xs
xsm
sm
md
lg

สั่งเฝ้าระวังโรคเมอร์ส-โควี หลังชาวไทยมุสลิมทยอยกลับร่วมพิธีฮัจญ์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้แสวงบุญฮัจญ์ทยอยเดินทางกลับไทยแล้ว เผยกลับถึงไทยล็อตสุดท้าย 7 พ.ย. สธ. เผยผลติดตามอาการป่วยเข้าข่ายเฝ้าระวังโรคเมอร์ส-โควี 2 ราย ที่นราธิวาส เร่งตรวจเชื้อแล้วพบเป็นไข้หวัดใหญ่ กำชับ สสจ. 50 จังหวัด ที่มีชาวมุสลิมเดินทางไปร่วมพิธี เฝ้าระวังเข้ม

นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า โรคโคโรนาไวรัส สายพันธุ์ 2012 หรือ โรคเมอร์ส-โควี เป็นโรคทางเดินหายใจที่มีอาการรุนแรง ยังไม่มีวัคซีนป้องกันหรือยารักษา มีแหล่งเกิดโรคที่ประเทศตะวันออกกลาง มากสุดคือซาอุดีอาระเบีย ซึ่งไทยมีความเสี่ยงอาจพบผู้ติดเชื้อ จากการเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ ที่นครเมกกะ ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งมีชาวมุสลิมทั่วโลกเดินทางร่วมพิธีประมาณ 2 ล้านคน ช่วงวันที่ 26 ก.ย. - 8 ต.ค. โดยปีนี้มีชาวไทยมุสลิมเดินทางเข้าร่วม 10,199 คน สธ. ได้จัดระบบดูแลสุขภาพตั้งแต่ก่อนเดินทางจนถึงหลังจากกลับประเทศ โดยขึ้นทะเบียนรายชื่อ ที่อยู่ทุกราย

นพ.ณรงค์ กล่าวว่า ขณะนี้ผู้เข้าร่วมพิธีฮัจญ์ทยอยเดินทางกลับแล้วตั้งแต่วันที่ 11 ต.ค. โดยเที่ยวสุดท้ายคือวันที่ 7 พ.ย. รวม 88 เที่ยวบิน สธ. ได้จัดระบบการเฝ้าระวังป้องกันโรค โดยจัดเจ้าหน้าที่ตรวจวัดไข้หลังลงเครื่อง ที่สนามบิน 4 แห่ง คือ สุวรรณภูมิ หาดใหญ่ ภูเก็ต และนราธิวาส และให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ที่มีชาวไทยมุสลิมเดินทางไปจำนวน 50 จังหวัด เฝ้าระวังอาการป่วยในชุมชนคือที่บ้านของผู้เดินทาง ติดต่อกัน 30 วัน หากรายใดมีอาการป่วยเป็นไข้หวัด ให้รับตัวเข้ารักษาในโรงพยาบาลทันที และตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อหาติดเชื้อทุกราย

ด้าน นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า ชาวไทยมุสลิมในนราธิวาสเดินทางกลับมาครบแล้ว 576 คน ตั้งแต่วันที่ 12 ต.ค. ผลการเฝ้าระวังพบผู้มีอาการป่วยในข่ายเฝ้าระวังคือมีไข้ 38 องศาเซลเซียส ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ หายใจลำบาก ปอดอักเสบร่วมด้วย จำนวน 2 ราย แพทย์รับตัวเข้ารักษาใน รพ.นราธิวาสราชนครินทร์ ดูแลมาตรฐานเดียวกับผู้ป่วยโรคซาร์ส เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ และส่งเสมหะตรวจทางห้องปฏิบัติการที่สงขลา โดยผลการตรวจพบว่าติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ ขณะที่สถานการณ์การระบาดนั้น สธ. ซาอุดีอาระเบีย รายงานถึงวันที่ 11 ต.ค. พบผู้ป่วย 760 ราย เสียชีวิต 324 ราย เฉพาะ ก.ย.- ต.ค. พบผู้ป่วยยืนยันรวม 18 ราย มีผู้ป่วยอย่างน้อย 2 รายไม่มีประวัติสัมผัสโรคที่ชัดเจน คือไม่มีประวัติสัมผัสผู้ป่วยรายอื่นๆ ไม่เป็นบุคลากรทางการแพทย์ และไม่ได้สัมผัสสัตว์ ทั้งนี้ ช่วง เม.ย.- มิ.ย. และ ส.ค.- ก.ย. คือ การเข้าสู่ฤดูกาลระบาด ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักเป็นผู้มีโรคประจำตัว โดยประเทศซาอุดีอาระเบียมีการคัดกรองผู้ป่วยที่สนามบินตอนขาเข้าประเทศ แต่ไม่มีการคัดกรองซ้ำขณะเข้าร่วมพิธีฮัจญ์ มีเพียงคำแนะนำเท่านั้น

“โรคโคโรนาไวรัส หลังติดเชื้อประมาณ 14 วัน จะปรากฏอาการคล้ายไข้หวัดทั่วไป คือ มีไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก บางรายอาจท้องเสียร่วมด้วย โดยเชื้อไวรัสจะลุกลามลงสู่ปอดอย่างรวดเร็ว คล้ายโรคซาร์ส จึงขอแนะนำประชาชนที่เดินทางกลับจากตะวันออกกลาง หรือกลับจากร่วมพิธีฮัจญ์ หากมีอาการดังกล่าว ขอให้คาดหน้ากากอนามัย เพราะติดต่อผ่านไอจาม น้ำมูกน้ำลายของผู้ป่วย และรีบพบแพทย์ที่อยู่ใกล้บ้านทันที เพื่อเข้าสู่ระบบการดูแลตามมาตรการที่ สธ.กำหนดและเพิ่มความปลอดภัย ส่วนผู้ที่อยู่ในครอบครัวเดียวกัน ขอให้ล้างมือฟอกสบู่บ่อยๆ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ” อธิบดี คร. กล่าว

ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่

Loading

เครื่อง oncothermia ความหวังใหม่รักษามะเร็งเต้านม-ตับระยะท้าย ใช้คลื่นวิทยุยิงเฉพาะจุดมะเร็งจนเกิดความร้อน เอื้อยาเคมีบำบัดเข้าถึงมะเร็งง่ายขึ้น ผลศึกษาก้แนมะเร็งเต้านมยุบทั้งหมด 22% ผู้ป่วยมะเร็งตับอายุยืนขึ้น

View on Instagram




กำลังโหลดความคิดเห็น