บอร์ด สปสช. เห็นชอบเอาเงินดอกเบี้ย สปสช. หนุนงานนโยบาย รมว.สาธารณสุข พร้อมทำแนวทางการบริหารครอบคลุมนโยบาย 10 ด้าน ไฟเขียวการจัดสรรงบค่าเสื่อมปี 58 กระจายลงพื้นที่ใน พ.ย. เร่งรัดจัดซื้อจัดจัางให้เสร็จใน 1 ปี
วันนี้ (16 ต.ค.) นพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) โดยมี ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รมว.สาธารณสุข เป็นประธาน ว่า บอร์ด สปสช. เห็นชอบการจัดสรรงบค่าเสื่อมปีงบประมาณ 2558 จำนวน 5 พันล้านบาท โดยให้ สปสช. โอนเงินประมาณ 80% ไปยังหน่วยบริการ ซึ่งจะพิจารณาจากจำนวนประชากรและการให้บริการที่เกิดขึ้นจริง ให้แล้วเสร็จภายใน พ.ย.นี้ และให้หน่วยบริการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี ตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้มีการใช้งบลงทุน ส่วนที่เหลืออีก 20% หรือประมาณ 1 พันล้านบาท สธ. จะต้องเป็นผู้พิจารณาการจัดสรรและทำข้อเสนอมายัง สปสช.
“ตามนิยามของงบค่าเสื่อมจะเป็นการใช้เพื่อประโยชน์โดยตรงต่อผู้ป่วย เช่น เรื่องการจัดซื้อเวชภัณฑ์ อุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆ แต่หากตีความจะหมายรวมถึงการใช้เพื่อการก่อสร้างที่พักแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ด้วย เพราะถือว่าเป็นส่วนที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการประชาชนด้วย” นพ.วินัย กล่าว
นพ.วินัย กล่าวว่า นอกจากนี้ บอร์ดยังเห็นชอบให้นำดอกเบี้ยจากการฝากธนาคารของ สปสช. ที่มีประมาณปีละ 100 ล้านบาท มาใช้ดำเนินการตอบสนองต่อนโยบายของ รมว.สาธารณสุขด้วย เช่น การพัฒนาหน่วยบริการระดับปฐมภูมิ การลดความเหลื่อมล้ำระหว่าง 3 กองทุน การดูแลผู้สูงอายุ การส่งเสริมป้องกันโรค และกรณีผู้ป่วยฉุกเฉิน แต่ยังไม่สามารถระบุจำนวนเงินที่แน่ชัดได้ เพราะต้องพิจารณาร่วมกับหน่วยงานอื่นที่รับผิดชอบสนองตอบต่อนโยบายด้วย
นพ.วินัย กล่าวว่า นอกจากนี้ สปสช.ยังได้จัดทำแนวทางการบริหารที่ครอบคลุมนโยบายทั้ง 10 ด้าน ของรมว.สาธารณสุข ได้แก่ 1. ให้ความสำคัญสูงสุดต่อการพัฒนางานสาธารณสุขตามแนวพระราชดำริและโครงการเฉลิมพระเกียรติ เช่น โครงการฟันเทียมพระราชทาน โครงการประเมินประสิทธิภาพการตรวจเต้านมด้วยตนเองของสตรีอายุ 30-80 ปี 2. พัฒนาระบบสุขภาพให้ทุกคนสามารถเข้าถึงการบริการที่มีคุณภาพอย่างทั่วถึง อาทิ พัฒนาระบบประกันสุขภาพให้ทุกกองทุนกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวด้านสิทธิประโยชน์ 3. สร้างเสริมสุขภาพ และคุณภาพของประชากรไทยตลอดช่วงชีวิต โดยจัดการกับปัจจัยเสี่ยงหลักทางสุขภาพของ 4 กลุ่มอายุ คือทารกละเด็กเล็ก วัยเรียน วัยรุ่น และวัยทำงาน และผู้สูงอายุ
4. สร้างเสริมความเข้มแข็งของกลไกนโยบายสาธารณะ เพื่อสุขภาพที่ทำงานข้ามภาคส่วน 5. พัฒนาประสิทธิภาพการบริหารจัดการบุคลากรสุขภาพ เช่น สนับสนุนการผลิต และพัฒนาบุคลากรให้เพียงพอ และสอดคล้องกับความต้องการ 6. พัฒนาความมั่นคงของระบบยา วัคซีน เวชภัณฑ์ และเทคโนโลยีทางการแพทย์ โดยเร่งรัดในการจัดตั้งโรงงานผลิตวัคซีนและชีววัตถุ 7. จัดการโรคติดต่อและภัยคุกคามด้านสุขภาพ สปสช.มีส่วนร่วมในการพัฒนาระบบ และกลไกการพิจารณาการผลิตวัคซีน และเทคโนโลยีชนิดใหม่เข้าส๔ระบบหลักประกันสุขภาพ 8. จัดทำและดำเนินการแผนยุทธศาสตร์ ด้านสุขภาพโลก และภูมิภาคอาเซียนของประเทศไทย 9. สนับสุนนการวิจัยสุขภาพอย่างครบวงจร โดยผลักดันกฎหมายจัดตั้งสถาบันวิจัยสุขภาพเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยสุขภาพที่จำเป็นอย่างครบวงจร และ 10. พัฒนาส่งเสริมระบบธรรมาภิบาลในองค์กรของรัฐด้านสุขภาพ
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
วันนี้ (16 ต.ค.) นพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) โดยมี ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รมว.สาธารณสุข เป็นประธาน ว่า บอร์ด สปสช. เห็นชอบการจัดสรรงบค่าเสื่อมปีงบประมาณ 2558 จำนวน 5 พันล้านบาท โดยให้ สปสช. โอนเงินประมาณ 80% ไปยังหน่วยบริการ ซึ่งจะพิจารณาจากจำนวนประชากรและการให้บริการที่เกิดขึ้นจริง ให้แล้วเสร็จภายใน พ.ย.นี้ และให้หน่วยบริการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี ตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้มีการใช้งบลงทุน ส่วนที่เหลืออีก 20% หรือประมาณ 1 พันล้านบาท สธ. จะต้องเป็นผู้พิจารณาการจัดสรรและทำข้อเสนอมายัง สปสช.
“ตามนิยามของงบค่าเสื่อมจะเป็นการใช้เพื่อประโยชน์โดยตรงต่อผู้ป่วย เช่น เรื่องการจัดซื้อเวชภัณฑ์ อุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆ แต่หากตีความจะหมายรวมถึงการใช้เพื่อการก่อสร้างที่พักแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ด้วย เพราะถือว่าเป็นส่วนที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการประชาชนด้วย” นพ.วินัย กล่าว
นพ.วินัย กล่าวว่า นอกจากนี้ บอร์ดยังเห็นชอบให้นำดอกเบี้ยจากการฝากธนาคารของ สปสช. ที่มีประมาณปีละ 100 ล้านบาท มาใช้ดำเนินการตอบสนองต่อนโยบายของ รมว.สาธารณสุขด้วย เช่น การพัฒนาหน่วยบริการระดับปฐมภูมิ การลดความเหลื่อมล้ำระหว่าง 3 กองทุน การดูแลผู้สูงอายุ การส่งเสริมป้องกันโรค และกรณีผู้ป่วยฉุกเฉิน แต่ยังไม่สามารถระบุจำนวนเงินที่แน่ชัดได้ เพราะต้องพิจารณาร่วมกับหน่วยงานอื่นที่รับผิดชอบสนองตอบต่อนโยบายด้วย
นพ.วินัย กล่าวว่า นอกจากนี้ สปสช.ยังได้จัดทำแนวทางการบริหารที่ครอบคลุมนโยบายทั้ง 10 ด้าน ของรมว.สาธารณสุข ได้แก่ 1. ให้ความสำคัญสูงสุดต่อการพัฒนางานสาธารณสุขตามแนวพระราชดำริและโครงการเฉลิมพระเกียรติ เช่น โครงการฟันเทียมพระราชทาน โครงการประเมินประสิทธิภาพการตรวจเต้านมด้วยตนเองของสตรีอายุ 30-80 ปี 2. พัฒนาระบบสุขภาพให้ทุกคนสามารถเข้าถึงการบริการที่มีคุณภาพอย่างทั่วถึง อาทิ พัฒนาระบบประกันสุขภาพให้ทุกกองทุนกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวด้านสิทธิประโยชน์ 3. สร้างเสริมสุขภาพ และคุณภาพของประชากรไทยตลอดช่วงชีวิต โดยจัดการกับปัจจัยเสี่ยงหลักทางสุขภาพของ 4 กลุ่มอายุ คือทารกละเด็กเล็ก วัยเรียน วัยรุ่น และวัยทำงาน และผู้สูงอายุ
4. สร้างเสริมความเข้มแข็งของกลไกนโยบายสาธารณะ เพื่อสุขภาพที่ทำงานข้ามภาคส่วน 5. พัฒนาประสิทธิภาพการบริหารจัดการบุคลากรสุขภาพ เช่น สนับสนุนการผลิต และพัฒนาบุคลากรให้เพียงพอ และสอดคล้องกับความต้องการ 6. พัฒนาความมั่นคงของระบบยา วัคซีน เวชภัณฑ์ และเทคโนโลยีทางการแพทย์ โดยเร่งรัดในการจัดตั้งโรงงานผลิตวัคซีนและชีววัตถุ 7. จัดการโรคติดต่อและภัยคุกคามด้านสุขภาพ สปสช.มีส่วนร่วมในการพัฒนาระบบ และกลไกการพิจารณาการผลิตวัคซีน และเทคโนโลยีชนิดใหม่เข้าส๔ระบบหลักประกันสุขภาพ 8. จัดทำและดำเนินการแผนยุทธศาสตร์ ด้านสุขภาพโลก และภูมิภาคอาเซียนของประเทศไทย 9. สนับสุนนการวิจัยสุขภาพอย่างครบวงจร โดยผลักดันกฎหมายจัดตั้งสถาบันวิจัยสุขภาพเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยสุขภาพที่จำเป็นอย่างครบวงจร และ 10. พัฒนาส่งเสริมระบบธรรมาภิบาลในองค์กรของรัฐด้านสุขภาพ
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
กำลังโหลดเครื่อง oncothermia ความหวังใหม่รักษามะเร็งเต้านม-ตับระยะท้าย ใช้คลื่นวิทยุยิงเฉพาะจุดมะเร็งจนเกิดความร้อน เอื้อยาเคมีบำบัดเข้าถึงมะเร็งง่ายขึ้น ผลศึกษาก้แนมะเร็งเต้านมยุบทั้งหมด 22% ผู้ป่วยมะเร็งตับอายุยืนขึ้น