ผ่าประเด็นร้อน
วันนี้ วันศุกร์ที่ 21 มีนาคม เป็นวันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีกำหนดวินิจฉัยชี้ขาดว่าการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ เป็นโมฆะหรือไม่ ตามที่มีอาจารย์ด้านกฎหมายร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินซึ่งพิจารณาเห็นชอบส่งต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาชี้ขาด
วันนี้ก็จะรู้กันแล้วว่าหมู่หรือจ่า!!
เมื่อวันก่อนศาลฯ เรียกคู่กรณีไปชี้แจง นั่นคือ ฝ่ายคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ส่ง ประธาน กกต. ศุภชัย สมเจริญ ไป, ผู้ตรวจการแผ่นดิน พรเพชร วิชิตชลชัย ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลส่งรองนายกฯ พงศ์เทพ เทพกาญจนา ที่มั่นใจว่าเชี่ยวชาญด้านกฎหมายไปชี้แจงแทน ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และก็ตามคาดหมายฝ่ายรัฐบาลก็ยืนยันกระตายขาเดียวเถียงแบบคอเป็นเอ็นว่าผู้ตรวจการฯ ไม่มีอำนาจในการส่งเรื่องให้ศาลฯ พิจารณา รวมทั้งอ้างว่าศาลรัฐธรรมนูญก็ไม่มีอำนาจในการพิจารณาชี้ขาดเรื่องนี้ นี่คือหลักการที่ฝ่ายรัฐบาลของระบอบทักษิณใช้เป็นแนวทางต่อสู้มาทุกครั้ง หรือไม่เช่นนั้นก็มักจะอ้างว่างค์กรอิสระหรือศาลไม่ยุติธรรม
ความหมายก็คือไม่เคยส่งกระจกชะโงกดูเงาของตัวเอง ไม่เคยยอมรับว่าตัวเองทำผิดเลย
มิหนำซ้ำยังใช้วิธีข่มขู่อยู่ตลอดเวลาอีกว่า ถ้าตัดสินไม่ถูกใจ หรือให้ฝ่ายรัฐบาลผิด ให้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีความผิดก็จะเกิดความรุนแรง ถึงขั้นนองเลือดบ้างอะไรบ้าง โดยก่อนหน้านี้เคยเหิมเกริมถึงขนาดประกาศแยกประเทศอะไรบ้างก็เคยทำมาแล้ว
สำหรับการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรี ก็ยืนยันหัวเด็ดตีนขาดว่าอย่างไรก็เลื่อนการเลือกตั้งไม่ได้ ต้องเลือกตั้งไปตามกำหนด อ้างว่าไม่อาจออกพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้งใหม่ หรือที่เรียกว่า “เลื่อนวันเลือกตั้ง” ใหม่นั่นแหละ แม้ว่าที่ผ่านมาศาลรัฐธรรมนูญจะเคยวินิจฉัยชี้ช่องเอาไว้แล้วว่า “เลื่อนได้” และให้คณะกรรมการการเลือกตั้งไปปรึกษาหารือกับรัฐบาลเพื่อกำหนดวันเลือกตั้งใหม่ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ และต่อมาก็มีการประชุมปรึกษาหารือกัน
แต่ “แม่เจ้าประคุณ” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ถูกกำกับจากพี่ชาย คือ ทักษิณ ชินวัตร ที่ลงทุนบินมากำกับข้างเวทียืนยันให้เดินหน้าต่อไป แถมยังขู่ กกต.ว่าต้องทำตาม จากนั้นก็ส่งคนไปแจ้งความดำเนินคดีต่อ กกต.ฐานละเว้นและปฏิบัติหน้าที่มิชอบ
ที่น่าสนใจก็คือ ในวันพิจารณาวันที่ 19 มีนาคมที่ผ่านมา ทางตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้ถามย้ำรัฐบาล และคณะกรรมการการเลือกตั้ง ถึงเหตุผลว่าทำไมถึงไม่เลื่อนวันเลือกตั้ง ทั้งที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชี้ช่องแล้ว่าทำได้ ซึ่งทางคณะกรรมการการเลือกตั้งที่มีชั้นเชิงรัดกุมทางกฎหมายป้องกันตัวเองเอาไว้แล้วอ้างว่าที่ผ่านมาพวกเขาได้ทำอย่างเต็มที่แล้ว แต่ตัวเองไม่มีอำนาจในการออกกฤษฎีกาเลือกตั้ง แต่เป็นอำนาจของรัฐบาล แต่เมื่อเสนอไปแล้วรัฐบาลกลับไม่เลื่อน ยืนยันให้เดินหน้าต่อไป แถมยังส่งคนไปแจ้งความดำเนินคดีต่อ กกต.ดังกล่าวอีกด้วย
ความหมายก็คือ กกต.พยายามทำตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเต็มที่แล้ว แต่ตนเองไม่มีอำนาจในการออกพระราชกฤษฎีกา เป็นอำนาจของรัฐบาลและนายกรัฐมนตรี แต่เมื่อไม่ยอมทำ กกต.ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็จำเป็นต้องจัดการเลือกตั้งไปตามกำหนดเดิม ทำอย่างอื่นไม่ได้
ดังนั้น เมื่อพิจารณาจากท่าทีและสัญญาณที่ออกมาทั้งหมด ย่อมพอเห็นเหตุการณ์ข้างหน้าได้ค่อนข้างชัดเจนว่า การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ส่อไปในทางโมฆะค่อนข้างสูง เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญได้ทวงถามกลางวงว่า ที่ศาลฯ ชี้ช่องให้เลื่อนเลือกตั้งได้แล้วทำไมไม่ทำ ขณะที่คณะกรรมการการเลือกตั้งได้ออกตัวป้องกันตัวเองไปแล้ว มีแต่ทางฝ่ายรัฐบาลเท่านั้นที่ทำท่าซวย เพราะดึงดันไม่สนใจ ส่วนข้อโต้แย้งที่ว่าผู้ตรวจการฯและศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจในการพิจารณาวินิจฉัยนั้นมาถึงขั้นนี้มันไม่มีความหมายเพราะศาลกำลังจะวินิจฉัยแล้ว และแนวโน้มน่าเป็นผลลบต่อรัฐบาล
และถึงตอนนั้น ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ยืนยันว่าต้องเลือกตั้งตามกำหนดเลื่อนไม่ได้จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้เป็นอันขาด
คราวนี้คงได้ตายคาประชาธิปไตยแน่!!