เครือข่ายเยาวชนฯ จี้ตำรวจเข้มบังคับใช้กฎหมายคุมน้ำเมาในวันลอยกระทง แนะจับตาสวนสาธารณะ - รอบสถานศึกษา หวั่นละเมิดกฎหมาย วอนสถานบันเทิงอย่าฉวยโอกาสเปิดโปรโมชั่นลด แลก แจก แถม ดึงลูกค้า เตือนเด็ก เยาวชนหญิงเที่ยวเป็นกลุ่ม เลี่ยงพื้นที่ล่อแหลม
วันนี้ (5 พ.ย. ) นายธีรภัทร์ คหะวงศ์ ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ กล่าวว่า ประเพณีลอยกระทงถือเป็นวัฒนธรรมที่ดีงาม แต่ปัจจุบันพบว่ามีพฤติกรรมเสี่ยงเกิดขึ้นหลายอย่างในเทศกาลลอยกระทง ทั้งการเล่นพลุ ประทัด ดอกไม่ไฟที่อันตราย ไปจนถึงการปล่อยโคมลอยที่สร้างปัญหาผลกระทบตามมาทั้งการตกใส่หลังคาบ้านเรือน รวมไปถึงเป็นปัญหากระทบต่อการบิน ซึ่งอันตรายอย่างยิ่ง แต่เป็นเรื่องที่ยังไม่มีมาตรการแก้ไขปัญหาแบบเบ็ดเสร็จ และนับวันยิ่งควบคุมยาก ขณะเดียวกัน ช่วงลอยกระทงก็เต็มไปด้วยความเสี่ยง ทั้งอุบัติเหตุ การทะเลาะวิวาท การถูกคุกคามทางเพศ เพราะมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้ามาเกี่ยวข้อง แม้ปัจจุบัน พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 จะห้ามขายห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสวนสาธารณะ ซึ่งเกือบทั้งหมดใช้เป็นสถานที่จัดงานลอยกระทง ผู้ที่ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่จากการเฝ้าระวังของเครือข่ายฯ พบว่า แทบทุกปีงานลอยกระทงในหลายพื้นที่ที่จัดในสวนสาธารณะในสถานศึกษา และแม้แต่ในสถานที่ราชการ มักจะไม่เข้มงวดในการควบคุมเหล้าเบียร์
“แม้สวนสาธารณะจะเป็นสถานที่ห้ามขายห้ามดื่มอย่างชัดเจน แต่เจ้าหน้าที่ยังละเลยปล่อยให้มีการขาย และดื่ม ดังนั้น เครือข่ายเยาวชนฯจึงขอเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบังคับใช้กฎหมายในสถานที่จัดงานอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการจัดงานในสวนสาธารณะสถานที่ราชการ มหาวิทยาลัย โรงเรียน รวมถึงขอเรียกร้องกับร้านเหล้าผับบาร์ควรเคารพกฎหมาย ไม่ฉวยโอกาสใช้วันลอยกระทงทำยอดขายจัดโปรโมชันลดแลกแจกแถม และขายเหล้าให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี หน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบเรื่องนี้ รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบสวนสาธารณะต้องเฝ้าระวังเพิ่มความเข้มมากขึ้น อย่าให้เรื่องของอบายมุขและปัจจัยเสี่ยประทัด โคมลอยเข้ามาทำให้คนอื่นเดือดร้อน และทำให้วันลอยกระทงต้องกลายเป็นประเพณีเสื่อมถอยลงไปเรื่อยๆ” นายธีรภัทร์ กล่าว
ด้านนางสาวปาริณี ต่างสี แกนนำกลุ่มนักศึกษากฎหมายเพื่อสังคม มหาวิทยาลัยรามคำแหง กล่าวว่า อยากฝากเตือนเพื่อนๆ น้องๆ ผู้หญิงที่จะไปลอยกระทงหรือออกจากบ้าน ออกจากหอไปเที่ยวลอยกระทงให้ไปกันเป็นกลุ่ม ไม่ไปในพื้นที่ล่อแหลมในมุมที่ไม่ปลอดภัยและที่สำคัญไม่ควรไปกับกลุ่มเพื่อนที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงเราเองไม่ควรดื่มด้วย อย่าหลงเชื่อเพื่อนที่ท้าหรือชวนให้ลอง เพราะเครือข่ายฯ เคยได้ข้อมูลจากเยาวชนในสถานพินิจ ที่ระบุตรงกันว่ามีการใช้เหล้าปั่นเป็นอุบายล่อลวงให้เด็กผู้หญิงดื่ม ซึ่งโดยทั่วไปคนจำนวนมากคิดว่าเหล้าปั่นเป็นแค่น้ำผลไม้ แต่จริงๆ แล้วในกลุ่มวัยรุ่นผู้ชายจะรู้กันว่าเหล้าปั่นราคาถูก และเมื่อแอลกอฮอล์ผสมกับความหวานหรือน้ำผลไม้จะทำให้กินง่าย แต่ผลคือเมาง่าย เมาลึก และเมาแบบไม่รู้สึกตัวไม่ได้สติทำให้ง่ายต่อการล่อลวง จึงเป็นเรื่องที่ต้องระวัง
“การที่รัฐบาลให้ความสำคัญกับปัญหาร้านเหล้ารอบสถานศึกษาปัญหาเหล้าปั่น นับเป็นสัญญาณที่ดี แต่ปัจจุบันยังพบว่าในทางปฏิบัติยังไม่เป็นจริง เพราะกฎหมาย พ.ร.บ.สุรา พ.ศ. 2493 มาตรา 23 เอาผิดได้เฉพาะการเปลี่ยนแปลงน้ำสุราไว้ก่อนเท่านั้น แต่หากมีการร้องขอจากผู้ซื้อให้ผสมหรือปั่น ไม่น่าจะเข้าข่ายที่จะเอาผิดได้ตามมาตรานี้ เรื่องนี้จึงต้องมีการแก้ไขกฎหมายของสรรพสามิตด้วย และหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารัฐบาลนี้จะมีความกล้าหาญเพียงพอในการจัดโซนนิ่งร้านเหล้าให้ห่างจากสถานศึกษาได้อย่างเป็นรูปธรรม” นางสาวปาริณี กล่าว
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
วันนี้ (5 พ.ย. ) นายธีรภัทร์ คหะวงศ์ ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ กล่าวว่า ประเพณีลอยกระทงถือเป็นวัฒนธรรมที่ดีงาม แต่ปัจจุบันพบว่ามีพฤติกรรมเสี่ยงเกิดขึ้นหลายอย่างในเทศกาลลอยกระทง ทั้งการเล่นพลุ ประทัด ดอกไม่ไฟที่อันตราย ไปจนถึงการปล่อยโคมลอยที่สร้างปัญหาผลกระทบตามมาทั้งการตกใส่หลังคาบ้านเรือน รวมไปถึงเป็นปัญหากระทบต่อการบิน ซึ่งอันตรายอย่างยิ่ง แต่เป็นเรื่องที่ยังไม่มีมาตรการแก้ไขปัญหาแบบเบ็ดเสร็จ และนับวันยิ่งควบคุมยาก ขณะเดียวกัน ช่วงลอยกระทงก็เต็มไปด้วยความเสี่ยง ทั้งอุบัติเหตุ การทะเลาะวิวาท การถูกคุกคามทางเพศ เพราะมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้ามาเกี่ยวข้อง แม้ปัจจุบัน พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 จะห้ามขายห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสวนสาธารณะ ซึ่งเกือบทั้งหมดใช้เป็นสถานที่จัดงานลอยกระทง ผู้ที่ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่จากการเฝ้าระวังของเครือข่ายฯ พบว่า แทบทุกปีงานลอยกระทงในหลายพื้นที่ที่จัดในสวนสาธารณะในสถานศึกษา และแม้แต่ในสถานที่ราชการ มักจะไม่เข้มงวดในการควบคุมเหล้าเบียร์
“แม้สวนสาธารณะจะเป็นสถานที่ห้ามขายห้ามดื่มอย่างชัดเจน แต่เจ้าหน้าที่ยังละเลยปล่อยให้มีการขาย และดื่ม ดังนั้น เครือข่ายเยาวชนฯจึงขอเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบังคับใช้กฎหมายในสถานที่จัดงานอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการจัดงานในสวนสาธารณะสถานที่ราชการ มหาวิทยาลัย โรงเรียน รวมถึงขอเรียกร้องกับร้านเหล้าผับบาร์ควรเคารพกฎหมาย ไม่ฉวยโอกาสใช้วันลอยกระทงทำยอดขายจัดโปรโมชันลดแลกแจกแถม และขายเหล้าให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี หน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบเรื่องนี้ รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบสวนสาธารณะต้องเฝ้าระวังเพิ่มความเข้มมากขึ้น อย่าให้เรื่องของอบายมุขและปัจจัยเสี่ยประทัด โคมลอยเข้ามาทำให้คนอื่นเดือดร้อน และทำให้วันลอยกระทงต้องกลายเป็นประเพณีเสื่อมถอยลงไปเรื่อยๆ” นายธีรภัทร์ กล่าว
ด้านนางสาวปาริณี ต่างสี แกนนำกลุ่มนักศึกษากฎหมายเพื่อสังคม มหาวิทยาลัยรามคำแหง กล่าวว่า อยากฝากเตือนเพื่อนๆ น้องๆ ผู้หญิงที่จะไปลอยกระทงหรือออกจากบ้าน ออกจากหอไปเที่ยวลอยกระทงให้ไปกันเป็นกลุ่ม ไม่ไปในพื้นที่ล่อแหลมในมุมที่ไม่ปลอดภัยและที่สำคัญไม่ควรไปกับกลุ่มเพื่อนที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงเราเองไม่ควรดื่มด้วย อย่าหลงเชื่อเพื่อนที่ท้าหรือชวนให้ลอง เพราะเครือข่ายฯ เคยได้ข้อมูลจากเยาวชนในสถานพินิจ ที่ระบุตรงกันว่ามีการใช้เหล้าปั่นเป็นอุบายล่อลวงให้เด็กผู้หญิงดื่ม ซึ่งโดยทั่วไปคนจำนวนมากคิดว่าเหล้าปั่นเป็นแค่น้ำผลไม้ แต่จริงๆ แล้วในกลุ่มวัยรุ่นผู้ชายจะรู้กันว่าเหล้าปั่นราคาถูก และเมื่อแอลกอฮอล์ผสมกับความหวานหรือน้ำผลไม้จะทำให้กินง่าย แต่ผลคือเมาง่าย เมาลึก และเมาแบบไม่รู้สึกตัวไม่ได้สติทำให้ง่ายต่อการล่อลวง จึงเป็นเรื่องที่ต้องระวัง
“การที่รัฐบาลให้ความสำคัญกับปัญหาร้านเหล้ารอบสถานศึกษาปัญหาเหล้าปั่น นับเป็นสัญญาณที่ดี แต่ปัจจุบันยังพบว่าในทางปฏิบัติยังไม่เป็นจริง เพราะกฎหมาย พ.ร.บ.สุรา พ.ศ. 2493 มาตรา 23 เอาผิดได้เฉพาะการเปลี่ยนแปลงน้ำสุราไว้ก่อนเท่านั้น แต่หากมีการร้องขอจากผู้ซื้อให้ผสมหรือปั่น ไม่น่าจะเข้าข่ายที่จะเอาผิดได้ตามมาตรานี้ เรื่องนี้จึงต้องมีการแก้ไขกฎหมายของสรรพสามิตด้วย และหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารัฐบาลนี้จะมีความกล้าหาญเพียงพอในการจัดโซนนิ่งร้านเหล้าให้ห่างจากสถานศึกษาได้อย่างเป็นรูปธรรม” นางสาวปาริณี กล่าว
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
Loadingเครื่อง oncothermia ความหวังใหม่รักษามะเร็งเต้านม-ตับระยะท้าย ใช้คลื่นวิทยุยิงเฉพาะจุดมะเร็งจนเกิดความร้อน เอื้อยาเคมีบำบัดเข้าถึงมะเร็งง่ายขึ้น ผลศึกษาก้แนมะเร็งเต้านมยุบทั้งหมด 22% ผู้ป่วยมะเร็งตับอายุยืนขึ้น
