คกก. ประสาน 3 กองทุนสุขภาพ เตรียมเปิดเคลียริงเฮาส์เบิกค่ารักษาผู้ป่วยในทุกสิทธิ ให้ สกส. ทำหน้าที่จ่ายก่อนเรียกเก็บจากกองทุนคืน พร้อมจ่อรื้อโครงการ “ยิ่งลักษณ์” เจ็บป่วยฉุกเฉินรักษาฟรี หลังพบยิ่งทำยิ่งเละ ปชช. เป็นแมลงเม่าเข้ารักษา แต่ต้องจ่ายเงินบาน เร่งหาค่ารักษาเหมาะสมทุกฝ่าย ลั่นต้องแก้สิทธิประโยชน์ประกันสังคมให้เท่าเทียม
ดร.อัมมาร สยามวาลา ประธานคณะกรรมการประสานระบบสุขภาพแห่งชาติ 3 กองทุน ประกอบด้วย สวัสดิการข้าราชการ ประกันสังคม หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า กล่าวว่า ขณะนี้คณะกรรมการได้พิจารณาเรื่องการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลของผู้ป่วยใน ในทุกสิทธิการรักษา โดยให้ทำเรื่องเบิกมาที่หน่วยงานกลางของการเบิกจ่าย (เคลียริงเฮาส์) เบื้องต้นอาจให้สำนักงานกลางสารสนเทศบริการสุขภาพ (สกส.) ทำหน้าที่ดังกล่าว ก่อนทำเรื่องเรียกเก็บ
จากกองทุนต่างๆ ในภายหลัง ส่วนประเด็นที่จะดำเนินการต่อคือ โครงการเจ็บป่วยฉุกเฉินเข้าได้ฟรีทุกโรงพยาบาลไม่ถามสิทธิ ตามนโยบายของรัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ตรงนี้ต้องคุยกับผู้เกี่ยวข้องทั้ง 3 กองทุน และสถานพยาบาลก่อนว่าจะทำอย่างไรต่อไป เพื่อไม่ให้ประชาชนเป็นแมลงเม่าเข้ารักษาพยาบาลแล้วเสียเงินค่ารักษาจำนวนมาก บางรายสูงถึงล้านบาท ซึ่งยอดรวมทั้งหมดเป็นอย่างไรยังไม่ได้รวบรวม แต่จะทำการรวบรวมต่อไป
“เรื่องนี้มีรายละเอียดที่ต้องคุยกันเยอะ เบื้องต้นมี 2 แนวคิด คือ 1. การเจรจาเรื่องอัตราค่ารักษาพยาบาลที่เหมาะสมเป็นธรรมกับทุกฝ่าย รพ.เอกชน รับได้หรือไม่ หากรับไม่ได้ก็ต้องมาชี้แจงกับประชาชนต่อไปว่าการเจรจาไม่เป็นผล 2. เมื่อการเจรจาไม่เป็นผลอาจจะต้องพิจารณาออกเป็นกฎหมายขึ้นมาบังคับ” ดร.อัมมาร กล่าวและว่า สำหรับผลวิจัยว่าระบบประกันสังคมให้สิทธิประโยชน์กับผู้ประกันตนน้อยมาก ทั้งที่ต้องจ่ายสมทบทุกเดือน คณะกรรมการเห็นว่าเป็นเรื่องที่ต้องมีการสะสาง สิทธิประโยชน์ต้องไม่ด้อยไปกว่าระบบบัตรทอง โดยเฉพาะเรื่องคนพิการต้องได้รับการดูแลอย่างเต็มที่ ซึ่งมีการบรรจุอยู่วาระที่ต้องหารือกันในการประชุมครั้งต่อไปแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า คณะกรรมการได้มีการหารือเรื่องการรวม 3 กองทุนเข้าเป็นกองทุนเดียวหรือไม่ ดร.อัมมาร กล่าวว่า มีความพยายามที่จะผลักดันให้มีการรวมกองทุนกันมาก แต่ส่วนตัวแล้วเห็นว่ายังไม่ถึงเวลาที่ต้องรวมกัน อีกอย่างอาจจะเกิดแรงต่อต้านโดยเฉพาะประชาคมประกันสังคม และประชาคมข้าราชการ เพราะดูเหมือนจะทำให้เขาเสียสิทธิที่มารวมกับกองทุนบัตรทองที่มีงบประมาณน้อย ได้รับจากรัฐเพียงก้อนเดียวเท่านั้น
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
ดร.อัมมาร สยามวาลา ประธานคณะกรรมการประสานระบบสุขภาพแห่งชาติ 3 กองทุน ประกอบด้วย สวัสดิการข้าราชการ ประกันสังคม หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า กล่าวว่า ขณะนี้คณะกรรมการได้พิจารณาเรื่องการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลของผู้ป่วยใน ในทุกสิทธิการรักษา โดยให้ทำเรื่องเบิกมาที่หน่วยงานกลางของการเบิกจ่าย (เคลียริงเฮาส์) เบื้องต้นอาจให้สำนักงานกลางสารสนเทศบริการสุขภาพ (สกส.) ทำหน้าที่ดังกล่าว ก่อนทำเรื่องเรียกเก็บ
จากกองทุนต่างๆ ในภายหลัง ส่วนประเด็นที่จะดำเนินการต่อคือ โครงการเจ็บป่วยฉุกเฉินเข้าได้ฟรีทุกโรงพยาบาลไม่ถามสิทธิ ตามนโยบายของรัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ตรงนี้ต้องคุยกับผู้เกี่ยวข้องทั้ง 3 กองทุน และสถานพยาบาลก่อนว่าจะทำอย่างไรต่อไป เพื่อไม่ให้ประชาชนเป็นแมลงเม่าเข้ารักษาพยาบาลแล้วเสียเงินค่ารักษาจำนวนมาก บางรายสูงถึงล้านบาท ซึ่งยอดรวมทั้งหมดเป็นอย่างไรยังไม่ได้รวบรวม แต่จะทำการรวบรวมต่อไป
“เรื่องนี้มีรายละเอียดที่ต้องคุยกันเยอะ เบื้องต้นมี 2 แนวคิด คือ 1. การเจรจาเรื่องอัตราค่ารักษาพยาบาลที่เหมาะสมเป็นธรรมกับทุกฝ่าย รพ.เอกชน รับได้หรือไม่ หากรับไม่ได้ก็ต้องมาชี้แจงกับประชาชนต่อไปว่าการเจรจาไม่เป็นผล 2. เมื่อการเจรจาไม่เป็นผลอาจจะต้องพิจารณาออกเป็นกฎหมายขึ้นมาบังคับ” ดร.อัมมาร กล่าวและว่า สำหรับผลวิจัยว่าระบบประกันสังคมให้สิทธิประโยชน์กับผู้ประกันตนน้อยมาก ทั้งที่ต้องจ่ายสมทบทุกเดือน คณะกรรมการเห็นว่าเป็นเรื่องที่ต้องมีการสะสาง สิทธิประโยชน์ต้องไม่ด้อยไปกว่าระบบบัตรทอง โดยเฉพาะเรื่องคนพิการต้องได้รับการดูแลอย่างเต็มที่ ซึ่งมีการบรรจุอยู่วาระที่ต้องหารือกันในการประชุมครั้งต่อไปแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า คณะกรรมการได้มีการหารือเรื่องการรวม 3 กองทุนเข้าเป็นกองทุนเดียวหรือไม่ ดร.อัมมาร กล่าวว่า มีความพยายามที่จะผลักดันให้มีการรวมกองทุนกันมาก แต่ส่วนตัวแล้วเห็นว่ายังไม่ถึงเวลาที่ต้องรวมกัน อีกอย่างอาจจะเกิดแรงต่อต้านโดยเฉพาะประชาคมประกันสังคม และประชาคมข้าราชการ เพราะดูเหมือนจะทำให้เขาเสียสิทธิที่มารวมกับกองทุนบัตรทองที่มีงบประมาณน้อย ได้รับจากรัฐเพียงก้อนเดียวเท่านั้น
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
