การสื่อสารกับลูกเรื่องเพศดูเหมือนจะเป็นเรื่องหนักอกหนักใจของคนเป็นพ่อแม่ยุคนี้จำนวนไม่น้อย เพราะด้วยทัศนคติและค่านิยมที่ฝังรากลึกมานานของสังคมไทยที่มักไม่ค่อยนำเรื่องเพศมาพูดคุยให้เหมือนเรื่องอื่น ๆ ในชีวิตประจำวัน
ทั้งที่จริงแล้วเรื่องเพศควรจะเป็นเรื่องธรรมดาที่พ่อแม่สามารถพูดคุยกับลูกได้เหมือนเรื่องอื่น ๆ
แต่ถ้าคุณไม่ได้พูดคุยกับลูกตั้งแต่เล็กในทุก ๆ เรื่อง เมื่อเติบโตขึ้นมาเป็นวัยรุ่น ย่อมพูดคุยได้ยากกว่าพ่อแม่ที่พูดคุยเรื่องนี้กับลูกตั้งแต่เล็ก
มีทัศนคติบางประการของพ่อแม่ที่เป็นอุปสรรคสำคัญในการทำให้ลูกไม่อยากคุยเรื่องเพศด้วย
มาดูกันซิว่ามีอะไรบ้าง ?
หนึ่งมองว่าเป็นเรื่องน่าอาย
พ่อแม่จำนวนไม่น้อยที่คิดว่าเรื่องเพศเป็นเรื่องน่าอาย ไม่ควรนำมาพูดคุยให้เหมือนเรื่องปกติ เรื่องนี้ต้องไปแอบคุย หรือคุยกันไม่กี่คน ซึ่งเด็กจำนวนไม่น้อยก็รู้สึกว่า งั้นก็ไม่คุยกับพ่อแม่ดีกว่า ไปคุยกับเพื่อนละกัน เพราะเพื่อน ๆ ก็คุยเรื่องนี้กันเป็นปกติ
สองถึงเวลาก็รู้เอง
พ่อแม่ที่ชอบตอบลูกว่า ถึงเวลาก็รู้เองแหละ สมัยพ่อแม่ก็ไม่ต้องมีใครมาบอกหรอก ขอให้ได้รับรู้ไว้ว่า สังคมในยุคอดีตและปัจจุบันมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ในยุคอดีตเราอาจเติบโตมาแบบเดี๋ยวถึงเวลาก็รู้เอง แต่เราก็ต้องยอมรับว่าเราก็รู้มากันแบบผิด ๆ อยู่ไม่น้อย และก็มีหลายกรณีที่เราก็ต้องไปพูดคุยหรือถามเพื่อน ซึ่งเพื่อนก็อยู่ในวัยเดียวกับเรา ด้วยวัยและประสบการณ์ก็ไม่สามารถที่จะให้คำแนะนำที่ดีได้ทั้งหมด หรือถ้าแนะนำแบบผิด ๆ ล่ะ
สามมองว่าเป็นเรื่องน่าเกลียด
เวลาลูกถามเรื่องเพศ คุณมองว่าเป็นเรื่องน่าเกลียดหรือเปล่า หรือคิดว่าลูกแก่แดดหรือเปล่า หรือคิดว่าลูกกำลังทำผิดอยู่หรือเปล่า ถ้าใช่ล่ะก็ คุณกำลังจะเสียลูกให้กับเพื่อนของเขาหรือคนอื่นที่เขาสามารถให้ความกระจ่างได้
สี่ฉันอาบน้ำร้อนมาก่อนเธอ
เรื่องนี้ก็ไปกันใหญ่เลย เพราะพ่อแม่ชอบเปรียบเทียบกับตัวเอง แล้วถือดีว่าเรารู้ดี ลูกต้องทำตามพ่อแม่เท่านั้น เพราะพ่อแม่อาบน้ำมาก่อนลูก ทั้งที่ยุคสมัยเปลี่ยน จะนำมาเปรียบเทียบกันไม่ได้ทั้งหมด สุดท้ายลูกก็จะบอกว่าเพราะพ่อแม่ไม่เข้าใจเขานั่นเอง
ห้าพูดมากกว่าฟัง
สืบเนื่องมาจากที่พ่อแม่มักคิดว่าฉันอาบน้ำร้อนมาก่อนเธอ จึงทำให้เวลาลูกมาพูดคุยเรื่องนี้ด้วย ก็ตั้งท่าจะสอนอย่างเดียว ทั้งที่ในความเป็นจริง เราควรเป็นพ่อแม่ที่รับฟังลูกให้มาก โดยเฉพาะเมื่อลูกอยู่ในช่วงวัยรุ่น พ่อแม่ควรจะพูดให้น้อยลง แต่ฟังลูกมากขึ้น และควรเป็นการฟังด้วยความตั้งใจและเข้าใจ ไม่ใช่ฟังแบบให้มันเสร็จๆ โดยที่ตัวเองมีธงที่จะอบรมลูกอยู่ดี
หกไม่สามารถตอบสนองความอยากรู้ของลูกได้
พ่อแม่จำนวนไม่น้อยที่ไม่สามารถตอบสนองความอยากรู้อยากเห็นของลูกวัยรุ่นได้ อาจด้วยความไม่รู้ ก็เลยไม่สนใจตอบ หรือตอบแบบขอไปที ในขณะที่ลูกยังไม่ได้รับความกระจ่าง แต่ดูเหมือนพ่อแม่ไม่สนใจแล้ว ครั้งต่อไปเขาก็จะไม่อยากถามหรือคุยอีก ตรงกันข้ามถ้าพ่อแม่ไม่รู้ แต่พยายามที่จะหาคำตอบเพื่อให้ลูกคลายใจ ไม่ว่าจะบอกว่าเดี๋ยวจะหาข้อมูลก่อน หรือขอถามพ่อหรือถามแม่ก่อนนะ เพราะบางเรื่องแม่ก็ไม่รู้เหมือนกัน หรือมีความพยายามที่จะหาตัวช่วย โดยไม่ลืมที่รับปากลูกไว้ และหาคำตอบมาให้ลูกจนได้
เจ็ดไม่ไว้วางใจ
ประเด็นนี้สำคัญมากที่พ่อแม่ต้องไว้วางใจเขาด้วย เพราะลูกวัยนี้ต้องการความไว้วางใจอย่างมาก เขาอยากพิสูจน์ว่าเขาโตแล้ว และการที่เขาพูดคุยเรื่องเพศก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไปทำอะไรที่ไม่เหมาะสม แต่เป็นเพราะเขาอยากรู้ และถ้าเขาพบว่าพ่อแม่ไว้วางใจเขาเหมือนทุก ๆ เรื่อง ต่อไปเมื่อมีปัญหาอะไร เขาก็จะเข้าหาพ่อแม่
แปดทัศนคติด้านลบในตัวลูก
เมื่อใดก็ตามที่เรามีทัศนคติด้านลบกับลูก เช่น พอลูกพูดคุยหรือถามเรื่องเพศ พ่อแม่รีบถามทันทีว่าไปก่อเรื่องอะไรมา หรือคิดว่าลูกแอบมีแฟน หรือคิดไปก่อนล่วงหน้า การันตีเลยว่าคุณได้สูญเสียโอกาสที่ลูกจะมาเล่าเรื่องเพศที่เป็นเรื่องจริงกับคุณแล้วอย่างแน่นอน และจากนี้คุณก็จะต้องพบกับเรื่องราวหลบๆ ซ่อนๆ ไม่พูดความจริงในเรื่องนี้กับคุณอีก
ถึงเวลาที่พ่อแม่ผู้ปกครองควรจะเปิดใจยอมรับว่าเมื่อยุคสมัยเปลี่ยน เราก็ต้องเปลี่ยนแปลงวิธีคิดของเราด้วย
ก่อนอื่นเลยพ่อแม่ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ไม่ว่าลูกจะเพศไหนก็ตาม การให้ความรัก ความรู้อย่างถูกวิธีตั้งแต่เด็กจะช่วยทำให้เขาเติบโตขึ้นมามีภูมิต้านทานใจในชีวิตได้ดีกว่าเด็กที่ไม่ได้รับการปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดต้องปรับเปลี่ยนทัศนคติเรื่องนี้ของตัวเองให้ได้ก่อน !!
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
ทั้งที่จริงแล้วเรื่องเพศควรจะเป็นเรื่องธรรมดาที่พ่อแม่สามารถพูดคุยกับลูกได้เหมือนเรื่องอื่น ๆ
แต่ถ้าคุณไม่ได้พูดคุยกับลูกตั้งแต่เล็กในทุก ๆ เรื่อง เมื่อเติบโตขึ้นมาเป็นวัยรุ่น ย่อมพูดคุยได้ยากกว่าพ่อแม่ที่พูดคุยเรื่องนี้กับลูกตั้งแต่เล็ก
มีทัศนคติบางประการของพ่อแม่ที่เป็นอุปสรรคสำคัญในการทำให้ลูกไม่อยากคุยเรื่องเพศด้วย
มาดูกันซิว่ามีอะไรบ้าง ?
หนึ่งมองว่าเป็นเรื่องน่าอาย
พ่อแม่จำนวนไม่น้อยที่คิดว่าเรื่องเพศเป็นเรื่องน่าอาย ไม่ควรนำมาพูดคุยให้เหมือนเรื่องปกติ เรื่องนี้ต้องไปแอบคุย หรือคุยกันไม่กี่คน ซึ่งเด็กจำนวนไม่น้อยก็รู้สึกว่า งั้นก็ไม่คุยกับพ่อแม่ดีกว่า ไปคุยกับเพื่อนละกัน เพราะเพื่อน ๆ ก็คุยเรื่องนี้กันเป็นปกติ
สองถึงเวลาก็รู้เอง
พ่อแม่ที่ชอบตอบลูกว่า ถึงเวลาก็รู้เองแหละ สมัยพ่อแม่ก็ไม่ต้องมีใครมาบอกหรอก ขอให้ได้รับรู้ไว้ว่า สังคมในยุคอดีตและปัจจุบันมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ในยุคอดีตเราอาจเติบโตมาแบบเดี๋ยวถึงเวลาก็รู้เอง แต่เราก็ต้องยอมรับว่าเราก็รู้มากันแบบผิด ๆ อยู่ไม่น้อย และก็มีหลายกรณีที่เราก็ต้องไปพูดคุยหรือถามเพื่อน ซึ่งเพื่อนก็อยู่ในวัยเดียวกับเรา ด้วยวัยและประสบการณ์ก็ไม่สามารถที่จะให้คำแนะนำที่ดีได้ทั้งหมด หรือถ้าแนะนำแบบผิด ๆ ล่ะ
สามมองว่าเป็นเรื่องน่าเกลียด
เวลาลูกถามเรื่องเพศ คุณมองว่าเป็นเรื่องน่าเกลียดหรือเปล่า หรือคิดว่าลูกแก่แดดหรือเปล่า หรือคิดว่าลูกกำลังทำผิดอยู่หรือเปล่า ถ้าใช่ล่ะก็ คุณกำลังจะเสียลูกให้กับเพื่อนของเขาหรือคนอื่นที่เขาสามารถให้ความกระจ่างได้
สี่ฉันอาบน้ำร้อนมาก่อนเธอ
เรื่องนี้ก็ไปกันใหญ่เลย เพราะพ่อแม่ชอบเปรียบเทียบกับตัวเอง แล้วถือดีว่าเรารู้ดี ลูกต้องทำตามพ่อแม่เท่านั้น เพราะพ่อแม่อาบน้ำมาก่อนลูก ทั้งที่ยุคสมัยเปลี่ยน จะนำมาเปรียบเทียบกันไม่ได้ทั้งหมด สุดท้ายลูกก็จะบอกว่าเพราะพ่อแม่ไม่เข้าใจเขานั่นเอง
ห้าพูดมากกว่าฟัง
สืบเนื่องมาจากที่พ่อแม่มักคิดว่าฉันอาบน้ำร้อนมาก่อนเธอ จึงทำให้เวลาลูกมาพูดคุยเรื่องนี้ด้วย ก็ตั้งท่าจะสอนอย่างเดียว ทั้งที่ในความเป็นจริง เราควรเป็นพ่อแม่ที่รับฟังลูกให้มาก โดยเฉพาะเมื่อลูกอยู่ในช่วงวัยรุ่น พ่อแม่ควรจะพูดให้น้อยลง แต่ฟังลูกมากขึ้น และควรเป็นการฟังด้วยความตั้งใจและเข้าใจ ไม่ใช่ฟังแบบให้มันเสร็จๆ โดยที่ตัวเองมีธงที่จะอบรมลูกอยู่ดี
หกไม่สามารถตอบสนองความอยากรู้ของลูกได้
พ่อแม่จำนวนไม่น้อยที่ไม่สามารถตอบสนองความอยากรู้อยากเห็นของลูกวัยรุ่นได้ อาจด้วยความไม่รู้ ก็เลยไม่สนใจตอบ หรือตอบแบบขอไปที ในขณะที่ลูกยังไม่ได้รับความกระจ่าง แต่ดูเหมือนพ่อแม่ไม่สนใจแล้ว ครั้งต่อไปเขาก็จะไม่อยากถามหรือคุยอีก ตรงกันข้ามถ้าพ่อแม่ไม่รู้ แต่พยายามที่จะหาคำตอบเพื่อให้ลูกคลายใจ ไม่ว่าจะบอกว่าเดี๋ยวจะหาข้อมูลก่อน หรือขอถามพ่อหรือถามแม่ก่อนนะ เพราะบางเรื่องแม่ก็ไม่รู้เหมือนกัน หรือมีความพยายามที่จะหาตัวช่วย โดยไม่ลืมที่รับปากลูกไว้ และหาคำตอบมาให้ลูกจนได้
เจ็ดไม่ไว้วางใจ
ประเด็นนี้สำคัญมากที่พ่อแม่ต้องไว้วางใจเขาด้วย เพราะลูกวัยนี้ต้องการความไว้วางใจอย่างมาก เขาอยากพิสูจน์ว่าเขาโตแล้ว และการที่เขาพูดคุยเรื่องเพศก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไปทำอะไรที่ไม่เหมาะสม แต่เป็นเพราะเขาอยากรู้ และถ้าเขาพบว่าพ่อแม่ไว้วางใจเขาเหมือนทุก ๆ เรื่อง ต่อไปเมื่อมีปัญหาอะไร เขาก็จะเข้าหาพ่อแม่
แปดทัศนคติด้านลบในตัวลูก
เมื่อใดก็ตามที่เรามีทัศนคติด้านลบกับลูก เช่น พอลูกพูดคุยหรือถามเรื่องเพศ พ่อแม่รีบถามทันทีว่าไปก่อเรื่องอะไรมา หรือคิดว่าลูกแอบมีแฟน หรือคิดไปก่อนล่วงหน้า การันตีเลยว่าคุณได้สูญเสียโอกาสที่ลูกจะมาเล่าเรื่องเพศที่เป็นเรื่องจริงกับคุณแล้วอย่างแน่นอน และจากนี้คุณก็จะต้องพบกับเรื่องราวหลบๆ ซ่อนๆ ไม่พูดความจริงในเรื่องนี้กับคุณอีก
ถึงเวลาที่พ่อแม่ผู้ปกครองควรจะเปิดใจยอมรับว่าเมื่อยุคสมัยเปลี่ยน เราก็ต้องเปลี่ยนแปลงวิธีคิดของเราด้วย
ก่อนอื่นเลยพ่อแม่ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ไม่ว่าลูกจะเพศไหนก็ตาม การให้ความรัก ความรู้อย่างถูกวิธีตั้งแต่เด็กจะช่วยทำให้เขาเติบโตขึ้นมามีภูมิต้านทานใจในชีวิตได้ดีกว่าเด็กที่ไม่ได้รับการปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดต้องปรับเปลี่ยนทัศนคติเรื่องนี้ของตัวเองให้ได้ก่อน !!
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่