มส. มีมติให้ใช้พื้นที่วัด - ธรณีสงฆ์ ของทุกวัด ขุดสระเก็บน้ำช่วยประชาชนแก้ภัยแล้ง - ป้องกันน้ำท่วม ถวายเป็นพระราชกุศล “ในหลวง - พระราชินี” ผู้ตรวจการแผ่นดิน เผยรับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้าน จวกราชการที่เกี่ยวข้องไม่ช่วยแก้ปัญหาภัยแล้ง - น้ำท่วม
วันนี้ (2 ก.ค.) นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า จากการประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) ซึ่งมีสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เป็นประธาน มีมติเห็นชอบให้วัดทุกแห่งพิจารณาพื้นที่ของวัดในการขุดสระน้ำเพื่อช่วยเหลือประชาชนในการกักเก็บน้ำไว้ในช่วงหน้าแล้ง และช่วยป้องกันน้ำท่วมในหน้าฝน ทั้งนี้แนวทางดังกล่าวสืบเนื่องมาจาก นายศรีราชา เจริญพานิช ผู้ตรวจการแผ่นดิน และนายปราโมทย์ ไม้กลัด ที่ปรึกษาผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้เข้ากราบนมัสการ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ที่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เพื่อขออนุเคราะห์ความร่วมมือจากวัดและคณะสงฆ์ เพื่อร่วมโครงการขุดสระเก็บน้ำขนาดใหญ่ในพื้นที่ประสบภัยพิบัติจากอุทกภัย และต้านภัยแล้ง เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ซึ่งตรงกับความตั้งใจของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ และสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ จึงมีบัญชาให้คณะสงฆ์ สำนักงานพระพุทธศาสนาฯรับเป็นธุระเพื่อช่วยเหลือประชาชนถวายเป็นพระราชกุศล ปี 2557 - 2559
นายศรีราชา กล่าวว่า มีชาวบ้านมาร้องเรียนยังสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินจำนวนมาก เกี่ยวกับปัญหาจากน้ำท่วม น้าป่าไหลหลาก รวมทั้งปัญหาน้ำแล้ง และแม้ส่วนราชการที่รับผิดชอบจะพยายามแก้ไขปัญหาแต่ก็ยังขาดการประสานงานอย่างจริงจัง อีกทั้งข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยา กรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำ และกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ก็มีข้อมูลตรงกันว่า ประเทศไทยมีปริมาณน้ำฝนสูงมาก แต่สามารถเก็บกักน้ำไว้ใช้ประโยชน์ได้น้อยมาก ทั้งนี้ หากมีการขุดสระเก็บน้ำตามขนาดที่เหมาะสมเมื่อถึงช่วงฤดูฝนจะสามารถช่วยเก็บน้ำไว้ในหน้าแล้งได้ รวมทั้งในฤดูน้ำหลากสระเก็บน้ำก็จะสามารถช่วยกักน้ำไว้ บรรเทาเหตุอุทกภัยได้ด้วย ซึ่งหากประชาชนสามารถดำเนินการได้เอง ไม่ต้องพึ่งงบประมาณแผ่นดินจะสามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว และทางผู้ตรวจการแผ่นดินเห็นว่ามหาเถรสมาคมและคณะสงฆ์มีบารมีธรรมที่จะสามารถเป็นแกนหลักในการเชิญชวนประชาชนมาดำเนินการได้ จึงได้ทำเรื่องขอความอนุเคราะห์มหาเถรสมาคมในการพิจารณาที่ดินซึ่งเป็นที่วัด หรือธรณีสงฆ์ ที่ติดกับเขตที่ดินเอกชนหรือชุมชน และมีศักยภาพน้ำผิวดินหรือน้ำบาดาลเพื่อขุดสระเก็บน้ำต้านภัยแล้ง และป้องกันอุทกภัยด้วย โดยขณะนี้ทางมหาเถรสมาคม และสำนักงานพระพุทธศาสนาฯได้พิจารณาโครงการดังกล่าวเป็นโครงการสำคัญของคณะสงฆ์ และสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ แล้ว
นายปราโมทย์ กล่าวว่า ไทยเกิดปัญหาภัยแล้งทุกปี จึงจำเป็นต้องหาทางว่าจะทำอย่างไรให้มีน้ำใช้ในหมู่บ้านในช่วงหน้าแล้ง ซึ่งการแก้ปัญหาก็คือต้องหาทางกักเก็บน้ำในช่วงหน้าฝนไว้ใช้ โดยทางที่ดีที่สุดคือการขุดสระเก็บน้ำ จึงขอความร่วมไปยังคณะสงฆ์ เพราะคณะสงฆ์กับชุมชนมีความผูกพันกัน ทั้งนี้ ได้มีการจัดทำคู่มือขุดสระเก็บน้ำแจกให้กับเจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ในทุกพื้นที่แล้ว ซึ่งในคู่มือดังกล่าวจะระบุวิธีการขุดสระ สถานที่ที่ควรขุด ไว้อย่างละเอียด ซึ่งการขุดสระจะมีทั้งการขุดสระแบบป้องกันน้ำท่วม การขุดสระแบบกักเก็บน้ำ พร้อมทั้งระบุด้วยว่าหากจะขุดสระเก็บน้ำ จะต้องขุดขนาดใหญ่เท่าใดจึงจะเพียงพอต่อประชาชน เช่น หากขุดสระน้ำในพื้นที่ 20 ไร่ ลึก 3.50 - 4 เมตร จะเก็บน้ำได้ถึงกว่า 100,000 ลูกบาศก์เมตร
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่