xs
xsm
sm
md
lg

ญาตินำศพเหยื่อตึกถล่มกลับภูมิลำเนา สค.ปทุมฯแจ้งความเอาผิดผู้รับเหมา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ญาตินำศพเหยื่อตึกถล่มกลับภูมิลำเนา ศพแรงงานกัมพูชาประสานหาวัดจัดพิธีเผา สค.ปทุมธานี แจ้งความเอาผิดนายจ้างผู้รับเหมา จัดดูแลหางานใหม่ให้แรงงานที่ว่างงาน

วันนี้ (16 ส.ค.) นางเธียรรัตน์ นะวะมะรัตน์ แรงงานจังหวัดปทุมธานี สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวถึงความคืบหน้าการช่วยเหลือแรงงานไทยและต่างด้าวที่ประสบเหตุอาคารก่อสร้างยูเพลส คอนโดเทล ในจ.ปทุมธานีถล่มว่า ในส่วนของแรงงานไทยและเด็กที่เสียชีวิต 11 ราย ขณะนี้ญาติได้นำศพกลับไปทำพิธีทางศาสนาและเผาศพแล้วโดยจากข้อมูลเบื้องต้นในจำนวนนี้เป็นชาวอ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ 5 คน และอ.เขาสวนกลาง จ.ขอนแก่น 1 คน ส่วนแรงงานชาวกัมพูชาทางจังหวัดได้ประสานหาวัดให้ทำพิธีทางศาสนาและเผาศพ หากญาติของแรงงานกัมพูชาต้องการกลับประเทศก็จะประสานสถานทูตกัมพูชาช่วยพากลับภูมิลำเนา ซึ่งเบื้องต้นทราบว่าภรรยาของนายอิมพรือ แรงงานกัมพูชาที่เสียชีวิตบอกว่าอยากกลับประเทศ เนื่องจากเสียใจอย่างมากกับเหตุที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ จะเร่งติดตามค่าจ้างค้างจ่ายให้แก่แรงงานไทยและต่างด้าวด้วย

นางเธียรรัตน์ กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (สค.) จังหวัดปทุมธานีได้ไปแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อบริษัปลูกแปลง จำกัดซึ่งเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างไว้แล้วที่สภ.คลองห้า จ.ปทุมธานี รวมทั้งสำนักงานจัดหางานจังหวัดปทุมธานีได้เข้ามาดูแลแรงงานไทยและต่างด้าวที่ประสบเหตุซึ่งขณะนี้ว่างงานอยู่เนื่องจากนายจ้างเสียชีวิตและถูกดำเนินคดีโดยมีอยู่นับสิบคนเพื่อจัดหางานใหม่ให้ทำ แต่ขณะนี้แรงงานกลุ่มนี้ยังไม่มีกำลังใจที่เริ่มงานใหม่ เนื่องจากยังเศร้าใจจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

นางกรรณิการ์ พฤกษชาติ ประกันสังคมจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า แรงงานไทยและต่างด้าวผู้ที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 25 คน ซึ่งขณะนี้เหลืออีกเพียง 5 คนที่ยังรักษาตัวในโรงพยาบาล ทางสำนักงานประกันสังคม(สปส.)ได้ดูแลให้ได้รับสิทธิต่างๆเช่น ค่ารักษาพยาบาล เงินทดแทนกรณีหยุดงานเพื่อพักรักษาตัวตามสิทธิของกองทุนเงินทดแทนทุกราย รวมทั้งกรณีแรงงานที่เสียชีวิต จะมอบเงินค่าทำศพให้แก่ญาติแรงงานที่เสียชีวิตรายละ 3 หมื่นบาทและเงินทดแทนให้แก่ทายาทร้อยละ 60 ของค่าจ้างเป็นเวลา 8 ปี

นางกรรณิการ์ กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้สปส.ได้มอบเงินให้แก่ญาติแรงงานไปแล้ว 5 คนจากทั้งหมด 14 คน ยังเหลืออีก 9 คนซึ่งในจำนวนนี้ตรวจสอบแล้วว่าเป็นลูกจ้างชัดเจนและได้รับสิทธิกองทุนเงินทดแทน 6 คน อีก 3 คนคือ ด.ช.สิทธิพันธุ์ โคกแปะนั้นไม่มีสิทธิเพราะไม่ใช่แรงงานและไม่ใช่ผู้ประกันตน ส่วนน.ส.ณัฐมน โคกแปะ อยู่ระหว่างตรวจสอบว่ามีสิทธิของกองทุนประกันสังคมหรือไม่ และนายใกล้รุ่ง ทับครบุรี อยู่ระหว่างตรวจสอบว่ามีสิทธิของกองทุนเงินทดแทนหรือมีสิทธิของกองทุนประกันสังคมหรือไม่ หากทั้งสองคนมีสิทธิก็จะจ่ายเงินช่วยเหลือตามสิทธิของกองทุนให้แก่ครอบครัว

ด้านนายพานิช จิตร์แจ้ง อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน(กสร.) กระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ขณะนี้มีแรงงานที่บาดเจ็บและญาติของแรงงานที่เสียชีวิตมาลงทะเบียนขอความช่วยเหลือจากสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดปทุมธานีแล้วจำนวน 39 รายแยกเป็นคนไทย 23 รายและกัมพูชา 16 รายโดยขอความช่วยเหลือในกรณีต่างๆเช่น ค่าทำศพ ค่ารักษาพยาบาล
ซึ่งกสร.จะประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และทางจังหวัดในการให้ความช่วยเหลือ นอกจากนี้ ในส่วนของกสร.ได้ร่วมกับหน่วยงานต่างๆดำเนินการสอบสวนและแจ้งความเอาผิดกับนายจ้าง

นางชไมพร สินธุประสิทธิ์ สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดปทุมธานี กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน(กสร.) กระทรวงแรงงาน กล่าวถึงความคืบหน้าการช่วยเหลือแรงงานไทยและต่างด้าวที่ประสบเหตุอาคารก่อสร้างยูเพลส คอนโดเทลในจ.ปทุมธานีถล่มว่าเบื้องต้นได้มีแรงงานไทยและต่างด้าวที่ประสบเหตุซึ่งเป็นลูกจ้างบริษัทเอาท์ซอร์สมายื่นเรื่องขอความช่วยเหลือเพื่อให้ติดตามค่าจ้างค้างจ่ายจากนายจ้างประมาณ 9 คนโดยแยกเป็นแรงงานไทย 7 คนและกัมพูชา 2 คน ซึ่งสำนักงานสวัสดิการฯจะเร่งตรวจสอบว่ามีแรงงานไทยและต่างด้าวที่มีปัญหาเช่นนี้อยู่จำนวนกี่คนและติดตามแรงงานให้มาเขียนคำร้องเรียนเพื่อจะได้ช่วยเหลือ

นางชไมพร กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันสำนักงานสวัสดิการฯได้ไปแจ้งความร้องเอาผิดกับบริษัทปลูกแปลง จำกัดซึ่งเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างไว้แล้วที่สถานีตำรวจภูธร(สภ.)คลองห้า จังหวัดปทุมธานีแล้วโดยแจ้งความเอาผิดใน 3 ข้อหาได้แก่ 1.ปล่อยปละละเลยให้ลูกจ้างพักอาศัยในพื้นที่ก่อสร้างขณะก่อสร้าง 2.ไม่มีผู้ควบคุมงานขณะก่อสร้าง ซึ่ง 2 ข้อหานี้เป็นความผิดตามพ.ร.บ.ความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงานพ.ศ.2554 และกฎกระทรวงว่าด้วยการบริหารจัดการด้านความปลอดภัยในงานก่อสร้างและ3.การใช้แรงงานเด็กโดยไม่แจ้งต่อสำนักงานสวัสดิการฯตามพ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานพ.ศ.2541 โดยใน 2 ข้อหาแรกมีโทษเหมือนกันคือ จำคุก 1 ปี ปรับ 4 แสนบาท และข้อหาที่ 3 มีโทษปรับ 2 หมื่นบาท ทั้งนี้ หากตรวจสอบพบว่าบริษัทเอาท์ช้อทเกี่ยวข้องกับข้อหาใดก็จะเอาผิดด้วยเช่นกัน

ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่





กำลังโหลดความคิดเห็น