ตร.ออกหมายจับต่างชาติพัวพันขโมย “ชิ้นส่วนมนุษย์” ศิริราช

ศิริราชเผยชิ้นส่วนมนุษย์ที่ถูกขโมยมีขนาดเล็ก จัดแสดงลักษณะลอย ทำให้หยิบยกง่าย ระบุกล้องวงจรปิดจับภาพต่างชาติสองคนมาชมพิพิธภัณฑ์ชัดเจน แต่ไร้หลักฐานขณะขโมย ตร. ขออภัยทำพลาดปล่อยหลบหนีออกนอกประเทศ ออกหมายจับ 2 ข้อหา พร้อมประสานเอฟบีไอตามดำเนินคดี

วันนี้ (17 พ.ย.) เมื่อเวลา 16.00 น. ที่อาคารศรีสวรินทิรา รพ.ศิริราช ศ.คลินิก นพ.อุดม คชินทร คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล พร้อมด้วย พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ จริตเอก รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ร่วมกันแถลงข่าวกรณีชิ้นส่วนมนุษย์ 5 ชิ้น ถูกขโมยไปจากพิพิธภัณฑ์การแพทย์ศิริราช โดยเป็นชิ้นเท้าเด็ก 1 ชิ้น ชิ้นส่วนของหน้าเพียงครึ่งหน้า 1 ชิ้น ชิ้นส่วนผิวหนัง 2 ชิ้น และหัวใจ 1 ชิ้น หลังจากตำรวจได้รับแจ้งจากพนักงานบริษัท DHL ซึ่งเป็นบริษัทรับส่งพัสดุระหว่างประเทศ ซึ่งสามารถควบคุมตัวชายชาวต่างชาติได้ 2 คน

ศ.คลินิก นพ.อุดม กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำชิ้นส่วนมนุษย์ของกลางมาตรวจสอบกับศิริราช ก็พบว่าเป็นชิ้นส่วนที่ถูกขโมยไปจริง โดยชิ้นส่วน 3 ชิ้น คือ ผิวหนังมนุษย์ 2 ชิ้น และ หัวใจ เป็นส่วนที่มาจากพิพิธภัณฑ์นิติเวชศาสตร์ ตึกอดุลยเดชวิกรม และ 2 ชิ้นที่เหลือ คือ เท้าเด็ก และใบหน้าเพียงครึ่งหน้า มาจากส่วนพิพิธภัณฑ์กายวิภาคศาสตร์ จากตึกกายวิภาคศาสตร์ ซึ่งห่างกันเพียงประมาณ 30 - 40 เมตร โดยทั้ง 5 ชิ้นมีขนาดไม่ใหญ่มาก มีขนาดประมาณ 1 ฝ่ามือ และมีลักษณะแบน การจัดวางแสดงไม่ได้ยึดติดกับโต๊ะหรืออยู่ภายในตู้ เนื่องจากศิริราชทำไว้เพื่อการศึกษาของแพทย์ และประชาชนทั่วไป จึงอาจทำให้เกิดการหยิบยกไปได้ง่าย อย่างไรก็ตาม จากการดูกล้องวงจรปิดพบว่า มีชายชาวต่างชาติสองคนตามที่เป็นข่าวถูกควบคุมตัวได้ เดินทางมาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์จริงเมื่อวันที่ 13 พ.ย. ที่ผ่านมา เมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. ทั้งสองส่วนพิพิธภัณฑ์ แต่กล้องไม่สามารถจับภาพตอนที่ขโมย หรือหยิบยกไปได้ ซึ่งการหายไปของชิ้นส่วนดังกล่าวนี้ใครเป็นผู้ดำเนินการ หรือใครมีส่วนร่วมในกระบวนการ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเป็นผู้สืบสวนสอบสวนขยายผลต่อไป

ศ.คลินิก นพ.อุดม กล่าวว่า ขอยืนยันว่า ชิ้นส่วนอวัยวะมนุษย์ต่างๆ ที่นำมาจัดแสดงภายในพิพิธภัณฑ์นั้น เป็นชิ้นส่วนที่มาจากการปิดคดีเรียบร้อยแล้วทั้งสิ้น ซึ่งสามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ว่าชิ้นส่วนแต่ละชิ้นมาจากคดีใดบ้าง เพราะมีการบันทึกข้อมูลทั้งหมด อย่างชิ้นส่วนทั้ง 5 ชิ้นตำรวจก็นำมาคืนศิริราชเรียบร้อยแล้ว ศิริราชก็จะตรวจสอบต่อไปว่าเป็นชิ้นส่วนที่มาจากคดีหรือกรณีใดบ้าง เพื่อรายงานต่อตำรวจในการสืบสวนขยายผลต่อไป ส่วนข้อสงสัยที่ว่าเจ้าหน้าที่ของศิริราชมีความร่วมมือด้วยหรือไม่นั้น คงเป็นหน้าที่ของตำรวจในการขยายผล แต่เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ที่ทำงานกับพิพิธภัณฑ์มายาวนาน จนมีความรักองค์กร ไม่น่าจะทำเรื่องเช่นนี้ ทั้งนี้ ศิริราชจะต้องปรับปรุงในเรื่องของระบบรักษาความปลอดภัย เพราะจำนวนเจ้าหน้าที่มีจำนวนน้อย ขณะที่นักท่องเที่ยวมีมากถึงประมาณ 300 คนต่อวัน โดยพบว่าพิพิธภัณฑ์ทางการแพทย์ของศิริราชถูกบรรจุอยู่ในไกด์บุ๊กนำเที่ยวของชาวญี่ปุ่นด้วย

พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ กล่าวว่า ชิ้นส่วนหัวใจของมนุษย์มีลักษณะเหมือนโดนแทง อาจเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรม จึงขอให้ศิริราชตรวจสอบย้อนหลังว่าเกี่ยวข้องกับคดีใด โดยขอให้ตรวจสอบย้อนหลังทั้ง 5 ชิ้นส่วน และรายงาน ซึ่งตำรวจจะเร่งรวบรวมสำนวน พยานหลักฐานให้แน่นหนา หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อจะขยายผลสืบสวนต่อไปทั้งคดีเก่า คดีปัจจุบันว่ามีความเชื่อมโยงหรือไม่ เพื่อป้องกันการเกิดคดีเช่นนี้อีก เพราะขณะนี้มีกรณีศพหายและทิ้งศพบ่อยครั้ง มีการลักลอบนำไปทำทางพิธีไสยศาสตร์หรือไม่ โดย สตช. จะต้องมีมาตรการช่วยบูรณาการหน่วยงานต่างๆ ในการป้องกัน เพราะคดีเช่นนี้เกี่ยวข้องกับความรู้สึกทั้งคนในชาติและต่างชาติ อย่างเมื่อปี 2545 ก็มีกรณีขโมยเด็กแฝดที่จัดแสดงจำนวน 2 คู่ ซึ่งภายหลังตามกลับคืนมาได้แค่คู่เดียว ทั้งนี้ เราได้เชิญให้ผู้เชี่ยวชาญการสักยันต์มาดู พบว่า ผิวหนังชิ้นหนึ่งมีลักษณะเป็นยันต์ขอม ในเชิงเมตตามหานิยม และอีกชิ้นหนึ่งเป็นเสือโผน หมายถึงคงกระพัน แคล้วคลาด ซึ่งถือเป็นความเชื่อมานาน ในวงการเชื่อเรื่องนี้มาก

พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ กล่าวว่า การดำเนินคดีนั้นขณะนี้ได้ออกหมายจับชายชาวต่างชาติทั้งสองแล้ว โดยจะดำเนินคดีในข้อหาสำแดงเท็จ ตามมาตรา 99 ของ พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2469 เนื่องจากอ้างว่าเป็นของเด็กเล่น แต่จากการเอกซเรย์แล้วไม่ใช่ มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 5 แสนบาท และข้อหาการลักทรัพย์ของราชการและในสถานที่ราชการ มีโทษจำคุก 1 - 5 ปี ปรับ 2,000 - 10,000 บาท หรืออาจร่วมด้วยข้อหารับของโจร พร้อมกันนี้ ได้ประสานกับทางเอฟบีไอแล้ว อย่างไรก็ตาม ทางตำรวจต้องขออภัยที่ปล่อยให้ชายชาวต่างชาติทั้งสองหลบหนีออกไปจากประเทศไทยได้

พญ.ตุ้มทิพย์ เรืองแสงรุจิ หัวหน้าหน่วยพิพิธภัณฑ์ศิริราช หัวหน้าภาควิชาพยาธิวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวว่า ภายในพิพิธภัณฑ์มีของที่จัดแสดงเป็นเป็นร้อยๆ ชิ้น บางชิ้นจะอยู่บนชั้น บางชิ้นอยู่ในตู้ หรืออยู่บนโต๊ะ เป็นลักษณะลอย สามารถยกได้ ไม่ได้อยู่ในตู้ล็อกกุญแจ จากการตรวจขณะนี้ยังไม่พบชิ้นส่วนที่หายไป พบเพียงแต่ของที่ชำรุดเท่านั้น ส่วนข้อสงสัยเรื่องการตรวจสอบชิ้นส่วนทั้งหมดภายในพิพิธภัณฑ์เรามีการตรวจเป็นประจำประมาณ 6 เดือนต่อครั้ง สำหรับการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่าชายชาวต่างชาติทั้งสองมีการพกเป้และกล้องถ่ายรูปเข้าไปในพิพิธภัณฑ์ด้วย และจากการสอบถามเจ้าหน้าที่ทำความสะอาด ซึ่งมีโอกาสได้พูดคุยกับชาวต่างชาตินั้น ทั้งสองได้อ้างว่าเดินทางมาจากญี่ปุ่น และเข้าชมพิพิธภัณฑ์ทั้งสองแห่งเมื่อเวลาประมาณ 13.00 น.