กรมควบคุมโรคพร้อมลุยร่วมกรมสรรพสามิต ปราบ “บารากู่” แต่ยอมรับเอาผิดสถานบันเทิง คนสูบ ยาก เหตุต้องมียาเส้นเป็นส่วนผสมจึงเอาผิดได้ ห่วงคนสูบติดโรคผ่านทางน้ำลาย ทั้งเริม ไข้หวัด ไวรัสตับอักเสบ รวมถึงอีโบลา
วันนี้ (18 ส.ค.) นพ.นพพร ชื่นกลิ่น รองอธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีกรมสรรพสามิตเตรียมลุยตรวจสถานบันเทิง โดยเฉพาะบริเวณใกล้สถานศึกษาที่เปิดให้บริการผลิตภัณฑ์ “บารากู่” เนื่องจากเป็นสินค้าผิดกฎหมาย ว่า คร. มีการดำเนินการร่วมกับกรมสรรพาสามิตและตำรวจในการตรวจสถานบันเทิงเหล่านี้เป็นประจำอยู่แล้ว แต่การเอาผิดสถานบันเทิงที่ให้บริการบารากู่ ถือเป็นเรื่องยาก เพราะหากนิยามว่าบารากู่เป็นยาสูบ ก็จะต้องมีการตรวจสอบว่ามีการใส่ยาเส้นหรือไม่
นพ.นพพร กล่าวว่า หากมีส่วนผสมก็สามารถเอาผิดได้ตาม พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ.2535 ของกรมสรรพสามิต และ พ.ร.บ.คุ้มครองสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่ พ.ศ. 2535 ของ คร. ซึ่งห้ามสูบในร้านอาหาร โดยผู้สูบจะมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท ส่วนเจ้าของสถานที่มีโทษปรับ 20,000 บาท แต่หากไม่มีส่วนผสมของยาเส้นก็ไม่สามารถเอาผิดได้ อย่างมากคือเอาผิดตาม พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ. 2535 กรณีก่อเหตุความรำคาญให้แก่คนรอบข้าง จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นพ.นพพร กล่าวอีกว่า การดำเนินการเรื่องนี้ในระยะยาว คือ กำลังประสานกระทรวงพาณิชย์ในการออกประกาศห้ามนำเข้าบารากู่และบุหรี่ไฟฟ้า ก็จะสามารถดำเนินปราบได้อย่างจริงจังมากขึ้น ทั้งนี้ ที่น่าห่วงคือการสูบบารากู่นั้นส่วนมากจะเป็นการวนกันสูบทั้งโต๊ะจากท่อไปป์อันเดียวกัน อาจทำให้เกิดการติดโรคได้หลายชนิด เช่น ไวรัสตับอักเสบ การติดเชื้อทั่วๆ ไปทางน้ำลาย เริม ไข้หวัด หรือแม้แต่อีโบลาก็สามารถติดได้
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
วันนี้ (18 ส.ค.) นพ.นพพร ชื่นกลิ่น รองอธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีกรมสรรพสามิตเตรียมลุยตรวจสถานบันเทิง โดยเฉพาะบริเวณใกล้สถานศึกษาที่เปิดให้บริการผลิตภัณฑ์ “บารากู่” เนื่องจากเป็นสินค้าผิดกฎหมาย ว่า คร. มีการดำเนินการร่วมกับกรมสรรพาสามิตและตำรวจในการตรวจสถานบันเทิงเหล่านี้เป็นประจำอยู่แล้ว แต่การเอาผิดสถานบันเทิงที่ให้บริการบารากู่ ถือเป็นเรื่องยาก เพราะหากนิยามว่าบารากู่เป็นยาสูบ ก็จะต้องมีการตรวจสอบว่ามีการใส่ยาเส้นหรือไม่
นพ.นพพร กล่าวว่า หากมีส่วนผสมก็สามารถเอาผิดได้ตาม พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ.2535 ของกรมสรรพสามิต และ พ.ร.บ.คุ้มครองสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่ พ.ศ. 2535 ของ คร. ซึ่งห้ามสูบในร้านอาหาร โดยผู้สูบจะมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท ส่วนเจ้าของสถานที่มีโทษปรับ 20,000 บาท แต่หากไม่มีส่วนผสมของยาเส้นก็ไม่สามารถเอาผิดได้ อย่างมากคือเอาผิดตาม พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ. 2535 กรณีก่อเหตุความรำคาญให้แก่คนรอบข้าง จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นพ.นพพร กล่าวอีกว่า การดำเนินการเรื่องนี้ในระยะยาว คือ กำลังประสานกระทรวงพาณิชย์ในการออกประกาศห้ามนำเข้าบารากู่และบุหรี่ไฟฟ้า ก็จะสามารถดำเนินปราบได้อย่างจริงจังมากขึ้น ทั้งนี้ ที่น่าห่วงคือการสูบบารากู่นั้นส่วนมากจะเป็นการวนกันสูบทั้งโต๊ะจากท่อไปป์อันเดียวกัน อาจทำให้เกิดการติดโรคได้หลายชนิด เช่น ไวรัสตับอักเสบ การติดเชื้อทั่วๆ ไปทางน้ำลาย เริม ไข้หวัด หรือแม้แต่อีโบลาก็สามารถติดได้
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
