มูลนิธิราชประชาสมาสัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ฯร่วม สปสช. จัด “ประชุมผู้บริหารการพยาบาลทั่วประเทศ” 25 ก.ค. นี้ หนุนเป็นแกนนำเดินหน้า “ตั้งชมรมจิตอาสาราชประชาสมาสัยฯ”
นพ.ประทีป ธนกิจเจริญ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ในวันศุกร์ที่ 25 กรกฎาคม 2557 นี้ จะมีการจัดประชุมหารือผู้บริหารการพยาบาลทั่วประเทศ เรื่อง “จิตอาสาราชประชาสมาสัย ทางเลือกและทางออกของประเทศไทย” จัดโดยมูลนิธิราชประชาสมาสัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ฯ และได้รับการสนับสนุนจาก สปสช. ซึ่งในการประชุมครั้งนี้ ศ.นพ.ธีระ รามสูต ประธานกรรมการมูลนิธิราชประชาสมาสัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้เชิญ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในฐานะหัวหน้าฝ่ายสังคมจิตวิทยา คสช. เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมพร้อมให้โอวาทแก่ผู้เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้
นพ.ประทีป กล่าวว่า ตามที่มูลนิธิราชประชาสมาสัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ฯ ได้ดำเนินการ “โครงการจัดตั้งชมรมจิตอาสาราชประชาสมาสัยประจำตำบล /องค์กรที่เกี่ยวข้อง” ขึ้นในปี 2553 โดยคัดเลือกอาสาสมัครที่สมัครใจทำงานตาม พระราชทฤษีราชประชาสมาสัย และพระราชอุดมการณ์ “ปิดทองหลังพระ” เพื่อหลักการ คือ “ร่วมทำความดี เพื่อพ่อแห่งแผ่นดิน และแผ่นดินเกิด โดยไม่หวังผลตอบแทน” โดยมูลนิธิราชประชาสมาสัยฯ จะเริ่มจากการเร่งขยายกำลังจัดตั้งชมรมจิตอาสาราชประชาสมาสัยประจำองค์กรในสถานพยาบาลทั่วประเทศ และประสานสนับสนุนการจัดตั้งชมรมจิตอาสาราชประชาสมาสัยประจำตำบลในองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) และเทศบาลตำบล ทุกตำบลทั่วประเทศ จึงได้ร่วมมือกับ สปสช. ดำเนินการดังกล่าว ทั้งนี้ เพื่อให้ผลสำเร็จตามหลักการที่ตั้งไว้ ได้พิจารณาร่วมกันเห็นว่าจุดเริ่มต้นของโครงการจะเริ่มจาก เครือข่าย/ชมรมผู้บริหารการพยาบาลต่างๆ รวมทั้งวิทยาลัยพยาบาลและวิทยาลัยสาธารณสุข ซึ่งมีเครือข่ายสมาชิกอย่างกว้างขวางทั่วประเทศ โดยขยายการจัดตั้งชมรมจิตอาสาราชประชาสมาสัยประจำองค์กรไปยังสถานพยาบาลและวิทยาลัยพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชนทั่วประเทศ และประสานสนับสนุนการจัดตั้งชมรมจิตอาสาราชประชาสมาสัยประจำตำบลใน อบต. และเทศบาลตำบลทั่วประเทศในระยะต่อไป เพื่อมุ่งแก้ไขปัญหาต่างๆของประเทศ ซึ่งปัจจุบันได้มีการจัดตั้งชมรมจิตอาสาราชประชาสมาสัยฯ แล้ว 31 ชมรม มีสมาชิกเข้าร่วม 2,241 คน ใน 17 จังหวัด
“การดำเนินงานภายใต้ชมรมจิตอาสาราชประชาสมาสัยฯ ไม่เพียงแต่งานด้านสุขภาพอนามัยและสิ่งแวดล้อม และงานช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสในชุมชนเท่านั้น แต่ยังเป็นแกนนำและผู้นำการเปลี่ยนแปลงในการช่วยแก้วิกฤตของประเทศ เพื่อช่วยเสริมสร้างจิตสำนึกของประชาชน เสริมสร้างคุณธรรม จริยธรรม ความสามัคคีปรองดอง ความเข้าใจ และส่งเสริมประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตรย์เป็นประมุข ร่วมทั้งสนับสนุนการปฏิรูปด้านต่างๆ เพื่อความมั่นคงและพัฒนาประเทศให้เจริญรุ่งเรืองต่อไป” นพ.ประทีป กล่าวและว่า สำหรับในการประชุมครั้งนี้มีผู้บริหารหน่วยงานด้านการพยาบาลเข้าร่วมจำนวนมาก อาทิ ผู้อำนวยการวิทยาลัยพยาบาลและสาธารณสุขทั้งภาครัฐและเอกชน ผู้บริหารการพยาบาลของหน่วยงานรัฐ เครือข่าย/ชมรมผู้บริหารการพยาบาลทั่วประเทศ ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คาดว่ามีผู้เข้าร่วมประมาณ 300 คน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนหน้านี้ทางกระทรวงสาธารณสุขมีหนังสือให้บุคลากรในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข งดร่วมกิจกรรมและข้อตกลงใดๆ กับทาง สปสช.ในการประชุมครั้งนี้ คาดว่าจะมีผู้บริหารด้านการพยาบาลเข้าร่วมหรือไม่ นพ.ประทีป กล่าวว่า งานนี้เป็นงานด้านความร่วมมือจิตอาสา ซึ่งเป็นงานความร่วมมือระหว่างมูลนิธิประชาราชสมาสัยฯ ไม่แต่เฉพาะ สปสช.เท่านั้น แต่ยังขอความร่วมมือไปยังกระทรวงสาธารณสุข โดย นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้กล่าวรายงาน เชื่อว่าคงไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
นพ.ประทีป ธนกิจเจริญ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ในวันศุกร์ที่ 25 กรกฎาคม 2557 นี้ จะมีการจัดประชุมหารือผู้บริหารการพยาบาลทั่วประเทศ เรื่อง “จิตอาสาราชประชาสมาสัย ทางเลือกและทางออกของประเทศไทย” จัดโดยมูลนิธิราชประชาสมาสัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ฯ และได้รับการสนับสนุนจาก สปสช. ซึ่งในการประชุมครั้งนี้ ศ.นพ.ธีระ รามสูต ประธานกรรมการมูลนิธิราชประชาสมาสัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้เชิญ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในฐานะหัวหน้าฝ่ายสังคมจิตวิทยา คสช. เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมพร้อมให้โอวาทแก่ผู้เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้
นพ.ประทีป กล่าวว่า ตามที่มูลนิธิราชประชาสมาสัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ฯ ได้ดำเนินการ “โครงการจัดตั้งชมรมจิตอาสาราชประชาสมาสัยประจำตำบล /องค์กรที่เกี่ยวข้อง” ขึ้นในปี 2553 โดยคัดเลือกอาสาสมัครที่สมัครใจทำงานตาม พระราชทฤษีราชประชาสมาสัย และพระราชอุดมการณ์ “ปิดทองหลังพระ” เพื่อหลักการ คือ “ร่วมทำความดี เพื่อพ่อแห่งแผ่นดิน และแผ่นดินเกิด โดยไม่หวังผลตอบแทน” โดยมูลนิธิราชประชาสมาสัยฯ จะเริ่มจากการเร่งขยายกำลังจัดตั้งชมรมจิตอาสาราชประชาสมาสัยประจำองค์กรในสถานพยาบาลทั่วประเทศ และประสานสนับสนุนการจัดตั้งชมรมจิตอาสาราชประชาสมาสัยประจำตำบลในองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) และเทศบาลตำบล ทุกตำบลทั่วประเทศ จึงได้ร่วมมือกับ สปสช. ดำเนินการดังกล่าว ทั้งนี้ เพื่อให้ผลสำเร็จตามหลักการที่ตั้งไว้ ได้พิจารณาร่วมกันเห็นว่าจุดเริ่มต้นของโครงการจะเริ่มจาก เครือข่าย/ชมรมผู้บริหารการพยาบาลต่างๆ รวมทั้งวิทยาลัยพยาบาลและวิทยาลัยสาธารณสุข ซึ่งมีเครือข่ายสมาชิกอย่างกว้างขวางทั่วประเทศ โดยขยายการจัดตั้งชมรมจิตอาสาราชประชาสมาสัยประจำองค์กรไปยังสถานพยาบาลและวิทยาลัยพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชนทั่วประเทศ และประสานสนับสนุนการจัดตั้งชมรมจิตอาสาราชประชาสมาสัยประจำตำบลใน อบต. และเทศบาลตำบลทั่วประเทศในระยะต่อไป เพื่อมุ่งแก้ไขปัญหาต่างๆของประเทศ ซึ่งปัจจุบันได้มีการจัดตั้งชมรมจิตอาสาราชประชาสมาสัยฯ แล้ว 31 ชมรม มีสมาชิกเข้าร่วม 2,241 คน ใน 17 จังหวัด
“การดำเนินงานภายใต้ชมรมจิตอาสาราชประชาสมาสัยฯ ไม่เพียงแต่งานด้านสุขภาพอนามัยและสิ่งแวดล้อม และงานช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสในชุมชนเท่านั้น แต่ยังเป็นแกนนำและผู้นำการเปลี่ยนแปลงในการช่วยแก้วิกฤตของประเทศ เพื่อช่วยเสริมสร้างจิตสำนึกของประชาชน เสริมสร้างคุณธรรม จริยธรรม ความสามัคคีปรองดอง ความเข้าใจ และส่งเสริมประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตรย์เป็นประมุข ร่วมทั้งสนับสนุนการปฏิรูปด้านต่างๆ เพื่อความมั่นคงและพัฒนาประเทศให้เจริญรุ่งเรืองต่อไป” นพ.ประทีป กล่าวและว่า สำหรับในการประชุมครั้งนี้มีผู้บริหารหน่วยงานด้านการพยาบาลเข้าร่วมจำนวนมาก อาทิ ผู้อำนวยการวิทยาลัยพยาบาลและสาธารณสุขทั้งภาครัฐและเอกชน ผู้บริหารการพยาบาลของหน่วยงานรัฐ เครือข่าย/ชมรมผู้บริหารการพยาบาลทั่วประเทศ ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คาดว่ามีผู้เข้าร่วมประมาณ 300 คน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนหน้านี้ทางกระทรวงสาธารณสุขมีหนังสือให้บุคลากรในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข งดร่วมกิจกรรมและข้อตกลงใดๆ กับทาง สปสช.ในการประชุมครั้งนี้ คาดว่าจะมีผู้บริหารด้านการพยาบาลเข้าร่วมหรือไม่ นพ.ประทีป กล่าวว่า งานนี้เป็นงานด้านความร่วมมือจิตอาสา ซึ่งเป็นงานความร่วมมือระหว่างมูลนิธิประชาราชสมาสัยฯ ไม่แต่เฉพาะ สปสช.เท่านั้น แต่ยังขอความร่วมมือไปยังกระทรวงสาธารณสุข โดย นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้กล่าวรายงาน เชื่อว่าคงไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่