ศจย. ชี้ขยายขนาดภาพคำเตือนบนซองบุหรี่ ช่วยคนอยากเลิกสูบได้ผล แต่ต้องเดินหน้ามาตรการอย่างอื่นควบคู่ โดยเฉพาะเพิ่มภาษี เพิ่มราคาบุหรี่ แนะเพิ่มคู่สายสายด่วนเลิกบุหรี่ ชี้ลงทุนคุ้มค่า
น.ส.ศิริวรรณ พิทยรังสฤษฏ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) กล่าวว่า แม้ขณะนี้ผู้ผลิตและผู้นำเข้าบุหรี่ซิกาแรต จะมีการปรับขนาดภาพคำเตือนบนซองบุหรี่ให้เป็น 85% ตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งจะมีผลบังคับใช้วันที่ 23 ก.ย. นี้ แล้วก็ตาม แต่มาตรการควบคุมการบริโภคยาสูบต้องทำทุกมาตรการร่วมกันตามที่องค์การอนามัยโลกแนะนำ จึงได้ผล คือ 1. ติดตามสถานการณ์อัตราการสูบบุหรี่ 2. การปกป้องคนที่ไม่สูบบุหรี่จากควัน 3. ช่วยเหลือในการเลิกบุหรี่ 4. แจ้งเตือนเรื่องพิษภัย และ 5. การเพิ่มภาษี ซึ่งการขยายภาพคำเตือนถือเป็นการแจ้งเตือนถึงพิษภัยรูปแบบหนึ่ง
น.ส.ศิริวรรณ กล่าวว่า จากการติดตามการเพิ่มขนาดภาพคำเตือนในต่างประเทศให้มีขนาดใหญ่ขึ้น พบว่า การติดตามที่ออสเตรเลียช่วงเวลา 1 ปี พบว่า เริ่มมีตัวเลขผู้สูบบุหรี่ชัดเจนขึ้นว่าอยากเลิกสูบบุหรี่ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ที่เพิ่งเริ่มสูบบุหรี่ใหม่ๆ ซึ่งระหว่างนั้นจำเป็นต้องทำมาตรการอื่นๆ เพิ่มขึ้นด้วย เช่น ราคาที่เพิ่มขึ้น จะมีส่วนตัดสินใจให้เลิกได้ หรือปัจจัยแวดล้อมโดยเฉพาะครอบครัวและคนรัก ถ้าครอบครัวกดดันหรือมีลูก ก็ช่วยทำให้อยากเลิกบุหรี่ได้ การใช้สื่อสาธารณะเพื่อสื่อสารเชิงกระตุ้นเตือน และปัจจัยด้านสุขภาพ เช่น เจ็บป่วยจึงอยากเลิก
“เมื่อกระตุ้นให้คนอยากเลิกบุหรี่ จำเป็นต้องมีกระบวนการรองรับ เช่น การให้ยาเลิกบุหรี่ การให้บริการให้คำปรึกษาทั้งในโรงพยาบาลและสายด่วน 1600 โดยเฉพาะสายด่วน พบว่า กลุ่มคนที่เพิ่งเริ่มสูบบุหรี่แล้วอยากเลิกบุหรี่ จะใช้บริการช่องทางนี้ ซึ่งปัจจุบันมีสายด่วน 30 คู่สายรองรับ ภาครัฐ สสส. จำเป็นต้องขยายคู่สายเพิ่มเป็น 2 เท่า เพราะพบว่าเป็นการลงทุนที่ได้ผล นอกจากนี้ ยังพบว่าการรวมกลุ่มกันเลิกบุหรี่ จะมีส่วนช่วยให้อัตราการเลิกบุหรี่เพิ่มขึ้นได้มากกว่าเลิกคนเดียว ปัจจุบันหลายจังหวัดมีการรวมกลุ่มเครือข่ายสุขภาพอยู่และพึ่งพาตัวเองได้ เช่น การใช้หญ้าดอกขาว เพื่อเลิกบุหรี่ ซึ่งกลุ่มสุขภาพเหล่านี้สามารถรับคำปรึกษาที่โรงพยาบาลได้เพื่อประสิทธิภาพในการเลิกบุหรี่ด้วย” ผอ.ศจย. กล่าว
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
น.ส.ศิริวรรณ พิทยรังสฤษฏ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) กล่าวว่า แม้ขณะนี้ผู้ผลิตและผู้นำเข้าบุหรี่ซิกาแรต จะมีการปรับขนาดภาพคำเตือนบนซองบุหรี่ให้เป็น 85% ตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งจะมีผลบังคับใช้วันที่ 23 ก.ย. นี้ แล้วก็ตาม แต่มาตรการควบคุมการบริโภคยาสูบต้องทำทุกมาตรการร่วมกันตามที่องค์การอนามัยโลกแนะนำ จึงได้ผล คือ 1. ติดตามสถานการณ์อัตราการสูบบุหรี่ 2. การปกป้องคนที่ไม่สูบบุหรี่จากควัน 3. ช่วยเหลือในการเลิกบุหรี่ 4. แจ้งเตือนเรื่องพิษภัย และ 5. การเพิ่มภาษี ซึ่งการขยายภาพคำเตือนถือเป็นการแจ้งเตือนถึงพิษภัยรูปแบบหนึ่ง
น.ส.ศิริวรรณ กล่าวว่า จากการติดตามการเพิ่มขนาดภาพคำเตือนในต่างประเทศให้มีขนาดใหญ่ขึ้น พบว่า การติดตามที่ออสเตรเลียช่วงเวลา 1 ปี พบว่า เริ่มมีตัวเลขผู้สูบบุหรี่ชัดเจนขึ้นว่าอยากเลิกสูบบุหรี่ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ที่เพิ่งเริ่มสูบบุหรี่ใหม่ๆ ซึ่งระหว่างนั้นจำเป็นต้องทำมาตรการอื่นๆ เพิ่มขึ้นด้วย เช่น ราคาที่เพิ่มขึ้น จะมีส่วนตัดสินใจให้เลิกได้ หรือปัจจัยแวดล้อมโดยเฉพาะครอบครัวและคนรัก ถ้าครอบครัวกดดันหรือมีลูก ก็ช่วยทำให้อยากเลิกบุหรี่ได้ การใช้สื่อสาธารณะเพื่อสื่อสารเชิงกระตุ้นเตือน และปัจจัยด้านสุขภาพ เช่น เจ็บป่วยจึงอยากเลิก
“เมื่อกระตุ้นให้คนอยากเลิกบุหรี่ จำเป็นต้องมีกระบวนการรองรับ เช่น การให้ยาเลิกบุหรี่ การให้บริการให้คำปรึกษาทั้งในโรงพยาบาลและสายด่วน 1600 โดยเฉพาะสายด่วน พบว่า กลุ่มคนที่เพิ่งเริ่มสูบบุหรี่แล้วอยากเลิกบุหรี่ จะใช้บริการช่องทางนี้ ซึ่งปัจจุบันมีสายด่วน 30 คู่สายรองรับ ภาครัฐ สสส. จำเป็นต้องขยายคู่สายเพิ่มเป็น 2 เท่า เพราะพบว่าเป็นการลงทุนที่ได้ผล นอกจากนี้ ยังพบว่าการรวมกลุ่มกันเลิกบุหรี่ จะมีส่วนช่วยให้อัตราการเลิกบุหรี่เพิ่มขึ้นได้มากกว่าเลิกคนเดียว ปัจจุบันหลายจังหวัดมีการรวมกลุ่มเครือข่ายสุขภาพอยู่และพึ่งพาตัวเองได้ เช่น การใช้หญ้าดอกขาว เพื่อเลิกบุหรี่ ซึ่งกลุ่มสุขภาพเหล่านี้สามารถรับคำปรึกษาที่โรงพยาบาลได้เพื่อประสิทธิภาพในการเลิกบุหรี่ด้วย” ผอ.ศจย. กล่าว
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่