สำนักผู้ตรวจฯ ทำบุญครบ 14 ปี นมัสการพระพรหมบัณฑิต บรรยายเพื่อเป็นสิริมงคล ปธ.ผู้ตรวจฯ เผยที่ผ่านมาผลงานน่าพอใจ แต่ต้องปรับให้สนอง ปชช.มากขึ้น ย้ำให้ความเป็นธรรม แม้ไม่ถูกใจบางฝ่าย ยึดส่วนรวมเป็นหลัก ชี้ปกติถูกป้ายสีเป็นเครื่องมือการเมือง ยันยึดเหตุผล ข้อ กม. รับร่วม 7 องค์ตาม รธน.แนะชงคนกลาง คือช่วยแก้ปัญหา ไม่ตอบรับคงถอย แต่ถ้าสองฝ่ายพร้อมพร้อมหนุน ยันเจรจาดีที่สุด
วันนี้ (11 เม.ย.) สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินได้จัดงานทำบุญเนื่องในวันคล้ายวันสถาปนาครบรอบ 14 ปี การก่อตั้งสำนักงาน โดยนางผาณิต นิติทัณฑ์ประภาศ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน พร้อมด้วยนายศรีราชา เจริญพานิช นายพรเพชร วิชิตชลชัย ผู้ตรวจการแผ่นดิน และเจ้าหน้าที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน สักการะพระพรหม สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำศูนย์ราชการ มีตัวแทนองค์กรต่างๆ นำแจกันดอกไม้มาแสดงความยินดี เช่น สำนักงานอัยการ ศาลรัฐธรรมนูญ กกต. กรรมการสิทธิมนุษยชน กระทรวง หน่วยงานและบริษัทต่างๆ
นอกจากนี้ ทางสำนักงานฯ ยังได้นมัสการพระพรหมบัณฑิต อธิการบดีมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย มาบรรยายในหัวข้อ “พัฒนาชีวิตด้วยแนวคิดเชิงคุณธรรม” เพื่อเป็นสิริมงคล และสร้างกำลังใจให้แก่ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ของสำนักงาน สำหรับสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 12 เมษายน 2543 จนถึงวันนี้ ได้มีการพิจารณาเรื่องร้องเรียนไปแล้ว 30,281 เรื่อง จาก 32,188 เรื่อง และอยู่ระหว่างดำเนินการ 1,907 เรื่อง
ด้านนายผาณิตกล่าวถึงการทำงานของผู้ตรวจการแผ่นดินที่ผ่านมา ถือว่าเป็นที่น่าพอใจ แต่ก็อยากที่จะปรับปรุงให้ตอบสนองความต้องการของประชาชนให้มากขึ้น โดยเฉพาะบางคดีที่เป็นเรื่องของบุคคลเพียงคนเดียวแต่มีผลวงกว้างถึงคนส่วนใหญ่ และการทำงานของผู้ตรวจการแผ่นดินจะให้ความสำคัญต่อความเป็นธรรม แม้จะไม่ถูกใจของบางฝ่าย แต่เราคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก และยืนยันว่าเราไม่โจมตีคนใดคนหนึ่ง เราเป็นกลางและยึดถือความถูกต้อง ส่วนที่บางฝ่ายมองว่าองค์กรอิสระเป็นเครื่องมือทางการเมืองนั้น นายผาณิตกล่าวว่า เป็นเรื่องปกติที่จะถูกโจมตีจากฝ่ายต่างเมื่อผลการพิจารณาออกมาไม่เป็นที่พอใจของฝ่ายนั้น
เมื่อถามว่าองค์กรอิสระกำลังถูกมองว่าเป็นเครื่องมือในการร่วมกันทำลายฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง นางผาณิตกล่าวว่า ใครก็พูดได้ แต่สิ่งเราทำคือการยึดถือเหตุผล ข้อกฎหมาย ข้อเท็จจริง ส่วนที่เรื่องเกี่ยงข้องกับการเมืองร้องเข้ามายังผู้ตรวจฯ จำนวนมากนั้นก็เป็นเพราะช่วงจังหวะและเวลาซึ่งเราก็ยังทำเรื่องอื่นๆ ที่แก้ปัญหากับสังคมโดยรวม เช่นเสนอรัฐบาลแก้ไขกฎหมายต่างๆ ที่มีปัญหา
สำหรับกรณีที่ 7 องค์กรอิสระเสนอเป็นผู้ประสานงานระหว่างฝ่ายขัดแย้งเพื่อหาทางออกประเทศ นายผาณิตกล่าวว่า การที่เราเปิดให้มีการเสนอคนกลาง ถือเป็นการพยายามแก้ปัญหาของบ้านเมือง ซึ่งต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย แต่เมื่อไม่ได้รับการตอบรับเรา เราคงต้องยุติในระดับหนึ่ง ซึ่งแต่ละองค์กรก็ยังพยายามขับเคลื่อน เพราะเชื่อว่าเมื่อหากทั้งสองฝ่ายพร้อม ผู้ตรวจการแผ่นดินก็พร้อมให้การสนับสนุน และเราไม่ใช่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด เราเป็นความกลางที่จะคอยสนับสนุน อย่างไรก็ตาม แนวทางการเจรจายังเป็นแนวทางแก้ปัญหาที่ดีที่สุด แต่คงไม่สามารถทำเพียงครั้งเดียวจะแก้ปัญหาทั้งหมดได้ ต้องเลือกสิ่งที่สำคัญมาคุยกัน
