สธ. จัดเตรียมอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อส่งให้โรงพยาบาลต่างๆ 5 พันชุด เตรียมส่งเพิ่มอีก 8 พันชุดใน ก.ย. นี้ และอีก 3 หมื่นชุด ใน ต.ค. หลังเพิ่มมาตรการเฝ้าระวังเข้มในโรงพยาบาล เตรียมรับมือหากผู้ดูแลผู้ป่วยต้องสงสัยติดเชื้อ
วันนี้ (1 ก.ย.) นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า องค์การอนามัยโลกรายงานสถานการณ์โรคติดเชื้ออีโบลาเมื่อวันที่ 26 ส.ค. มีผู้ป่วย 3,069 ราย เสียชีวิต 1,552 ราย ในประเทศกินี เซียร์ราลีโอน ไลบีเรีย และเมืองลากอส ประเทศไนจีเรีย นอกจากนี้ มีรายงานพบผู้ป่วยรายแรกที่ประเทศเซเนกัล เป็นนักศึกษาชาวกินี รักษาตัวอยู่ที่เมืองหลวงของประเทศเซเนกัล ส่วนการระบาดของโรคอีโบลาที่ประเทศดีอาร์ คองโก ไม่เกี่ยวข้องกับการระบาดใน 4 ประเทศแอฟริกาตะวันตก โดยองค์การอนามัยโลกได้จัดทำแผนกลยุทธ์ ตั้งเป้าหมายยุติการระบาดของโรคอีโบลาให้ได้ภายใน 6 - 9 เดือน
นพ.ณรงค์ กล่าวว่า ประเทศไทยได้จัดการตรวจวัดอุณหภูมิ และบันทึกข้อมูลของผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่ระบาดทุกคนและติดตามสอบถามอาการต่อเนื่องทุกวัน ผลการคัดกรองผู้เดินทางสะสมตั้งแต่ 8 มิ.ย. - 28 ส.ค. รวม 904 คน ยังไม่พบรายใดมีอาการผิดปกติ ขณะนี้ได้ติดตั้งเครื่องเทอร์โมสแกนที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิแล้ว และมีแผนติดตั้งเพิ่มอีก 2 เครื่อง โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจัดซื้อเครื่องจากการท่าอากาศยานฯ ทั้งนี้ ให้กรมควบคุมโรค ติดตามประเมินสถานการณ์กับองค์การอนามัยโลกอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การดำเนินการของไทยสอดคล้องกับสถานการณ์โลก
“ได้สั่งการผู้ตรวจราชการ สธ. โดยเฉพาะ 5 เขตที่ดูแลจังหวัดที่มีท่าอากาศยานนานาชาติ 5 แห่ง และท่าเรือ 17 แห่ง รวม 15 จังหวัด ดำเนินการโดยให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเฝ้าระวังผู้เดินทางจากต่างประเทศ ทั้งที่ช่องทางเข้าออกประเทศ โรงพยาบาล และชุมชน สำหรับผู้เดินทางมาทางเครื่องบิน มอบให้กรมควบคุมโรคประสานสายการบินที่มาจากประเทศที่มีการระบาด ให้ประกาศแจ้งผู้โดยสารไปรายงานตัวที่จุดคัดกรองที่ท่าอากาศยาน เตรียมความพร้อมของโรงพยาบาลศูนย์ 28 แห่ง เพื่อให้การดูแลหากพบผู้ป่วยสงสัยโรคอีโบลา โดยเน้นความพร้อมของห้องแยกโรคและห้องปฏิบัติการชันสูตร และเตรียมโรงพยาบาลชุมชนให้พร้อมกรณีที่อาจต้องดูแลผู้ที่สัมผัสกับผู้ป่วยสงสัยอีโบลา ซึ่งจะได้รับการแยกตัวเพื่อการสังเกตอาการ 21 วัน ตามมาตรฐาน พร้อมทั้งการสื่อสาร สร้างความเข้าใจกับผู้ที่แยกตัวไว้สังเกตอาการและญาติ เพื่อลดความวิตกกังวล” ปลัด สธ. กล่าว
นพ.ณรงค์ กล่าวว่า ได้ให้กรมควบคุมโรคจัดเตรียมอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อ สำหรับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ขณะนี้ส่งไปให้โรงพยาบาลต่างๆ แล้ว 5,000 ชุด จะจัดส่งเพิ่มอีก 8,000 ชุดภายในเดือนนี้ และอีก 30,000 ชุดภายในเดือนตุลาคมนี้ เพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์มีความมั่นใจในความปลอดภัยขณะปฏิบัติงาน
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
วันนี้ (1 ก.ย.) นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า องค์การอนามัยโลกรายงานสถานการณ์โรคติดเชื้ออีโบลาเมื่อวันที่ 26 ส.ค. มีผู้ป่วย 3,069 ราย เสียชีวิต 1,552 ราย ในประเทศกินี เซียร์ราลีโอน ไลบีเรีย และเมืองลากอส ประเทศไนจีเรีย นอกจากนี้ มีรายงานพบผู้ป่วยรายแรกที่ประเทศเซเนกัล เป็นนักศึกษาชาวกินี รักษาตัวอยู่ที่เมืองหลวงของประเทศเซเนกัล ส่วนการระบาดของโรคอีโบลาที่ประเทศดีอาร์ คองโก ไม่เกี่ยวข้องกับการระบาดใน 4 ประเทศแอฟริกาตะวันตก โดยองค์การอนามัยโลกได้จัดทำแผนกลยุทธ์ ตั้งเป้าหมายยุติการระบาดของโรคอีโบลาให้ได้ภายใน 6 - 9 เดือน
นพ.ณรงค์ กล่าวว่า ประเทศไทยได้จัดการตรวจวัดอุณหภูมิ และบันทึกข้อมูลของผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่ระบาดทุกคนและติดตามสอบถามอาการต่อเนื่องทุกวัน ผลการคัดกรองผู้เดินทางสะสมตั้งแต่ 8 มิ.ย. - 28 ส.ค. รวม 904 คน ยังไม่พบรายใดมีอาการผิดปกติ ขณะนี้ได้ติดตั้งเครื่องเทอร์โมสแกนที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิแล้ว และมีแผนติดตั้งเพิ่มอีก 2 เครื่อง โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจัดซื้อเครื่องจากการท่าอากาศยานฯ ทั้งนี้ ให้กรมควบคุมโรค ติดตามประเมินสถานการณ์กับองค์การอนามัยโลกอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การดำเนินการของไทยสอดคล้องกับสถานการณ์โลก
“ได้สั่งการผู้ตรวจราชการ สธ. โดยเฉพาะ 5 เขตที่ดูแลจังหวัดที่มีท่าอากาศยานนานาชาติ 5 แห่ง และท่าเรือ 17 แห่ง รวม 15 จังหวัด ดำเนินการโดยให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเฝ้าระวังผู้เดินทางจากต่างประเทศ ทั้งที่ช่องทางเข้าออกประเทศ โรงพยาบาล และชุมชน สำหรับผู้เดินทางมาทางเครื่องบิน มอบให้กรมควบคุมโรคประสานสายการบินที่มาจากประเทศที่มีการระบาด ให้ประกาศแจ้งผู้โดยสารไปรายงานตัวที่จุดคัดกรองที่ท่าอากาศยาน เตรียมความพร้อมของโรงพยาบาลศูนย์ 28 แห่ง เพื่อให้การดูแลหากพบผู้ป่วยสงสัยโรคอีโบลา โดยเน้นความพร้อมของห้องแยกโรคและห้องปฏิบัติการชันสูตร และเตรียมโรงพยาบาลชุมชนให้พร้อมกรณีที่อาจต้องดูแลผู้ที่สัมผัสกับผู้ป่วยสงสัยอีโบลา ซึ่งจะได้รับการแยกตัวเพื่อการสังเกตอาการ 21 วัน ตามมาตรฐาน พร้อมทั้งการสื่อสาร สร้างความเข้าใจกับผู้ที่แยกตัวไว้สังเกตอาการและญาติ เพื่อลดความวิตกกังวล” ปลัด สธ. กล่าว
นพ.ณรงค์ กล่าวว่า ได้ให้กรมควบคุมโรคจัดเตรียมอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อ สำหรับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ขณะนี้ส่งไปให้โรงพยาบาลต่างๆ แล้ว 5,000 ชุด จะจัดส่งเพิ่มอีก 8,000 ชุดภายในเดือนนี้ และอีก 30,000 ชุดภายในเดือนตุลาคมนี้ เพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์มีความมั่นใจในความปลอดภัยขณะปฏิบัติงาน
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่