ตร.เตรียมเสนอหมายจับชาวอเมริกัน 2 ราย ฐานขโมยชิ้นส่วนทารกจากพิพิธภัณฑ์ รพ.ศิริราช ก่อนประสานเอฟบีไอเพื่อขอตัวมาดำเนินคดี หลังหลบหนีออกไปทางด่านสระแก้ว มั่นใจเอาผิดได้ทั้งเรื่องแจ้งกรณีผิด พ.ร.บ.สำแดงเท็จและลักทรัพย์ พบหนึ่งในผู้ต้องสงสัยเคยจ้างขอทานต่อยกันเพื่ออัดคลิปแพร่โซเชียลมีเดีย
กรณีที่เจ้าหน้าที่บริษัท ดีเอชแอล เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด สาขาพระราม 3 บริษัทรับ-ส่งสินค้าระหว่างประเทศ พบชิ้นส่วนทารกและแผ่นหนัง ถูกแช่ฟอร์มาลินเอาไว้ บรรจุอยู่ในกล่องพัสดุและอำพรางโดยด้านบนกล่องมีของเล่นเด็ก และรถเข็นเด็ก ก่อนห่อหุ้มด้วยโฟมกันกระแทก เพื่อเตรียมส่งไปยังสหรัฐอเมริกา
วันนี้ (17 พ.ย.) ที่ สน.บางโพงพาง พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ จริตเอก รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พ.ต.ท.จตุรงค์ ทองพันเลิศกุล สารวัตรฝ่ายตำรวจสากลและประสานงานภูมิภาค 2 ต่างประเทศ พ.ต.อ.อดิศร เสมสวัสดิ์ ผกก.สน.บางโพงพาง นพ.อุดมศักดิ์ หุ่นวิจิตร หัวหน้าภาควิชานิติศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนายอนันดา เจริญโชคชัยชนะ ผู้เชี่ยวชาญด้านรอยสัก สำนักปู่แจ็คช่องนนทรี ร่วมกันแถลงความคืบหน้าคดีดังกล่าว
พล.ต.อ.เรืองศักดิ์กล่าวว่า จากกรณีดังกล่าวซึ่งพบชิ้นส่วนฐานกะโหลกและเท้าของเด็กทารกจำนวน 2 กล่อง นอกจากนี้ยังพบแผ่นหนังลงอักขระจำนวน 2 กล่อง และหัวใจ 1 กล่องซึ่งเป็นชิ้นส่วนของผู้ใหญ่ รวมทั้งหมด 5 กล่อง จากการตรวจสอบพบว่านายไรอัน เอดเวิร์ด แม็กฟอร์สัน อายุ 31 ปี และนายแดเนียล เจมอน แทนเนอร์ 33 ปี เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเป็นครั้งแรก เมื่อเวลาประมาณ 02.00 น.ของวันที่ 13 พ.ย.ที่ผ่านมาในฐานะนักท่องเที่ยว ก่อนที่จะมีการส่งพัสดุดังกล่าวที่จุดบริการของดีเอชแอลสาขาบีทีเอส สนามกีฬา จนกระทั่งมีการเอกซเรย์และตรวจพบครั้งนี้ ซึ่งเมื่อเวลาประมาณ 08.00 น.ของวันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา นายไรอัน และนายแดเนียลได้เดินทางออกนอกประเทศไทยทางด่านตรวจประเทศไทยทางด่านตรวจบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว
ผศ.นพ.กรเกียรติกล่าวว่า หลังจากทางเราได้รับการประสานว่าพบชิ้นส่วนมนุษย์บรรจุอยู่ในกล่องเตรียมจัดส่ง เมื่อได้นำมาตรวจสอบก็พบว่าถูกบรรจุอยู่ในกล่อง 5 กล่อง ดูจากการแพกแล้วต้องกระทำโดยผู้มีความรู้ ทั้งการบล็อกพลาสติก และการบรรจุในกล่องอะคริริก กล่องแรกที่พบเป็นเท้าเด็กถูกหั่นออกเป็น 3 ชิ้น กล่องที่ 2 เป็นฐานกะโหลกและใบหน้าเด็ก กล่องที่ 3 เป็นชิ้นเนื้อรูปทรงจัตุรัส มีการลงยันต์รูปเสือโผน กล่องที่ 4 ชิ้นเนื้อรูปทรงจัตุรัสมีการลงยันต์มหาอุต กล่องที่ 5 เป็นชิ้นส่วนหัวใจ ซึ่งในส่วนของหัวใจและชิ้นเนื้อลงยันต์มีร่องรอยการถูกแทงด้วยของแข็ง นอกจากนี้ที่กล่องยังมีสติกเกอร์กำกับว่า ปี 2541 ขณะนี้คาดว่าอาจจะถูกขโมยมาจากสถาบันใดสถาบันหนึ่ง มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นชิ้นส่วนที่ถูกเก็บไว้ที่ในสถานศึกษาเพื่อใช้ในการศึกษา หรือสถาบันการแพทย์ หรือพิพิธภัณฑ์ เพราะดูจากการแพกและการตัดแยกชิ้นส่วนที่น่าจะกระทำได้ที่โรงพยาบาลใหญ่เท่านั้นจึงจะมีเครื่องมือ ส่วนในกรณีการตรวจเอกลักษณ์บุคคลนั้นยังไม่ได้ทำการตรวจสอบ เพราะทาง สน.บางโพงพางทำเรื่องขอชิ้นส่วนทั้งหมดกลับไปเพื่อสืบสวน หากจะต้องตรวจเอกลักษณ์บุคคลหรือตรวจสอบว่าถูกฆาตกรรมหรือไม่ ก็สามารถนำกลับมาตรวจได้ นอกจากนี้เมื่อมีกรณีดังกล่าวตนได้ลองสืบค้นข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตพบว่าที่ลาสเวกัสมีพิพิธพันธ์เพื่อจัดแสดงชิ้นส่วนมนุษย์อยู่ อาจเป็นไปได้ว่านำไปเพื่อจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์หรือชาวต่างชาติสองคนดังกล่าวอาจจะส่งไปเพื่อให้เพื่อนหรือกระทำการอื่นก็เป็นได้
นายอนันดากล่าวว่า ในส่วนของยันต์ที่พบนั้น ชิ้นแรกเป็นยันต์เสือโผน สักเพื่อความคงกระพัน หนังเหนียว นิยมสักกันที่ภาคอีสาน อีกชิ้นเป็นยันต์มหาอุต 8 ทิศ ปิด 9 ทวาร สักเพื่อคงกระพันฟันแทงไม่เข้า นิยมสักเมื่อ 20-30 ปีก่อน ลงลายสักด้วยน้ำว่านผสมน้ำหมึก อีกทั้งการลงเลขต่างๆ เห็นได้ชัดว่าน่าจะเป็นยันต์คนไทยเพราะชาวต่างชาตินิยมสักสวยงามมากกว่า
พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า จากการสืบสวนเป็นไปได้ว่าอาจเป็นเพียงคดีลักทรัพย์ อาจจะเป็นความผิดที่ส่งออกโดยมิชอบ ต้องประสานกรมศุลกากรอีกครั้งเพื่อตรวจสอบว่าเป็นความผิดฐานใดอาจจะเป็นการผิด พ.ร.บ.ศุลกากร กรณีสำแดงเท็จ เพราะในขั้นต้นถูกแจ้งว่าจะส่งออกของเล่น แต่เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าไม่ใช่
พ.ต.ท.จตุรงค์กล่าว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้ากำลังประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจต่างประเทศ เพื่อตรวจสอบสถานที่ปลายทางว่ามีอยู่จริงไหม เป็นที่อยู่ใคร เป็นสถานที่ประเภทใด
นอกจากนี้ยังมีรายงานข่าวว่า นายไรอันโด่งดังในอเมริกาเนื่องจากเคยใช้เงินจ้างขอทานชาวอเมริกัน 2 คนให้ชกต่อยกัน ก่อนอัดคลิปเพื่อเผยแพร่ลงในโซเชียลเน็ตเวิร์ก ทำให้ชาวอเมริกาที่เข้าไปดูเกิดความไม่พอใจเป็นอย่างมาก
ต่อมาเมื่อเวลา 16.00 น. ที่ รพ.ศิริราช พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ จริตเอก รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พ.ต.อ.ธนกฤจ ไชยจารุวุฒิ ผกก.สน.บางกอกน้อย ศาสตรจารย์คลินิก นพ.อุดม คชินทร คณะบดี คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล และรศ.พญ.ตุ้มทิพย์ แสงรุจิ หัวหน้าหน่วยพิพิธภัณฑ์ศิริราช หัวหน้าภาควิชาพยาธิวิทยา คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล ร่วมกันแถลงข่าวจากกรณีที่ทาง รพ.ศิริราชตรวจสอบแล้วพบว่าอวัยวะที่พบทั้งหมดเป็นของทางศิริราช
นพ.อุดมกล่าวว่า ตามที่มีข่าวออกว่ามีการพบชิ้นส่วนอวัยวะมนุษย์นั้น ขอยืนยันว่าอวัยวะทั้งหมดเป็นของ รพ.ศิริราชจริง โดยส่วนของชิ้นเนื้อ หัวใจ มาจากห้องนิติเวช และส่วนของเท้าเด็กที่มีความผิดปกติทางกายภาค และฐานกะโหลกที่มีหน้าเด็กมาจากพิพิธภัณฑ์กายวิภาคซึ่งปกติจะเปิดให้ประชาชนทั่วไป รวมถึงนักศึกษาแพทย์เข้าชม แต่ละชิ้นไม่ใหญ่มาก มีการวางไว้ในตู้หรือบนชั้นวาง เป็นชิ้นลอยสามารถหยิกยกออกมาได้ง่าย เมื่อตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดพบชาวอเมริกันสองคนดังกล่าวมาที่ รพ.ศิริราชจริงเมื่อวันที่ 13 พ.ย. แต่กล้องไม่สามารถจับตอนขณะหยิบฉวยอวัยวะได้ เพราะกล้องไม่ครอบคลุม เป็นไปได้ว่าอาจจะหยิบออกไปเอง ส่วนกรณีที่สงสัยว่ามีคนในร่วมมือด้วยหรือไม่นั้น ตนค่อนข้างเชื่อให้ตัวพนักงานแต่ละคน เพราะทำงานกันมานานแล้ว จะต้องให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้ง อีกทั้งกรณีที่พบว่ามีร่องรอยการถูกแทงที่หัวใจนั้น ขอยันว่าในการจะนำอวัยวะมาศึกษานั้น ทุกชิ้นส่วนต้องรอให้คดีเสร็จสิ้นก่อนจึงจะนำมาได้ แต่ขณะนี้กำลังให้เจ้าหน้าที่ภายในตรวจสอบอยู่ว่าชิ้นส่วนมาจากคดีใดบ้าง
นพ.อุดมกล่าวว่า ทางเราเพิ่งทราบว่าอวัยวะดังกล่าวเป็นของเราเมื่อข่าวออกว่าพบชิ้นส่วนดังกล่าว ปกติจะมีการตรวจสอบชิ้นส่วนต่างๆ ทุก 6 เดือน สำหรับมาตรการในการป้องกัน ทางเราจะเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบ และเพิ่มกล้องวงจรปิดให้มากยิ่งขึ้น เนื่องจากกล้องวงจรปิดที่มีอยู่ยังไม่ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ทางเราคงต้องพึ่งตนเองก่อนที่จะพึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะทางเจ้าหน้าที่เองก็ให้ความความช่วยเหลือเราอย่างเต็มที่อยู่แล้ว
พล.ต.อ.เรืองศักดิ์กล่าวว่า เบื้องต้นจะต้องขยายผลต่อทั้งสอง สน.คือ สน.บางโพงพางที่เป็นต้นเรื่อง และสน.บางกอกน้อย ซึ่งเป็นสน.ท้องที่ของ รพ.ศิริราช ต้องร่วมกันตรวจสอบพยานหลักฐานให้ชัดเจนที่สุด ก่อนสรุปคดี ซึ่งจากขั้นต้นที่จะมีเพียงการแจ้งกรณีผิด พ.ร.บ.สำแดงเท็จ ขณะนี้ก็จะทำเรื่องการขอออกหมายจับอาจจะเป็นความผิดฐาน ลักทรัพย์ หรือรับของโจร กรณีที่เป็นห่วงว่าชายชาวอเมริกันทั้งสองคนออกนอกประเทศไปแล้ว ถือว่าไม่น่าเป็นห่วง หลังจากออกหมายจับแล้วสามารถประสานทางเอฟบีไอให้ส่งตัวมาดำเนินคดีได้ เพราะในขั้นตนเราไม่สามารถกักตัวทั้งสองคนไว้ได้จริงๆ เนื่องจากไม่มีความผิดใด อีกทั้งทั้งสองคนก็ยังให้ข้อมูลกับตำรวจเป็นอย่างดี