เลขาฯ คสช.ประชุมเตรียมพร้อมหลังแต่งตั้ง สนช. สั่งสภาพัฒน์-สลค.เร่งทำแถลงนโยบายรัฐบาลให้เสร็จภายใน 15 ส.ค.นี้ พร้อมให้สำนักงบฯ ทำร่างแจงงบปี 58 ด้วย และให้ทุกฝ่ายสรุปผลงานและเป้าหมายใน 1 ปี เน้นจัดซื้อจัดจ้างให้โปร่งใส เผย “ประยุทธ์” ยัน คสช.ทำงานคู่ขนานรัฐบาล เตรียมลดขนาดให้เหมาะสม ขอพร้อมช่วยภัยพิบัติ เร่งจับนายทุนรุกป่า ยันสอบสวน “เสธ.เจมส์” เป็นธรรม ด้าน “ไพบูลย์” เผยส่ง สนช.พิจารณากฎหมาย 43 ฉบับ
วันนี้ (1 ส.ค.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก เมื่อเวลา 08.30 น. พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รองผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะเลขานุการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. เป็นประธานการประชุมการปฏิบัติงานของฝ่ายต่างๆ ใน คสช. โดยที่ประชุมได้รับทราบการเตรียมความพร้อมด้านต่างๆ หลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. 200 คน โดย พล.อ.อุดมเดช ได้เน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมพร้อมดำเนินการตามกรอบปฏิทินของ สนช. โดยขอให้สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เร่งดำเนินการจัดทำร่างคำแถลงนโยบายรัฐบาลให้เสร็จสิ้นและส่งมาให้ คสช.ภายในวันที่ 15 สิงหาคมนี้ รวมถึงขอให้สำนักงบประมาณจัดทำร่างคำชี้แจงงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2558 ที่ คสช.จะต้องชี้แจงต่อ สนช.ให้เสร็จสิ้นภายในสัปดาห์แรกของเดือนสิงหาคม
พร้อมกันนี้ยังได้ขอให้ทุกฝ่ายจัดทำสรุปผลงานในช่วงที่ผ่านมา และ 1 ปีต่อจากนี้ โดยกำหนดเป้าหมายและตัวชี้วัดให้ชัดเจนในวงรอบ 3 เดือน เพื่อใช้เป็นแนวทางดำเนินงานของรัฐบาล โดยจัดทำเป็นวีดีทัศน์เผยแพร่ก่อนมีรัฐบาลใหม่ รวมทั้งยังได้เน้นย้ำในเรื่องของการจัดซื้อจัดจ้างในการดำเนินโครงการต่างๆ ด้วยว่าให้ดำเนินการด้วยความโปร่งใส ไม่มีผลประโยชน์ใดๆ ทับซ้อน
พล.อ.อุดมเดชกล่าวในที่ประชุมอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ขอให้ทุกฝ่ายช่วยทำความเข้าใจกับสังคมว่า คสช. ไม่ใช่รัฐบาล เป็นงานคนละส่วนกัน แต่จะทำงานคู่ขนานกัน ซึ่งหลังจากนี้โครงสร้าง คสช. จะลดขนาดลงเพื่อให้เหมาะสมกับการปฏิบัติงานควบคู่กับรัฐบาล ดังนั้นให้แต่ละฝ่ายเร่งสรุปผลงานส่งให้สำนักงานเลขานุการ คสช. เพื่อเตรียมส่งข้อมูลต่อให้กับรัฐบาลชุดใหม่ที่จะเกิดขึ้นภายในเดือนกันยายนนี้
พล.อ.อุดมเดชกล่าวต่อว่า หัวหน้า คสช.ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และกองกำลังรักษาความสงบ หรือ กกล.รส เตรียมพร้อมช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติต่างๆ และให้เร่งรัดจับกุมนายทุนและขบวนการบุกรุกทำลายป่า รวมถึงติดตามการดำเนินคดีให้ถึงที่สุด สำหรับในเรื่องการร้องเรียนของชาวบ้านที่ขอความเป็นธรรมทั้งเรื่องพระสงฆ์ที่ตำบลลิ้นฟ้า อ.จตุรพักตรพิมาน จ.ร้อยเอ็ด และเรื่องที่อยู่อาศัย ที่ดินทำกิน อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ รวมถึงเรื่องผู้ประกอบการริมเขื่อนสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี ก็ได้ขอให้กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยกองทัพภาคที่ 2 ได้ร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหาให้ประชาชน
ส่วนในกรณีที่ พล.ต.เจนณรงค์ เดชวรรณ หรือเสธ.เจมส์ ถูกร้องเรียนเรื่องเรียกรับผลประโยชน์จากผู้ประกอบการย่านพัฒน์พงศ์ก็ขอให้มีการสอบสวนอย่างยุติธรรมเพื่อเอาผิดอย่างตรงไปตรงมาตามกฎหมายและข้อเท็จจริง
พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า สำหรับการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ขอให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรภาค 4 (กอ.รมน.ภาค 4) พยายามควบคุมเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ได้ โดยเฉพาะในพื้นที่ชุมชนใหญ่ รวมถึงให้เร่งแก้ปัญหาเครื่องบินโดยสารสำหรับชาวมุสลิมในภาคใต้จำนวน 540 คน ที่จะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ที่ประเทศซาอุดีอาระเบียมีไม่เพียงพออย่างเร่งด่วน
เลขานุการคณะรักษาความสงบแห่งชาติกล่าวอีกว่า ในที่ประชุมหน่วยงานฝ่ายความมั่นคงและกระทรวงการต่างประเทศได้รายงานการช่วยเหลือคนไทยในลิเบียเนื่องจากภาวะสงครามว่า ได้เตรียมแผนอพยพคนไทยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงสุด ได้แก่ นักเรียนไทยและคนไทยในกรุงตริโปลี จำนวน 40 คน กล่มที่ 2 คนไทย จำนวน70 คน บริเวณเมืองอัลเบดา และกลุ่มที่ 3 คนไทย 1,400 คนซึ่งกระจายอยู่ตามเมืองต่างๆ โดยจะทยอยอพยพกลับประเทศไทยตามความจำเป็นเร่งด่วน
นอกจากนี้ กระทรวงกลาโหม และกองบัญชาการกองทัพไทย ได้รายงานการแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้างและการค้ามนุษย์ว่า ศูนย์ประสานรับแรงงานกลับเข้าทำงานเฉพาะในจังหวัดจันทบุรีและสระแก้วได้ขยายระยะเวลาเปิดดำเนินการถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2557 พ้อมกันนี้ได้จัดตั้งศูนย์บริการแรงงานต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จเพิ่มเติมใน 53 จังหวัด เพื่อให้ครบถ้วนทั่วประเทศ โดยจะรับจดทะเบียนไปจนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2558
ด้าน พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา หัวหน้าฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คสช.ได้รายงานในที่ประชุมว่าขณะนี้มีกฎหมายที่เตรียมจะเข้าสู่การพิจารณาของ สนช.จำนวน 43 ฉบับ ซึ่งจะมีการพิจารณาไปตามความจำเป็นเร่งด่วน คาดว่า สนช.จะเริ่มพิจารณาได้ตั้งแต่วันที่ 13 สิงหาคมเป็นต้นไป