xs
xsm
sm
md
lg

ลิเบียเดือด!! ตายแล้ว 97 ศพ หลายชาติประกาศให้ประชาชนรีบย้ายออกโดยด่วน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอเอฟพี - อียิปต์และอีกหลายชาติตะวันตกพากันกำชับพลเมืองของตนให้ออกจากประเทศลิเบีย หลังจากที่การสู้รบตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาได้ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วกว่า 97 ราย ขณะที่บริษัทน้ำมัน “เนชันแนล ออยล์ คอร์ป” ของรัฐบาลลิเบียเองก็ออกมาเตือนภัยพิบัติครั้งใหญ่ หลังจากที่ถังเก็บน้ำมันในกรุงตริโปลีถูกโจมตี

สหรัฐอเมริกาได้ทำการอพยพเจ้าหน้าที่ด้านการทูตออกจากลิเบียเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (26 ก.ค.) ขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ “จอห์น เครี” ได้เตือนว่า คณะทูตอเมริกันต้องเผชิญหน้ากับความเสี่ยงอย่างแท้จริง จากการต่อสู้กันอย่างดุเดือดของกลุ่มติดอาวุธหลายกลุ่ม ที่พยายามจะควบคุมสนามบินนานาชาติในกรุงตริโปลี

ขณะที่ฝ่ายทหารและเจ้าหน้าที่การแพทย์ ระบุเมื่อวันอาทิตย์ (27 ก.ค.) ว่ามีอีก 38 คนซึ่งส่วนใหญ่เป็นทหาร เสียชีวิตในช่วงเวลา 24 ชั่วโมงที่มีการต่อสู้ระหว่างกองทัพกับพวกอิสลามิสต์ในเมืองเบงกาซี

การปะทะกันที่กรุงตริโปลีซึ่งเป็นการสู้รบที่รุนแรงที่สุดนับจากการโค่นล้มจอมเผด็จการมูอัมมาร์ กัดดาฟี เมื่อปี 2011 ได้เริ่มขึ้นหลังจากที่มีการโจมตีเข้าใส่สนามบินโดยกองกำลังพันธมิตรที่เกิดจากการรวมตัวของกลุ่มต่างๆ หลายกลุ่ม แต่หลักๆ จะเป็นพวกอิสลามิสต์ ที่ได้รับการหนุนหลังโดยบรรดานักรบจากเมืองมิสราตา ที่เป็นเมืองใหญ่อันดับ 3 ของลิเบีย

กลุ่มที่เข้าโจมตีกำลังพยายามขับไล่อดีตกองกำลังฝ่ายกบฏจาก “ซินตัน” เมืองบนภูเขาที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงตริโปลี โดยกลุ่มดังกล่าวเป็นฝ่ายที่ควบคุมสนามบินเอาไว้ตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมา

กระทรวงสาธารณสุขของลิเบีย ระบุเมื่อวันอาทิตย์ (27 ก.ค.) ว่ามีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สู้รบที่กรุงตริโปลีแห่งนี้ไปแล้ว 97 ราย ส่วนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บมีมากกว่า 400 ราย ยอดตัวเลขผู้บาดเจ็บล้มตายเหล่านี้ได้มาจากรายงานของโรงพยาบาลรัฐ 8 แห่งในเมืองหลวงและแถบชานเมือง ขณะที่การสู้รบก็ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีเสียงระเบิดตอนรุ่งสางจากพื้นที่รอบๆ สนามบิน

ในคืนวันอาทิตย์ (27 ก.ค.) บริษัทน้ำมัน “เนชันแนล ออยล์ คอร์ป” (เอ็นโอซี) ของรัฐบาลลิเบียได้ออกมาประกาศเตือนภัยพิบัติทางสิ่งแวดล้อมและทางมนุษยธรรมครั้งใหญ่ ในเขตเมืองหลวง หลังจากที่ถังเก็บน้ำมันที่มีน้ำมันบรรจุอยู่ 6 ล้านลิตรทางตอนใต้ของกรุงตริโปลี ถูกโจมตีด้วยจรวดจนเกิดไฟลุกไหม้ ทั้งนี้ มีถังเก็บน้ำมันเรียงรายอยู่บนถนนเส้นที่มุ่งตรงไปสู่สนามบิน ทีบรรจุน้ำมันรวมกันมากกว่า 90 ล้านลิตร

โมฮัมเหม็ด อัล-ฮารารี โฆษกของเอ็นโอซี บอกกับ “อัล-นาบา” ซึ่งเป็นสถานีโทรทัศน์เอกชนว่า มีความเสี่ยงที่จะเกิดการระเบิดครั้งใหญ่ และสร้างความเสียหายให้กับพื้นที่ในรัศมีประมาณ 3-5 กิโลเมตร

ด้านกระทรวงพลังงานของลิเบียได้ประกาศผ่านทางเฟซบุ๊กให้ชาวบ้านในพื้นที่เสี่ยงรีบอพยพโดยด่วนเพื่อความปลอดภัย

ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศของอียิปต์ ก็ออกมาบอกเมื่อวันเสาร์ (26 ก.ค.) ว่ามีจรวดไปโดนบ้านหลังหนึ่งในกรุงตริโปลี ทำให้มีผู้เสียชีวิต 23 ราย ซึ่งบรรดาผู้เสียชีวิตกลุ่มนี้ มีหลายรายที่เป็นชาวอียิปต์

“มีผู้เสียชีวิต 23 รายหลังจากที่จรวดแบบ แกรด ถูกยิงไปโดนบ้านหลังหนึ่งในกรุงตริโปลี ผู้เสียชีวิตบางส่วนเป็นชาวอียิปต์ แต่เรายังไม่รู้จำนวนที่แน่ชัด” บาเดอร์ อับเดลลาตี โฆษกของกระทรวงบอกกับเอเอฟพี

ทั้งนี้ ทางการอียิปต์ได้มีการประกาศให้ชาวอียิปต์ทั้งหมดในกรุงตริโปลีและเมืองเบงกาซี รีบอพยพย้ายออกโดยด่วน เพื่อป้องกันไม่ให้ได้รับผลกระทบจากการสู้รบภายในของลิเบีย โดยกระทรวงการต่างประเทศอียิปต์ ระบุว่าควรไปอยู่บริเวณอื่นในลิเบียที่มีความปลอดภัยกว่า หรือไม่ก็มุ่งหน้าไปชายแดนลิเบีย-ตูนิเซียเลยก็ได้

ก่อนหน้านี้เคยมีชาวอียิปต์อาศัยอยู่ในลิเบียประมาณ 1.5 ล้านคน ตอนที่จอมเผด็จการ “มูอัมมาร์ กัดดาฟี” ยังไม่ถูกโค่นลงจากอำนาจ แต่พอเข้าสู่ช่วงสงครามโค่นอำนาจ ชาวอียิปต์ประมาณ 2 ใน 3 ก็ตัดสินใจย้ายออกไป จากนั้นในปี 2012 ก็มีชาวอียิปต์จำนวนมากตัดสินใจกลับมาอยู่ในลิเบียใหม่

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (27 ก.ค.) เกิดเหตุยิงขบวนรถของสถานเอกอัครราชทูตอังกฤษ บริเวณพื้นที่ทางตะวันตกของกรุงตริโปลี โดยสงสัยว่าเป็นความพยายามที่จะปล้นรถ แต่ไม่มีผู้บาดเจ็บล้มตาย ทั้งนี้ จากการเปิดเผยของโฆษกสถานทูตอังกฤษในลิเบีย

“กระสุนปืนถูกยิงเข้าใส่ขบวนรถของเรา แต่คนขับสามารถขับหนีออกจากพื้นที่ได้” บ็อบ ฟิลิปสัน กล่าว

เหตุการณ์ความรุนแรงนี้ ได้ส่งผลให้อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ และสหรัฐฯ ประกาศให้ประชาชนของตน พากันออกจากลิเบียโดยเร็วที่สุด หลังจากที่ทางสหรัฐฯ ได้ถอนกำลังเจ้าหน้าที่ด้านการทูตภายใต้การคุ้มกันทางอากาศเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (26 ก.ค.)

ส่วนทางด้านเบลเยียม มอลตา สเปน และตุรกี ได้ประกาศให้ประชาชนของตนออกจากลิเบียไปแล้วก่อนหน้านี้

ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขลิเบียได้ประกาศเตือนว่า การออกจากประเทศของชาวต่างชาติ อาจทำให้เกิดการขาดแคลนผู้ทำงานด้านสาธารณสุข โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากฟิลิปปินส์ ขอให้พลเมืองของตนออกจากลิเบีย โดยที่ชาวฟิลิปปินส์เหล่านี้กว่า 3,000 คน เป็นหมอและพยาบาลในลิเบีย

รัฐบาลรักษาการของลิเบียได้ออกมาเตือนว่า การสู้รบของกลุ่มต่างๆ เพื่อจะควบคุมพื้นที่ยุทธศาสตร์อย่างสนามบินในกรุงตริโปลี อาจเป็นภัยคุกคามที่ทำให้ประเทศแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ทั้งนี้ สนามบินถูกปิดตั้งแต่วันที่ 13 กรกฎาคม จากเหตุการณ์สู้รบ

ขณะที่เมืองเบงกาซี ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสอง มีผู้เสียชีวิตอีก 38 ราย จากการปะทะกันระหว่างกองทัพกับพวกอิสลามิสต์ โดยผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นทหาร

แหล่งข่าวของกองทัพระบุว่า การต่อสู้เกิดขึ้นเมื่อวันเสาร์ (26 ก.ค.) ตอนที่บรรดากลุ่มติดอาวุธอิสลามิสต์ได้โจมตีเข้าใส่กองบัญชาการของกองทหารหน่วยรบพิเศษที่อยู่ใกล้บริเวณใจกลางเมือง ทำให้ทหารหน่วยรบพิเศษที่พยายามจะป้องกันฐานที่มั่นของตนต้องบาดเจ็บล้มตาย

โรงพยาบาลหลักของเมืองเบงกาซีระบุว่า มีศพทหาร 28 รายถูกส่งไปที่นั่น ในช่วงเวลา 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ส่วนผู้บาดเจ็บมี 50 ราย ขณะที่โรงพยาบาลอัล-มาร์จ ที่อยู่ห่างออกไปทางตะวันออกประมาณ 100 กิโลเมตร รายงานว่า มีทหารเสียชีวิต 2 ราย และได้รับบาดเจ็บอีก 10 ราย

ด้านโฆษกของกองกำลังฝ่ายกบฏ ที่เรียกตัวเองว่า “สภาชูเราะห์ของนักปฏิวัติแห่งเบงกาซี” ซึ่งเป็นกองกำลังพันธมิตรที่เกิดจากการรวมตัวของพวกอิสลามิสต์กับนักรบญิฮัดที่ออกมาประกาศรับผิดชอบต่อเหตุการณ์โจมตีหลายครั้งในพื้นที่ดังกล่าว ได้ระบุว่า มีนักรบของฝ่ายตนจำนวน 8 รายเสียชีวิต

ทั้งนี้ มีการปะทะกันเกือบทุกวันในเมืองเบงกาซี ซึ่งหลายพื้นที่ของเมืองนี้กลายเป็นฐานที่มั่นสำคัญของบรรดากลุ่มติดอาวุธอิสลามิสต์ หลังจากที่กัดดาฟีถูกโค่น
กำลังโหลดความคิดเห็น