แพทย์เผย อาการชา อ่อนแรง ปลายมือปลายเท้า ระวังโรคปลายประสาทอักเสบ ระบุพบมากในผู้สูงอายุ ส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อ เตือนเป็นแล้วระวังอย่าให้เกิดแผล ทำให้ลุกลาม รักษายาก
นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ระบบประสาทส่วนปลายเป็นส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวและการรับความรู้สึก หากป่วยเป็นโรคปลายประสาทอักเสบจะมีอาการชา อ่อนแรง ส่วนใหญ่จะเป็นที่บริเวณแขนและขา ปลายมือ ปลายเท้า เพราะมีเส้นประสาทจำนวนมาก ทั้งนี้ ปลายประสาทอักเสบมักพบมากในผู้สูงอายุ แต่คนอายุน้อยก็พบได้เช่นกัน สาเหตุมาจากการติดเชื้อเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งหากดูในกล้องจุลทรรศน์จะมีเซลล์เม็ดเลือดขาวจำนวนมาก แสดงว่ามีปฏิกิริยาต่อการอักเสบ
นพ.สุพรรณ กล่าวอีกว่า ผู้ป่วยโรคปลายประสาทอักเสบ แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ 1. เกิดจากการอักเสบจริงๆ ที่ระบบประสาทส่วนปลาย อาจมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อที่ระบบทางเดินหายใจ หรือพบในกลุ่มที่ภูมิคุ้มกันผิดปกติ ทำให้มีอาการอ่อนแรง ชา แต่สามารถไปไหนมาไหนได้ ทำงานได้ แต่หากเป็นรุนแรงบริเวณกล้ามเนื้อสำคัญๆ เช่น กล้ามเนื้อเกี่ยวกับการหายใจ อาจต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ ซึ่งเป็นการอักเสบจากปฏิกิริยาภูมิแพ้ตัวเองของร่างกาย ต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง จึงจะสามารถฟื้นได้ โดยการให้ยาบางชนิดเป็นยากลุ่มที่เป็นเซรั่มแก้อาการแพ้เข้าไปช่วย ซึ่งค่อนข้างมีราคาแพง หรือหากติดเชื้อรุนแรงบริเวณกล้ามเนื้อสำคัญบริเวณแขน ขา อาจมีอาการอ่อนแรง บางรายอาจต้องทำกายภาพบำบัด
นพ.สุพรรณ กล่าวด้วยว่า 2. กลุ่มที่ขาดวิตามิน หรือสารบางชนิด ซึ่งปัจจุบันพบได้น้อย เพราะมีการบริโภคอาหารที่ดีขึ้น และ 3. เกิดจากพิษต่างๆ เช่น ตะกั่ว โลหะหนัก ซึ่งพิษเหล่านี้จะทำให้ระบบประสาทส่วนปลายเสียไป มักจะเป็นที่ปลายมือปลายเท้า นอกจากนี้ ยังมีอีกกลุ่มหนึ่งที่คล้ายจะเป็นที่ระบบประสาทส่วนปลาย แต่เป็นความผิดปกติที่ระบบประสาทส่วนกลาง คือ ความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับไขสันหลัง เช่น มีเนื้องอกกดทับเส้นประสาท หมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาทบริเวณบั้นเอว ซึ่งพบได้บ่อย จะทำให้ผู้ป่วยมีอาการชา อ่อนแรง และมีอาการปวด เสียการทรงตัวเนื่องจากขาอ่อนแรง รวมทั้งกรณีที่เป็นโรคเบาหวาน สามารถทำให้เกิดปลายประสาทอักเสบได้เช่นกัน
“ผู้ป่วยโรคปลายประสาทอักเสบ ควรระมัดระวังไม่ให้เกิดบาดแผลที่ปลายมือปลายเท้า ถ้าพบว่ามีบาดแผล หรือฟกช้ำที่ปลายมือปลายเท้า ควรรีบพบแพทย์ทันที เพราะถ้าปล่อยไว้ แผลอาจทำให้ลุกลามและรักษายาก” อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าว
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ระบบประสาทส่วนปลายเป็นส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวและการรับความรู้สึก หากป่วยเป็นโรคปลายประสาทอักเสบจะมีอาการชา อ่อนแรง ส่วนใหญ่จะเป็นที่บริเวณแขนและขา ปลายมือ ปลายเท้า เพราะมีเส้นประสาทจำนวนมาก ทั้งนี้ ปลายประสาทอักเสบมักพบมากในผู้สูงอายุ แต่คนอายุน้อยก็พบได้เช่นกัน สาเหตุมาจากการติดเชื้อเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งหากดูในกล้องจุลทรรศน์จะมีเซลล์เม็ดเลือดขาวจำนวนมาก แสดงว่ามีปฏิกิริยาต่อการอักเสบ
นพ.สุพรรณ กล่าวอีกว่า ผู้ป่วยโรคปลายประสาทอักเสบ แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ 1. เกิดจากการอักเสบจริงๆ ที่ระบบประสาทส่วนปลาย อาจมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อที่ระบบทางเดินหายใจ หรือพบในกลุ่มที่ภูมิคุ้มกันผิดปกติ ทำให้มีอาการอ่อนแรง ชา แต่สามารถไปไหนมาไหนได้ ทำงานได้ แต่หากเป็นรุนแรงบริเวณกล้ามเนื้อสำคัญๆ เช่น กล้ามเนื้อเกี่ยวกับการหายใจ อาจต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ ซึ่งเป็นการอักเสบจากปฏิกิริยาภูมิแพ้ตัวเองของร่างกาย ต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง จึงจะสามารถฟื้นได้ โดยการให้ยาบางชนิดเป็นยากลุ่มที่เป็นเซรั่มแก้อาการแพ้เข้าไปช่วย ซึ่งค่อนข้างมีราคาแพง หรือหากติดเชื้อรุนแรงบริเวณกล้ามเนื้อสำคัญบริเวณแขน ขา อาจมีอาการอ่อนแรง บางรายอาจต้องทำกายภาพบำบัด
นพ.สุพรรณ กล่าวด้วยว่า 2. กลุ่มที่ขาดวิตามิน หรือสารบางชนิด ซึ่งปัจจุบันพบได้น้อย เพราะมีการบริโภคอาหารที่ดีขึ้น และ 3. เกิดจากพิษต่างๆ เช่น ตะกั่ว โลหะหนัก ซึ่งพิษเหล่านี้จะทำให้ระบบประสาทส่วนปลายเสียไป มักจะเป็นที่ปลายมือปลายเท้า นอกจากนี้ ยังมีอีกกลุ่มหนึ่งที่คล้ายจะเป็นที่ระบบประสาทส่วนปลาย แต่เป็นความผิดปกติที่ระบบประสาทส่วนกลาง คือ ความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับไขสันหลัง เช่น มีเนื้องอกกดทับเส้นประสาท หมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาทบริเวณบั้นเอว ซึ่งพบได้บ่อย จะทำให้ผู้ป่วยมีอาการชา อ่อนแรง และมีอาการปวด เสียการทรงตัวเนื่องจากขาอ่อนแรง รวมทั้งกรณีที่เป็นโรคเบาหวาน สามารถทำให้เกิดปลายประสาทอักเสบได้เช่นกัน
“ผู้ป่วยโรคปลายประสาทอักเสบ ควรระมัดระวังไม่ให้เกิดบาดแผลที่ปลายมือปลายเท้า ถ้าพบว่ามีบาดแผล หรือฟกช้ำที่ปลายมือปลายเท้า ควรรีบพบแพทย์ทันที เพราะถ้าปล่อยไว้ แผลอาจทำให้ลุกลามและรักษายาก” อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าว
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่