xs
xsm
sm
md
lg

8 นศ.ไทยหนีภัยสงครามลิเบีย กลับถึงไทยแล้วกลุ่มแรก เผยเส้นทางระทึกหลบกระสุนออกนอกเมือง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นศ.ไทย 8 คน อพยพหนีภัยสงครามออกจากลิเบีย เดินทางถึงไทยเป็นกลุ่มแรกเรียบร้อยแล้ว เผยเส้นทางสุดระทึก หลบกระสุนในรถระหว่างออกจากตริโปลีเข้าสู่ตูนิเซีย ญาติพี่น้องแห่รอต้อนรับบรรยากาศชื่นมื่นดีใจ เห็นบุตรหลานปลอดภัย ด้าน พม. จัดรถตู้รับส่ง พร้อมหาที่พักสำหรับคนที่ยังกลับบ้านไม่ได้ เร่งประสาน กต. ติดต่อมหาวิทยาลัยในลิเบียกลับไปเรียนได้เมื่อไร

วันนี้ (2 ส.ค.) ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คนไทยกลุ่มแรกที่อพยพหนีภัยสงครามในประเทศลิเบีย เดินทางกลับถึงประเทศไทยแล้วด้วยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 384 เมื่อเวลา 12.40 น. โดยคนไทยกลุ่มดังกล่าวเป็นนักศึกษาไทยจำนวน 8 คน ที่ไปศึกษาด้านศาสนาประเทศลิเบีย ประกอบด้วย นายอาหามะ เจ๊ะมะ นายอับดุลเลาะห์ เจ๊ะอุบง นายเอลวานุดดิน เจ๊ะและ นายอามินุดดิน มามะ นายอัฟด้อล ปานนพภา นายมานพ เรืองพจน์ นายคณิต วงสันต์ นายอาลี ยีมาวิละ

ทั้งนี้ บรรยากาศการรอต้อนรับของญาติพี่น้องของนักศึกษากลุ่มดังกล่าวเป็นไปด้วยความดีใจ ที่เห็นบุตรหลานของตัวเองเดินทางกลับมาอย่างปลอดภัย โดยมี พล.ท.หฤษฎ์ พุ่มหิรัญ เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย นายประสิทธิพร เวทย์ประสิทธิ์ รองอธิบดีกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ นายอนุสันต์ เทียนทอง รองอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และนายภาณุ อุทัยรัตน์ เลขาธิการ ศอ.บต. ร่วมให้การต้อนรับ

พล.ท.หฤษฎ์ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. เป็นห่วงการเดินทางกลับจึงมอบหมายให้มาอำนวยความสะดวก ซึ่งทุกอย่างเรียบร้อยดี การเดินทางปลอดภัยและจะมีคนไทยทยอยกลับมาเรื่อยๆ มีขึ้นทะเบียนไว้แล้ว 800 คน ในจำนวนนี้ 80 คน จะเดินทางกลับในวันที่ 4 ส.ค. ในส่วนของนักศึกษา 3 คน ที่เปลี่ยนใจยังไม่กลับเพราะยังต้องรอทำเอกสารเนื่องจากเรียนจบแล้วจึงห่วงเรื่องเกรด ส่วนคนที่กลับมาก็ต้องรอให้เหตุการณ์สงบก่อนจึงจะกลับไปเรียนต่อ เพราะความปลอดภัยต้องมาก่อน

นายอนุสันต์ กล่าวว่า จริงๆ แล้วมีนักศึกษาลงชื่อไว้ 11 คน แต่กลับมา 8 คน เพราะ 3 คนเปลี่ยนใจขออยู่ต่อเพื่อทำธุระ โดยทั้ง 8 คนมีภูมิลำเนาอยู่ใน จ.ชลบุรี พระนครศรีอยุธยา ยะลา นราธิวาส และกทม. โดยกรมพัฒนาสังคมฯ ได้จัดรถตู้ 2 คัน เพื่อส่งนักศึกษาไปยังสถานีขนส่งสำหรับคนที่ต้องการกลับต่างจังหวัด ส่วนคนที่ยังกลับบ้านไม่ได้ ได้จัดเตรียมที่พักไว้ที่บ้านพักเด็กและครอบครัวดินแดง นอกจากนี้ จะดูแลเรื่องค่าอาหารและค่าเดินทางทั้งหมด ส่วนการศึกษาของเด็กได้ประสานกระทรวงการต่างประเทศให้ประสานมหาวิทยาลัยในลิเบียของทั้ง 8 คน ว่าจะสามารถเดินทางกลับไปเรียนต่อได้เมื่อไร

นายประสาน ปานนพภา บิดาของนายอัฟด้อล ปานนพภา กล่าวว่า บุตรชาย อายุ 19 ปี เดินทางไปเรียนด้านศาสนาในกรุงตริโปลีได้ 1 ปี ในช่วงเกิดสถานการณ์รุนแรงได้ติดต่อกันตลอดเวลาและลูกชายได้เล่าให้ฟังว่ามีระเบิดมาตกใกล้หอพัก พี่สาวซึ่งเคยไปเรียนที่ไคโรห์ ประเทศอียิปต์ เห็นว่าสถานการณ์รุนแรงมากขึ้น จึงบอกให้น้องกลับบ้านมาก่อน ในช่วงแรกลูกชายไม่ยอม เพราะยังห่วงเรียน แต่เมื่อเห็นว่าสถานการณ์รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จึงยอมกลับ โดยหลังเทศกาลถือศีลอดได้รวมกลุ่มกับเพื่อนออกจากที่พักไปอยู่ที่สถานทูตไทยในลิเบียประมาณ 1 สัปดาห์ ก่อนเดินทางกลับเมืองไทย หลังเหตุการณ์สงบจะให้กลับไปเรียนต่อให้จบ

นายอาหะมัด เจ๊ะแม อายุ 24 ปี ชาว จ.ยะลา กล่าวว่า ไปเรียนศาสนาชั้นปีที่ 2 ที่มหาวิทยาลัยอัลดะวะห์ ในตริโปลี จุดที่พักมีเสียงปืนดังเป็นระยะและมีกระสุนปืนมาโดนกำแพง ตอนนั้นตกใจกลัวมาก ไม่นึกว่าจะเกิดเหตุการณ์รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จึงอยากกลับบ้านและขณะอพยพจากตริโปลีข้ามชายแดนไปเมืองตูนิส ประเทศตูนิเซีย ระหว่างทางมีเสียงปืนดังจนต้องพากันหลบอยู่ในรถ จากนั้นต้องใช้เวลาอีก 6 ชม. เดินทางจากตูนิเซียเข้าดูไบก่อนกลับประเทศไทย ดีใจที่ปลอดภัยกลับมา จะรอให้สงบแล้วจะกลับไปเรียนต่ออีก 2 ปี ให้จบเพราะอยากเป็นครูสอนศาสนา

ด้าน นายมานพชัย วงศ์ภักดี อธิบดีกรมเอเชียใต้ ตะวันออกกลางและแอฟริกา กล่าวว่า คนไทยและแรงงานไทยกลุ่มอื่นนอกเหนือจากนักศึกษาทั้ง 8 คนนั้น ทราบว่าจะอพยพออกมาทางเรือ และอากาศยาน เพื่อไปยังกรุงตูนิส ของตูนีเซีย แล้วจะเดินทางด้วยเครื่องบินไปยังนครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพื่อขึ้นเครื่องที่มีเที่ยวบินตรงถึงประเทศไทย ขณะที่คนไทยอีกกลุ่มหนึ่งจำนวน 18 คน จะขึ้นเครื่องบินที่เมืองอัลเบดา ทางเหนือของเมืองเบงกาซี เพื่อไปเปลี่ยนเครื่องบินที่กรุงไคโร และเดินทางกลับไทย ส่วนการให้ความช่วยเหลือแรงงานไทยที่กลับจากลิเบีย เจ้าหน้าที่จัดหางาน จ.สุรินทร์ ลงพื้นที่เยี่ยมครอบครัวแรงงานไทย พร้อมชี้แจงทำความเข้าใจถึงแนวทางการให้ความช่วยเหลือแรงงานไทย จ.สุรินทร์ 29 คน เพื่อเป็นตัวกลางในการประสานงานติดต่อเดินทางกลับประเทศ






ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่





กำลังโหลดความคิดเห็น