไว้วางใจ และมีความสัมพันธ์ใกล้ชิด เช่น แฟน รองลงมา คือ เพื่อน สาเหตุส่วนใหญ่มาจากสิ่งแวดล้อม เช่น การดื่มสุรา การใช้สารเสพติด สื่อลามก เป็นต้น ส่วนความรุนแรงในกลุ่มสตรี ปัญหาอันดับ 1 ที่พบ ได้แก่ การทำร้ายร่างกาย รองลงมาคือถูกกระทำทางเพศ ผู้กระทำเป็นคู่สมรสมากที่สุดร้อยละ 53 สาเหตุส่วนใหญ่มาจากการนอกใจ หึงหวง ทะเลาะวิวาทกัน อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สังคมต้องช่วยกันแก้ไขป้องกัน หากประชาชนพบเห็นเหตุการณ์ผู้ถูกกระทำรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นบุคคลที่รู้จักหรือไม่ก็ตาม ขอให้แจ้ง 1669 หรือ 1300 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือขอรับบริการได้ที่ศูนย์พึ่งได้ของกระทรวงสาธารณสุขทั้ง 829 แห่ง
“ทั้งนี้ ตามนโยบายการดูแลศูนย์ช่วยเหลือสังคมของรัฐบาล ได้มอบให้ 4 กระทรวงหลักดำเนินการ ดังนี้ กระทรวงพัฒนาสังคมฯ รับผิดชอบเรื่องการกระทำความรุนแรงต่อเด็ก สตรี ผู้สูงอายุ และคนพิการ กระทรวงสาธารณสุขรับผิดชอบเรื่องการกระทำรุนแรงทางเพศ รวมถึงปัญหาท้องไม่พร้อม/คุณแม่วัยใส กระทรวงแรงงานรับผิดชอบเรื่องการใช้แรงงานเด็ก และสำนักงานตำรวจแห่งชาติรับผิดชอบดูแลเรื่องการค้ามนุษย์” ปลัด สธ. กล่าว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า วันที่ 25 พ.ย. ทุกปี เป็นวันรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรีสากล สำหรับประเทศไทย คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้จัดตั้งศูนย์บริการช่วยเหลือเด็กและสตรีในภาวะวิกฤตจากความรุนแรงในโรงพยาบาลสังกัดรัฐตั้งแต่ปี 2543 เพื่อป้องกัน เฝ้าระวังปัญหาฯ พัฒนาระบบบริการช่วยเหลือให้มีคุณภาพครอบคลุมทั่วประเทศ และการเยียวยาฟื้นฟูเด็กและสตรีที่ถูกกระทำรุนแรงรวมถึงผู้ที่ได้รับผลกระทบและครอบครัว โดย “ศูนย์พึ่งได้” ของ สธ. นี้ จะดูแลผู้ถูกกระทำรุนแรงทั้งทางร่างกาย จิตใจ และทางเพศ อย่างครบวงจรในจุดเดียว บริการฟรีตลอด 24 ชั่วโมง ครอบคลุมทั้งการรักษาพยาบาล ประสานหน่วยงานช่วยเหลือด้านกฎหมายและสวัสดิการสังคมอื่นๆ มีทีมแพทย์ พยาบาล นักจิตวิทยา และนักสังคมสงเคราะห์ ทำงานแบบทีมสหวิชาชีพ
“ปัจจุบันศูนย์พึ่งได้มี 829 แห่ง โดยปี 2558 ได้ปรับงานเป็นเชิงรุกเน้นป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเพื่อลดความสูญเสีย โดยจัดโครงการนำร่องศึกษาระบบในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ใน 2 จังหวัด คือ ระยอง และชุมพร จังหวัดละ 2 อำเภอ ในเขตเมืองและชนบท จะมีการคัดกรองความเสี่ยงในกลุ่มเด็กที่อายุต่ำกว่า 18 ปีลงมา 3 เรื่อง ได้แก่ ความรุนแรง ปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ และการถูกทอดทิ้ง เพื่อวางแผนดูแลร่วมกับสถานศึกษาและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และขยายลงสู่ รพ.สต. ที่มีความพร้อมต่อไป” ปลัด สธ. กล่าว
นพ.ณรงค์ กล่าวว่า ในรอบ 10 ปี ตั้งแต่ปี 2547 - 2556 ศูนย์พึ่งได้ให้บริการเด็กและสตรีถูกกระทำรุนแรง ทั้งหมด 182,267 ราย เป็นเด็ก 98,211 ราย สตรี 84,026 ราย เฉลี่ยวันละ 50 ราย ปัญหาความรุนแรงที่เกิดในกลุ่มเด็กอันดับ 1 คือ ถูกล่วงละเมิดทางเพศ รองลงมา เป็นการทำร้ายร่างกาย ผู้กระทำส่วนใหญ่เป็นบุคคลที่เด็กรู้จัก ไว้วางใจ และมีความสัมพันธ์ใกล้ชิด เช่น แฟน รองลงมา คือ เพื่อน สาเหตุส่วนใหญ่มาจากสิ่งแวดล้อม เช่น การดื่มสุรา การใช้สารเสพติด สื่อลามก เป็นต้น ส่วนความรุนแรงในกลุ่มสตรี ปัญหาอันดับ 1 ที่พบ ได้แก่ การทำร้ายร่างกาย รองลงมาคือถูกกระทำทางเพศ ผู้กระทำเป็นคู่สมรสมากที่สุดร้อยละ 53 สาเหตุส่วนใหญ่มาจากการนอกใจ หึงหวง ทะเลาะวิวาทกัน อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สังคมต้องช่วยกันแก้ไขป้องกัน หากประชาชนพบเห็นเหตุการณ์ผู้ถูกกระทำรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นบุคคลที่รู้จักหรือไม่ก็ตาม ขอให้แจ้ง 1669 หรือ 1300 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือขอรับบริการได้ที่ศูนย์พึ่งได้ของกระทรวงสาธารณสุขทั้ง 829 แห่ง
“ทั้งนี้ ตามนโยบายการดูแลศูนย์ช่วยเหลือสังคมของรัฐบาล ได้มอบให้ 4 กระทรวงหลักดำเนินการ ดังนี้ กระทรวงพัฒนาสังคมฯ รับผิดชอบเรื่องการกระทำความรุนแรงต่อเด็ก สตรี ผู้สูงอายุ และคนพิการ กระทรวงสาธารณสุขรับผิดชอบเรื่องการกระทำรุนแรงทางเพศ รวมถึงปัญหาท้องไม่พร้อม/คุณแม่วัยใส กระทรวงแรงงานรับผิดชอบเรื่องการใช้แรงงานเด็ก และสำนักงานตำรวจแห่งชาติรับผิดชอบดูแลเรื่องการค้ามนุษย์” ปลัด สธ. กล่าว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่