“หมอหทัย” จ่อยื่น รมว.สธ.คนใหม่ ทบทวนกรณีรับ รพ.ยาสูบ จากโรงงานยาสูบมาบริหาร ระบุผิดกฎองค์การอนามัยโลก ย้ำชัดรัฐห้ามทำงานร่วมบริษัทบุหรี่

นพ.หทัย ชิตานนท์ ประธานสถาบันส่งเสริมสุขภาพไทย มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ และประธานรัฐ ภาคีกรอบอนุสัญญาควบคุมยาสูบ องค์การอนามัยโลก (2550-2551) กล่าวว่า ขณะนี้ตนกำลังรวบรวมข้อมูลหลักฐานต่างๆ กรณีโรงงานยาสูบเสนอกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้ทำสัญญา โดยยกโรงพยาบาลยาสูบซึ่งส่วนใหญ่ดูแลรักษาพยาบาลพนักงานโรงงานยาสูบและครอบครัวให้ สธ.ดูแล เพราะดำเนินการต่อเองไม่ไหว เนื่องจากรายได้ถดถอยลงอย่างมาก จากการที่ทำการตลาดบุหรี่แพ้ต่างชาติ ทั้งที่ราคาถูกกว่า แต่ถูกต่างชาติยึดตลาดเหลือเพียง 60-70% เท่านั้น ทั้งนี้ เมื่อรวบรวมข้อมูลเสร็จแล้วจะยื่นต่อ ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รมว.สาธารณสุขคนใหม่ในสัปดาห์นี้ เพราะสิ่งที่ สธ.กำลังดำเนินการอยู่ไม่ถูกต้อง
นพ.หทัยกล่าวว่า การที่ สธ.รับนำโรงพยาบาลยาสูบ ของโรงงานยาสูบมาบริหารถือว่าทำผิดมาตรา 5.3 ของกรอบอนุสัญญาควบคุมยาสูบของอค์การอนามัยโลกซึ่งไทยเป็นสมาชิก ระบุชัดว่า ไม่ให้รัฐบาลเปิดโอกาสให้อุตสาหกรรมยาสูบเข้ามามีส่วนร่วมในเรื่องนโยบายของรัฐ หมายความว่ารัฐกับบริษัทยาสูบห้ามดำเนินงานร่วมกัน ไม่ยุ่งเกี่ยวต่อกัน การนำโรงพยาบาลยาสูบมาบริหารถือเป็นการสนับสนุนโรงงานยาสูบซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ สธ.ควรทำ
“ผมจะเสนอเรื่องนี้ต่อ รมว.สาธารณสุขคนใหม่ เพื่อให้พิจารณาเรื่องนี้ใหม่ ไม่ควรที่จะนำโรงพยาบาลยาสูบของโรงงานยาสูบมาบริหารจัดการ เพราะที่ผ่านมาโรงงานยาสูบก็มักออกมาค้านมาตรการควบคุมยาสูบโดยตลอด ทั้งที่บริษัทบุหรี่ข้ามชาติได้รับผลกระทบมากกว่า ยืนยันว่า สธ.ไม่ควรทำงานร่วมกับโรงงานยาสูบโดยเด็ดขาด” นพ.หทัยกล่าว
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
นพ.หทัย ชิตานนท์ ประธานสถาบันส่งเสริมสุขภาพไทย มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ และประธานรัฐ ภาคีกรอบอนุสัญญาควบคุมยาสูบ องค์การอนามัยโลก (2550-2551) กล่าวว่า ขณะนี้ตนกำลังรวบรวมข้อมูลหลักฐานต่างๆ กรณีโรงงานยาสูบเสนอกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้ทำสัญญา โดยยกโรงพยาบาลยาสูบซึ่งส่วนใหญ่ดูแลรักษาพยาบาลพนักงานโรงงานยาสูบและครอบครัวให้ สธ.ดูแล เพราะดำเนินการต่อเองไม่ไหว เนื่องจากรายได้ถดถอยลงอย่างมาก จากการที่ทำการตลาดบุหรี่แพ้ต่างชาติ ทั้งที่ราคาถูกกว่า แต่ถูกต่างชาติยึดตลาดเหลือเพียง 60-70% เท่านั้น ทั้งนี้ เมื่อรวบรวมข้อมูลเสร็จแล้วจะยื่นต่อ ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รมว.สาธารณสุขคนใหม่ในสัปดาห์นี้ เพราะสิ่งที่ สธ.กำลังดำเนินการอยู่ไม่ถูกต้อง
นพ.หทัยกล่าวว่า การที่ สธ.รับนำโรงพยาบาลยาสูบ ของโรงงานยาสูบมาบริหารถือว่าทำผิดมาตรา 5.3 ของกรอบอนุสัญญาควบคุมยาสูบของอค์การอนามัยโลกซึ่งไทยเป็นสมาชิก ระบุชัดว่า ไม่ให้รัฐบาลเปิดโอกาสให้อุตสาหกรรมยาสูบเข้ามามีส่วนร่วมในเรื่องนโยบายของรัฐ หมายความว่ารัฐกับบริษัทยาสูบห้ามดำเนินงานร่วมกัน ไม่ยุ่งเกี่ยวต่อกัน การนำโรงพยาบาลยาสูบมาบริหารถือเป็นการสนับสนุนโรงงานยาสูบซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ สธ.ควรทำ
“ผมจะเสนอเรื่องนี้ต่อ รมว.สาธารณสุขคนใหม่ เพื่อให้พิจารณาเรื่องนี้ใหม่ ไม่ควรที่จะนำโรงพยาบาลยาสูบของโรงงานยาสูบมาบริหารจัดการ เพราะที่ผ่านมาโรงงานยาสูบก็มักออกมาค้านมาตรการควบคุมยาสูบโดยตลอด ทั้งที่บริษัทบุหรี่ข้ามชาติได้รับผลกระทบมากกว่า ยืนยันว่า สธ.ไม่ควรทำงานร่วมกับโรงงานยาสูบโดยเด็ดขาด” นพ.หทัยกล่าว
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่