พม.ปรับโฉมระบบ OSCC เพิ่มจาก 15 คู่สาย เป็น 30 คู่สาย พร้อมเพิ่มล่าม 6 ภาษารองรับต่างชาติร้องทุกข์ คาดเริ่ม 1 ก.พ. 57
วันนี้ (11 พ.ย.) ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นางปวีณา หงสกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เป็นประธานการประชุมคณะทำงานศูนย์ช่วยเหลือสังคม OSCC พร้อมด้วยนายวิเชียร ชวลิตร ปลัด พม.ตัวแทนจากกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กระทรวงแรงงาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงศึกษาธิการ เมืองพัทยา และตัวแทนจากบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน)
นายวิเชียร กล่าวภายหลังการประชุมว่า พม.จะมีการปรับปรุงพัฒนาสายด่วน OSCC 1300 จากเดิมที่ใช้เป็นระบบสายด่วนจะมีการปรับเป็นระบบคอลเซ็นเตอร์ และเพิ่มจาก 15 คู่สาย เป็น 30 คู่สาย เพื่อรองรับการร้องเรียนของประชาชน จะมีการถ่ายโอนคู่สายจากต่างจังหวัดเข้ามาในกรุงเทพมหานครทั้งหมด และในอนาคตจะพัฒนาให้ได้ถึง 100 คู่สาย รวมทั้งจะพัฒนาระบบฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ ระบบการรับโทรศัพท์ให้มีขีดความสามารถในการให้คำปรึกษา แนะนำผ่านทางโทรศัพท์ได้โดยไม่ต้องมารับคำปรึกษาด้วยตัวเอง นอกจากนี้ จะมีการเพิ่มล่ามภาษาอีก 6 ภาษา ได้แก่ ภาษาอังกฤษ พม่า ลาว กัมพูชา เวียดนาม และยาวี ซึ่งแต่เดิมยังไม่มีบริการและระบบยังไม่สามารถเข้าถึงกลุ่มคนต่างชาติได้ ตนคาดว่าหากมีการปรับปรุงแล้วจะสามารถช่วยแก้ไขปัญหาได้อย่างครอบคลุม รวมทั้งจะมีการเปิดอบรมครูอีก 90 คนโดยให้บริษัททีโอทีเป็นผู้จัดการอบรมในครั้งนี้ ซึ่งคาดว่าการปรับปรุงระบบทั้งหมดจะแล้วเสร็จและเริ่มใช้งานได้ภายในเดือนกุมภาพันธุ์ พ.ศ.2557 นี้
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีศูนย์ประสานความร่วมมือจัดตั้งหน่วยรับแจ้งเหตุ/เบาะแสทั้งหมด 21,844 แห่ง ได้แก่ พม.416 แห่ง กระทรวงสาธารณสุข 10,611 แห่ง กระทรวงแรงงาน 174 แห่ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1,466 แห่ง กระทรวงมหาดไทย 8,729 แห่ง กระทรวงยุติธรรม 77 แห่ง กระทรวงศึกษาธิการ 237 แห่ง กรุงเทพมหานคร 128 แห่ง และเมืองพัทยาอีก 1 แห่ง
วันนี้ (11 พ.ย.) ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นางปวีณา หงสกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เป็นประธานการประชุมคณะทำงานศูนย์ช่วยเหลือสังคม OSCC พร้อมด้วยนายวิเชียร ชวลิตร ปลัด พม.ตัวแทนจากกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กระทรวงแรงงาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงศึกษาธิการ เมืองพัทยา และตัวแทนจากบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน)
นายวิเชียร กล่าวภายหลังการประชุมว่า พม.จะมีการปรับปรุงพัฒนาสายด่วน OSCC 1300 จากเดิมที่ใช้เป็นระบบสายด่วนจะมีการปรับเป็นระบบคอลเซ็นเตอร์ และเพิ่มจาก 15 คู่สาย เป็น 30 คู่สาย เพื่อรองรับการร้องเรียนของประชาชน จะมีการถ่ายโอนคู่สายจากต่างจังหวัดเข้ามาในกรุงเทพมหานครทั้งหมด และในอนาคตจะพัฒนาให้ได้ถึง 100 คู่สาย รวมทั้งจะพัฒนาระบบฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ ระบบการรับโทรศัพท์ให้มีขีดความสามารถในการให้คำปรึกษา แนะนำผ่านทางโทรศัพท์ได้โดยไม่ต้องมารับคำปรึกษาด้วยตัวเอง นอกจากนี้ จะมีการเพิ่มล่ามภาษาอีก 6 ภาษา ได้แก่ ภาษาอังกฤษ พม่า ลาว กัมพูชา เวียดนาม และยาวี ซึ่งแต่เดิมยังไม่มีบริการและระบบยังไม่สามารถเข้าถึงกลุ่มคนต่างชาติได้ ตนคาดว่าหากมีการปรับปรุงแล้วจะสามารถช่วยแก้ไขปัญหาได้อย่างครอบคลุม รวมทั้งจะมีการเปิดอบรมครูอีก 90 คนโดยให้บริษัททีโอทีเป็นผู้จัดการอบรมในครั้งนี้ ซึ่งคาดว่าการปรับปรุงระบบทั้งหมดจะแล้วเสร็จและเริ่มใช้งานได้ภายในเดือนกุมภาพันธุ์ พ.ศ.2557 นี้
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีศูนย์ประสานความร่วมมือจัดตั้งหน่วยรับแจ้งเหตุ/เบาะแสทั้งหมด 21,844 แห่ง ได้แก่ พม.416 แห่ง กระทรวงสาธารณสุข 10,611 แห่ง กระทรวงแรงงาน 174 แห่ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1,466 แห่ง กระทรวงมหาดไทย 8,729 แห่ง กระทรวงยุติธรรม 77 แห่ง กระทรวงศึกษาธิการ 237 แห่ง กรุงเทพมหานคร 128 แห่ง และเมืองพัทยาอีก 1 แห่ง
