มหิดลเตรียมเปิดร้านกายอุปกรณ์ เฟอร์นิเจอร์ สำหรับผู้สูงอายุ - ผู้ป่วยระยะท้ายโดยเฉพาะ ชี้ปรับระดับให้เหมาะสมกับสัดส่วนร่างกายได้ พร้อมให้บริการคำปรึกษาฟรีการสร้างอุปกรณ์เอง และปรับสิ่งแวดล้อมในบ้านให้เอื้อต่อการดูแล หวังช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิต เป็นร้านต้นแบบก่อนขยายทั่วประเทศ
ผศ.ดร.จตุพร วงศ์สาธิตกุล อาจารย์คณะกายภาพบำบัด มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ศูนย์เรียนรู้และพัฒนาสุขภาวะผู้สูงอายุแบบครบวงจรและบริบาลผู้ป่วยระยะท้าย ที่ ม.มหิดล เตรียมใช้งบประมาณกว่า 1 พันล้านบาท สร้างขึ้นบนพื้นที่ 100 ไร่ ต.หนองพลับ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์นั้น นอกจากเป็นศูนย์ศึกษาวิจัย จนได้ข้อมูลการดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยระยะท้ายแบบครบวงจรที่เหมาะสม สามารถให้หน่วยงานรัฐบาลที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) และชุมชนนำข้อมูลไปประยุกต์ใช้ในการดูแลบุคคลทั้งสองกลุ่มให้เหมาะสม รวมถึงเป็นศูนย์ฝึกอบรมบุคลากรผู้ดูแลอย่างมืออาชีพแล้ว ภายในศูนย์ฯ จะยังมีการเปิดร้านขายเครื่องมือเครื่องใช้ และเฟอร์นิเจอร์สำหรับผู้สูงอายุและผู้ป่วยระยะท้าย พร้อมให้บริการคำปรึกษาในเรื่องการปรับสิ่งแวดล้อมบริเวณบ้านให้มีความเหมาะสมกับการดูแลบุคคลทั้งสองกลุ่มด้วย
ผศ.ดร.จตุพร กล่าวว่า การผลิตเครื่องมือเครื่องใช้ และเฟอร์นิเจอร์นั้น จะอาศัยข้อมูลการดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยระยะท้ายที่ศูนย์ฯทำการเก็บข้อมูลสัดส่วนร่างกาย เพื่อให้อุปกรณ์ต่างๆ เหล่านี้มีสัดส่วนที่เหมาะสมกับผู้ใช้ ซึ่งสามารถปรับระดับได้และมีความคุ้มค่ากับการซื้อไปใช้ โดยผู้ขายจะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญที่สามารถให้ข้อมูลที่ถูกต้องเหมาะสมแก่ประชาชนได้ โดยเฉพาะหากประชาชนต้องการประดิษฐ์อุปกรณ์เหล่านี้ขึ้นเอง ก็ต้องสามารถให้ข้อมูลคำปรึกษาได้ เช่น เก้าอี้ เตียง ควรมีความสูงเท่าไรจึงจะเหมาะกับผู้ใช้ ซึ่งการที่คนในครอบครัวทำอุปกรณ์ให้เองก็จะช่วยให้ผู้สูงอายุและผู้ป่วยระยะท้ายรู้สึกที่ดีด้วย
“ขณะนี้ยังไม่มีการตั้งชื่อร้าน แต่คาดว่าร้านนี้จะเป็นร้านต้นแบบในการจำหน่ายอุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ และเฟอร์นิเจอร์สำหรับผู้สูงอายุและผู้ป่วยระยะท้ายโดยเฉพาะ ซึ่งในอนาคตหากพื้นที่อื่นทั่วประเทศไทยสนใจก็สามารถมาขอข้อมูลที่ทางศูนย์ฯและร้านมีไปเปิดให้บริการเองได้ แต่จะทำเป็นการขายแฟรนไชส์หรือไม่นั้นยังไม่มีการคิดไปไกลถึงขั้นนี้” ผศ.ดร.จตุพร กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า แม้จะมีการข้อมูลความรู้การปรับสิ่งแวดล้อมบริเวณบ้านให้เหมาะสมกับผู้สูงอายุและผู้ป่วยแก่ประชาชน แต่ความเป็นจริงแล้วอาจมีปัญหาเรื่องงบประมาณจนไม่สามารถทำได้ ผศ.ดร.จตุพร กล่าวว่า ศูนย์ฯจะมีการเก็บข้อมูลว่า ในการสร้างบ้านหนึ่งหลังที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุและผู้ป่วยระยะท้ายแต่ละหลังใช้งบประมาณเท่าไร เมื่อเก็บข้อมูลไปถึงจุดหนึ่งแล้วจะสามารถพอบอกได้ว่า หากจะปรับส่วนต่างๆ ของบ้านจะใช้งบประมาณเท่าไร โดยศูนย์ฯอาจทำเป็นแพคเกจต่างๆ เสนอแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น พม. หรือ อบต. ว่าจะต้องใช้งบเท่าไรในการสร้างหรือปรับสภาพแวดล้อมเพื่อดูแลบุคคลกลุ่มดังกล่าว ซึ่งอุปกรณ์บางอย่างทางครอบครัวก็สร้างเองได้ ซึ่งเรามีบริการให้คำปรึกษาโดยเฉพาะ นอกจากนี้ ยังมีนักศึกษาฝึกงานที่ถูกส่งไปฝึกเรื่องงานจิตอาสา ก็จะไปร่วมกับชุมชนในการช่วยปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมด้วย
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
ผศ.ดร.จตุพร วงศ์สาธิตกุล อาจารย์คณะกายภาพบำบัด มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ศูนย์เรียนรู้และพัฒนาสุขภาวะผู้สูงอายุแบบครบวงจรและบริบาลผู้ป่วยระยะท้าย ที่ ม.มหิดล เตรียมใช้งบประมาณกว่า 1 พันล้านบาท สร้างขึ้นบนพื้นที่ 100 ไร่ ต.หนองพลับ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์นั้น นอกจากเป็นศูนย์ศึกษาวิจัย จนได้ข้อมูลการดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยระยะท้ายแบบครบวงจรที่เหมาะสม สามารถให้หน่วยงานรัฐบาลที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) และชุมชนนำข้อมูลไปประยุกต์ใช้ในการดูแลบุคคลทั้งสองกลุ่มให้เหมาะสม รวมถึงเป็นศูนย์ฝึกอบรมบุคลากรผู้ดูแลอย่างมืออาชีพแล้ว ภายในศูนย์ฯ จะยังมีการเปิดร้านขายเครื่องมือเครื่องใช้ และเฟอร์นิเจอร์สำหรับผู้สูงอายุและผู้ป่วยระยะท้าย พร้อมให้บริการคำปรึกษาในเรื่องการปรับสิ่งแวดล้อมบริเวณบ้านให้มีความเหมาะสมกับการดูแลบุคคลทั้งสองกลุ่มด้วย
ผศ.ดร.จตุพร กล่าวว่า การผลิตเครื่องมือเครื่องใช้ และเฟอร์นิเจอร์นั้น จะอาศัยข้อมูลการดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยระยะท้ายที่ศูนย์ฯทำการเก็บข้อมูลสัดส่วนร่างกาย เพื่อให้อุปกรณ์ต่างๆ เหล่านี้มีสัดส่วนที่เหมาะสมกับผู้ใช้ ซึ่งสามารถปรับระดับได้และมีความคุ้มค่ากับการซื้อไปใช้ โดยผู้ขายจะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญที่สามารถให้ข้อมูลที่ถูกต้องเหมาะสมแก่ประชาชนได้ โดยเฉพาะหากประชาชนต้องการประดิษฐ์อุปกรณ์เหล่านี้ขึ้นเอง ก็ต้องสามารถให้ข้อมูลคำปรึกษาได้ เช่น เก้าอี้ เตียง ควรมีความสูงเท่าไรจึงจะเหมาะกับผู้ใช้ ซึ่งการที่คนในครอบครัวทำอุปกรณ์ให้เองก็จะช่วยให้ผู้สูงอายุและผู้ป่วยระยะท้ายรู้สึกที่ดีด้วย
“ขณะนี้ยังไม่มีการตั้งชื่อร้าน แต่คาดว่าร้านนี้จะเป็นร้านต้นแบบในการจำหน่ายอุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ และเฟอร์นิเจอร์สำหรับผู้สูงอายุและผู้ป่วยระยะท้ายโดยเฉพาะ ซึ่งในอนาคตหากพื้นที่อื่นทั่วประเทศไทยสนใจก็สามารถมาขอข้อมูลที่ทางศูนย์ฯและร้านมีไปเปิดให้บริการเองได้ แต่จะทำเป็นการขายแฟรนไชส์หรือไม่นั้นยังไม่มีการคิดไปไกลถึงขั้นนี้” ผศ.ดร.จตุพร กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า แม้จะมีการข้อมูลความรู้การปรับสิ่งแวดล้อมบริเวณบ้านให้เหมาะสมกับผู้สูงอายุและผู้ป่วยแก่ประชาชน แต่ความเป็นจริงแล้วอาจมีปัญหาเรื่องงบประมาณจนไม่สามารถทำได้ ผศ.ดร.จตุพร กล่าวว่า ศูนย์ฯจะมีการเก็บข้อมูลว่า ในการสร้างบ้านหนึ่งหลังที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุและผู้ป่วยระยะท้ายแต่ละหลังใช้งบประมาณเท่าไร เมื่อเก็บข้อมูลไปถึงจุดหนึ่งแล้วจะสามารถพอบอกได้ว่า หากจะปรับส่วนต่างๆ ของบ้านจะใช้งบประมาณเท่าไร โดยศูนย์ฯอาจทำเป็นแพคเกจต่างๆ เสนอแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น พม. หรือ อบต. ว่าจะต้องใช้งบเท่าไรในการสร้างหรือปรับสภาพแวดล้อมเพื่อดูแลบุคคลกลุ่มดังกล่าว ซึ่งอุปกรณ์บางอย่างทางครอบครัวก็สร้างเองได้ ซึ่งเรามีบริการให้คำปรึกษาโดยเฉพาะ นอกจากนี้ ยังมีนักศึกษาฝึกงานที่ถูกส่งไปฝึกเรื่องงานจิตอาสา ก็จะไปร่วมกับชุมชนในการช่วยปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมด้วย
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
กำลังโหลดเครื่อง oncothermia ความหวังใหม่รักษามะเร็งเต้านม-ตับระยะท้าย ใช้คลื่นวิทยุยิงเฉพาะจุดมะเร็งจนเกิดความร้อน เอื้อยาเคมีบำบัดเข้าถึงมะเร็งง่ายขึ้น ผลศึกษาก้แนมะเร็งเต้านมยุบทั้งหมด 22% ผู้ป่วยมะเร็งตับอายุยืนขึ้น
