องค์กรสตรี - ดีเจรายการเด็ก ชง ครม. ผลักดันร่าง พ.ร.บ.กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยฯ หวังเกิดสื่อดีหลากหลาย สนองเด็กและเยาวชนให้เท่าทัน ชี้กองทุนต้องเป็นอิสระไม่ถูกครอบงำจากระบบราชการ
วันนี้ (28 ต.ค.) นางสรวงมณฑ์ สิทธิสมาน นักจัดรายการวิทยุคลื่น FM.105 คลื่นสีขาวเพื่อเด็ก เยาวชนและครอบครัว กล่าวถึงการสนับสนุนและผลักดันให้เกิด พ.ร.บ.กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ พ.ศ... ซึ่งคาดว่าจะเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในเร็วๆ นี้ ว่า ร่าง พ.ร.บ.กองทุนสื่อฯ ถือเป็นประเด็นเร่งด่วนที่ ครม. ต้องหยิบยกขึ้นมาให้ความสำคัญ เนื่องจากการสื่อสารที่ไร้พรมแดนทำให้ช่องทางการเสพสื่อของเด็กและเยาวชนมีมากเกินขอบเขต สื่อถาโถมเข้ามาปะทะตัวเด็กมากจนล้นเกิน บางสื่อไม่เหมาะสมชี้นำสังคมจนน่ากลัว นอกจากเด็กจะแยกแยะไม่ออกแล้ว พ่อแม่ผู้ปกครองเองก็ยังรู้ไม่เท่าทันสื่อ
“ขอให้ ครม. เห็นความสำคัญ เพราะกองทุนพัฒนาสื่อจะเป็นเหมือนเครื่องมือคอยช่วยกำหนดทิศทางที่ชัดเจน เสริมพลังให้คนผลิตสื่อดีๆ มีพื้นที่สร้างสรรค์เหมาะกับคนทุกวัย ดังนั้น จึงไม่ควรปล่อยให้รายการเด็ก สื่อเพื่อเด็ก รายการดีๆ ต้องเป็นไปตามสังคมทุนมาเป็นตัวกำหนด เพราะการมุ่งแสวงหากำไรมุ่งสร้างรายได้ จะนำปัญหากระทบต่อสังคมในอนาคต ทั้งนี้เรื่องสื่อปลอดภัย เด็กไทยเท่าทันสื่อรัฐคงไม่สามารถทำเองคนเดียวได้ แต่ต้องมุ่งไปสู่การมีส่วนร่วมจากภาคประชาชน พ่อแม่ผู้ปกครองต้องเข้ามากำหนดโจทย์ ไม่ปล่อยตามมีตามเกิด ต้องมีเจ้าภาพในเรื่องนี้ ซึ่งกองทุนนี้มีส่วนสำคัญ เราควรวางรากฐานและลงทุนกับเด็กไว้ก่อนที่เขาจะเติบโตมาเป็นอนาคตชาติ ถึงเวลาแล้วที่เด็กเยาวชนจะได้รับสื่อดีๆ และภาครัฐต้องสนับสนุนคนทำงาน คนทำสื่อที่สร้างสรรค์ให้เขาได้มีที่ยืนด้วย กองทุนนี้ต้องทำหน้าที่สร้างภูมิคุ้มกันสื่อร้าย ช่วยให้เด็กไทยเท่าทันสื่อโดยมุ่งให้เกิดการเรียนรู้ไปด้วยกันมากกว่าการบอกให้ท่องจำ” นางสรวงมณฑ์ กล่าว
ด้าน นายจะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวว่า ที่ผ่านมาทุกภาคส่วนพยายามพัฒนาควบคุมสื่อให้เป็นไปในทิศทางที่สร้างสรรค์ เนื่องจากสื่อมีผลกระทบต่อการสร้างความจดจำ เช่น ฉากในละครที่มีความรุนแรง ตบตี ข่มขืน ทำให้เด็กเยาวชนบางส่วนแยกแยะไม่ได้ ยิ่งตอกย้ำความรุนแรงเข้าไป เราพบว่าการที่เด็กและเยาวชนถูกบ่มเพาะความรุนแรงจากสื่อทั้งเกม ละคร การ์ตูนเว็บออนไลน์ทั้งหลาย เป็นอันตรายมาก เพราะเขาจะเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่าความรุนแรง การไม่เคารพสิทธิผู้อื่น การคุกคามทางเพศเป็นเรื่องที่กระทำได้ ประกอบกับระบบการศึกษาของเรายังให้ความสำคัญกับเรื่องนี้น้อยมาก ดังนั้นกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยฯที่จะเข้าสู่การพิจารณาของ ครม. จะเป็นจุดสำคัญเพื่อเป็นตัวช่วยให้เกิดสิ่งที่สร้างสรรค์สำหรับสังคมไม่หมิ่นเหม่ ไม่รุนแรง ไม่เป็นหัวเชื้อของปัญหาต่างๆ ในสังคม และคนทุกเพศทุกวัยสามารถเข้าถึงได้อย่างเท่าทัน
“ต้องยอมรับว่าทุกวันนี้ ภาครัฐรับมือไม่ไหวกับสภาพปัญหาที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงไปเร็วมาก ทิศทางของหลายๆประเทศในโลกกำลังถ่ายโอนบางภารกิจให้ประชาชนเข้ามามีส่วนรับผิดชอบ ทำงานร่วมกับรัฐ มาช่วยงานของรัฐมากขึ้น การเกิดขึ้นของกองทุนนี้หัวใจสำคัญ และจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีความเป็นอิสระไม่ถูกครอบงำจากระบบราชการ เหมือนเช่นหลายๆกองทุนที่มีมาแล้วในอดีต ซึ่งสุดท้ายก็กลายเป็นระบบราชการปกติ ไม่สามารถรับมือกับปัญหาหรือบรรลุตามเจตนารมณ์ในการจัดตั้งกองทุนได้เลย บางกองทุนแทบไม่มีการประชุมกันเลย หรือท้ายที่สุดก็จะถูกล้วงลูกจากฝ่ายการเมืองและข้าราชการประจำ จากบทเรียนที่ผ่านมาพบว่าหลายกองทุนมีการวางกฎระเบียบขั้นตอนที่ซับซ้อนจนทำให้ประชาชนเข้าไม่ถึง ใช้ประโยชน์ไม่ได้จริง ซึ่งเรื่องนี้ควรเป็นบทเรียนต้องไม่เกิดขึ้นกับกองทุนนี้ และหาก ครม. ให้ความสำคัญ เห็นชอบร่างกฎหมายฉบับนี้ส่งให้ สภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก็จะเป็นผลงานชิ้นสำคัญของรัฐบาล และหวังว่ากองทุนนี้จะเป็นประโยชน์ต่อทุกคน ไม่ควรให้ใครนำกองทุนไปแสวงหาผลประโยชน์ของพรรคพวกตัวเองหรือคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง” นายจะเด็จ กล่าว
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
วันนี้ (28 ต.ค.) นางสรวงมณฑ์ สิทธิสมาน นักจัดรายการวิทยุคลื่น FM.105 คลื่นสีขาวเพื่อเด็ก เยาวชนและครอบครัว กล่าวถึงการสนับสนุนและผลักดันให้เกิด พ.ร.บ.กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ พ.ศ... ซึ่งคาดว่าจะเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในเร็วๆ นี้ ว่า ร่าง พ.ร.บ.กองทุนสื่อฯ ถือเป็นประเด็นเร่งด่วนที่ ครม. ต้องหยิบยกขึ้นมาให้ความสำคัญ เนื่องจากการสื่อสารที่ไร้พรมแดนทำให้ช่องทางการเสพสื่อของเด็กและเยาวชนมีมากเกินขอบเขต สื่อถาโถมเข้ามาปะทะตัวเด็กมากจนล้นเกิน บางสื่อไม่เหมาะสมชี้นำสังคมจนน่ากลัว นอกจากเด็กจะแยกแยะไม่ออกแล้ว พ่อแม่ผู้ปกครองเองก็ยังรู้ไม่เท่าทันสื่อ
“ขอให้ ครม. เห็นความสำคัญ เพราะกองทุนพัฒนาสื่อจะเป็นเหมือนเครื่องมือคอยช่วยกำหนดทิศทางที่ชัดเจน เสริมพลังให้คนผลิตสื่อดีๆ มีพื้นที่สร้างสรรค์เหมาะกับคนทุกวัย ดังนั้น จึงไม่ควรปล่อยให้รายการเด็ก สื่อเพื่อเด็ก รายการดีๆ ต้องเป็นไปตามสังคมทุนมาเป็นตัวกำหนด เพราะการมุ่งแสวงหากำไรมุ่งสร้างรายได้ จะนำปัญหากระทบต่อสังคมในอนาคต ทั้งนี้เรื่องสื่อปลอดภัย เด็กไทยเท่าทันสื่อรัฐคงไม่สามารถทำเองคนเดียวได้ แต่ต้องมุ่งไปสู่การมีส่วนร่วมจากภาคประชาชน พ่อแม่ผู้ปกครองต้องเข้ามากำหนดโจทย์ ไม่ปล่อยตามมีตามเกิด ต้องมีเจ้าภาพในเรื่องนี้ ซึ่งกองทุนนี้มีส่วนสำคัญ เราควรวางรากฐานและลงทุนกับเด็กไว้ก่อนที่เขาจะเติบโตมาเป็นอนาคตชาติ ถึงเวลาแล้วที่เด็กเยาวชนจะได้รับสื่อดีๆ และภาครัฐต้องสนับสนุนคนทำงาน คนทำสื่อที่สร้างสรรค์ให้เขาได้มีที่ยืนด้วย กองทุนนี้ต้องทำหน้าที่สร้างภูมิคุ้มกันสื่อร้าย ช่วยให้เด็กไทยเท่าทันสื่อโดยมุ่งให้เกิดการเรียนรู้ไปด้วยกันมากกว่าการบอกให้ท่องจำ” นางสรวงมณฑ์ กล่าว
ด้าน นายจะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวว่า ที่ผ่านมาทุกภาคส่วนพยายามพัฒนาควบคุมสื่อให้เป็นไปในทิศทางที่สร้างสรรค์ เนื่องจากสื่อมีผลกระทบต่อการสร้างความจดจำ เช่น ฉากในละครที่มีความรุนแรง ตบตี ข่มขืน ทำให้เด็กเยาวชนบางส่วนแยกแยะไม่ได้ ยิ่งตอกย้ำความรุนแรงเข้าไป เราพบว่าการที่เด็กและเยาวชนถูกบ่มเพาะความรุนแรงจากสื่อทั้งเกม ละคร การ์ตูนเว็บออนไลน์ทั้งหลาย เป็นอันตรายมาก เพราะเขาจะเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่าความรุนแรง การไม่เคารพสิทธิผู้อื่น การคุกคามทางเพศเป็นเรื่องที่กระทำได้ ประกอบกับระบบการศึกษาของเรายังให้ความสำคัญกับเรื่องนี้น้อยมาก ดังนั้นกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยฯที่จะเข้าสู่การพิจารณาของ ครม. จะเป็นจุดสำคัญเพื่อเป็นตัวช่วยให้เกิดสิ่งที่สร้างสรรค์สำหรับสังคมไม่หมิ่นเหม่ ไม่รุนแรง ไม่เป็นหัวเชื้อของปัญหาต่างๆ ในสังคม และคนทุกเพศทุกวัยสามารถเข้าถึงได้อย่างเท่าทัน
“ต้องยอมรับว่าทุกวันนี้ ภาครัฐรับมือไม่ไหวกับสภาพปัญหาที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงไปเร็วมาก ทิศทางของหลายๆประเทศในโลกกำลังถ่ายโอนบางภารกิจให้ประชาชนเข้ามามีส่วนรับผิดชอบ ทำงานร่วมกับรัฐ มาช่วยงานของรัฐมากขึ้น การเกิดขึ้นของกองทุนนี้หัวใจสำคัญ และจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีความเป็นอิสระไม่ถูกครอบงำจากระบบราชการ เหมือนเช่นหลายๆกองทุนที่มีมาแล้วในอดีต ซึ่งสุดท้ายก็กลายเป็นระบบราชการปกติ ไม่สามารถรับมือกับปัญหาหรือบรรลุตามเจตนารมณ์ในการจัดตั้งกองทุนได้เลย บางกองทุนแทบไม่มีการประชุมกันเลย หรือท้ายที่สุดก็จะถูกล้วงลูกจากฝ่ายการเมืองและข้าราชการประจำ จากบทเรียนที่ผ่านมาพบว่าหลายกองทุนมีการวางกฎระเบียบขั้นตอนที่ซับซ้อนจนทำให้ประชาชนเข้าไม่ถึง ใช้ประโยชน์ไม่ได้จริง ซึ่งเรื่องนี้ควรเป็นบทเรียนต้องไม่เกิดขึ้นกับกองทุนนี้ และหาก ครม. ให้ความสำคัญ เห็นชอบร่างกฎหมายฉบับนี้ส่งให้ สภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก็จะเป็นผลงานชิ้นสำคัญของรัฐบาล และหวังว่ากองทุนนี้จะเป็นประโยชน์ต่อทุกคน ไม่ควรให้ใครนำกองทุนไปแสวงหาผลประโยชน์ของพรรคพวกตัวเองหรือคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง” นายจะเด็จ กล่าว
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
