ลุ้นปลดบัญชีจับตาค้ามนุษย์ ยันทำงานเต็มที่แล้ว ชี้หากหลุดไปอยู่ระดับ 3 กระทบเศรษฐกิจ - ภาพลักษณ์สินค้าไทย - การค้าระหว่างประเทศ ก.ต่างประเทศ เตรียมแถลงชี้แจง 21 มิ.ย. นี้
วันนี้ (20 มิ.ย.) ที่กระทรวงแรงงาน นายทรงศัก สายเชื้อ กรมอเมริกาและแปซิฟิกใต้ กระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกาจะประกาศผลการจัดอันดับประเทศที่ต้องเฝ้าระวังด้านการค้ามนุษย์ (เทียร์ ทู วอตช์ ลิสต์) ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 2.5 มาเป็นเวลา 4 ปี ติดต่อกันว่า วันนี้เวลา 20.00 น. ของประเทศไทย กระทรวงต่างประเทศสหรัฐอเมริกาจะประกาศผลดังกล่าว ส่วนไทยจะต้องถูกจัดอันดับดีขึ้นไปเป็นระดับ 2 หรือถูกลดไปอยู่ระดับ 3 ขณะนี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่าผลที่ออกมาจะเป็นอย่างไร ซึ่งที่ผ่านมาไทยได้ดำเนินการป้องกันและแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ ใช้แรงงานเด็ก และแรงงานบังคับอย่างเต็มที่แล้ว โดยได้ดำเนินการคดีกับนายหน้า นายจ้าง และผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างเข้มงวด โดยได้ดำเนินคดีกับนายหน้าเถื่อน 155 คดี ลงโทษบริษัทจัดหางานโดยเพิกถอนใบอนุญาต 2 บริษัท พักใช้ใบอนุญาต 4 บริษัท ดำเนินคดีอาญา 9 บริษัท และหลังจากที่อเมริกาประกาศผลแล้วในวันที่ 21 มิ.ย.นี้ เวลา 10.00 น. กระทรวงการต่างประเทศจะแถลงข่าวชี้แจงในเรื่องนี้ที่กระทรวงต่างประเทศ
นายทรงศัก กล่าวอีกว่า หากไทยถูกจัดอันดับลงไปอยู่ระดับ 3 ตามมาตรการอเมริกาจะระงับความช่วยเหลือแต่ไม่ใช่ด้านการค้าและมนุษยธรรม และอาจจะตัดความช่วยเหลือผ่านสถาบันระหว่างประเทศ เช่น ไอเอ็มเอฟ ธนาคารโลก ซึ่งที่ผ่านมาประเทศต่างๆ ส่วนใหญ่ไม่ถูกตัดความช่วยเหลือมีเพียง 1 - 2 ประเทศเท่านั้น และมีผลในเชิงจิตวิทยาที่ถูกประเทศคู่แข่งทางการค้านำไปขยายผลว่าอุตสาหกรรมการค้าของไทยมีการค้ามนุษย์ ใช้แรงงานเด็ก และแรงงานบังคับ
นายทรงศัก กล่าวด้วยว่า หลังจากประกาศแล้ว ไทยจะทำหนังสือชี้แจงไปยังประเทศ และผู้ซื้อสินค้ารายใหญ่ในกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ และไม่ว่าจะได้รับการจัดอันดับดีขึ้นเป็นระดับ 2 หรือถูกลดลงเป็นอันดับ 3 หน่วยงานรัฐและเอกชนทุกฝ่ายก็ต้องทำอย่างเข้มข้นกันต่อไป โดยผลักดันมาตรการ 5 ข้อ คือ การบังคับใช้กฎหมาย การดำเนินคดี การคุ้มครอง การป้องกันและการบริหารและนโยบาย รวมทั้งการตรวจแรงงานซึ่งจะมีการดึงเอกชนและภาคสังคมเข้ามาร่วมด้วย
ด้านนายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ นายกสมาคมแช่เยือกแข็ง กล่าวว่า หากสหรัฐฯประกาศผลจัดให้ไทยอยู่อันดับ 3 ก็จะมีผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจ โดยจะมีผลต่อภาพลักษณ์ของสินค้าไทย และที่จะไม่ขายสินค้าให้กับหน่วยงานรัฐของอเมริกาได้ แต่ในส่วนของภาคเอกชนเราจะสามารถขายสินค้าให้กับเอกชนได้ ซึ่งจะต้องมีการชี้แจงต่อลูกค้ารายใหญ่ของประเทศ รวมทั้งจะได้มีการทำงานร่วมผู้ส่งออกและผู้ซื้อ โดยทุกฝ่ายต้องทำงานให้เข้มข้นมากขึ้น ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร และเชื่อว่าการที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตั้งคณะกรรมการนโยบายจัดการปัญหาต่างด้าวเพื่อแก้ปัญหาแรงงานต่างด้าวและค้ามนุษย์จะช่วยการทำงานทั้งสองเรื่องมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ม.ล.ปุณฑริก สมิติ รองปลัดกระทรวงแรงงาน (รง.) กล่าวว่า ที่ผ่านมาหน่วยงานต่างๆ และเอกชน ร่วมกันทำงานในการแก้ปัญหาค้ามนุษย์ แรงงานเด็ก และแรงงานบังคับให้เป็นตามเป้าหมายอย่างเต็มที่ จึงเชื่อว่าไทยจะถูกจัดอันดับให้ดีขึ้น แต่ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร เรื่องนี้ก็จะต้องเดินหน้าในการทำงานกันต่อไป โดยในส่วนของกระทรวงแรงงาน เน้นการนำแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานโดยผ่านบันทึกความร่วมมือ (เอ็มโอยู) ระหว่างประเทศและมีการตรวจแรงงานที่เข้มข้น
รองปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวอีกว่า ในส่วนของแรงงานประมง จะมีการตั้งศูนย์ประสานงานประมง 7 แห่ง ใน 22 จังหวัด และให้มีศูนย์ฯครบทุกจังหวัด โดยแรงงานภาคประมงต้องมีการทำสัญญาจ้างและขึ้นทะเบียนลูกจ้าง และเรือประมง รวมทั้งมีการทำบันทึกความร่วมมือ (เอ็มโอยู) กับอุตสาหกรรมต่างๆ ใน 4 กลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่ น้ำตาล กุ้ง ปลาแ ละเครื่องนุ่งห่ม เพื่อใช้แนวปฏิบัติที่ดีในการทำงาน (จีแอลพี) อีกทั้งให้ผู้ประกอบการมีกลไกในการตรวจสอบด้านการใช้แรงงานและมีคณะทำงานชี้แจงข้อมูลและประชาสัมพันธ์ไปยังสื่อต่างๆ ในระดับนานาชาติ
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
วันนี้ (20 มิ.ย.) ที่กระทรวงแรงงาน นายทรงศัก สายเชื้อ กรมอเมริกาและแปซิฟิกใต้ กระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกาจะประกาศผลการจัดอันดับประเทศที่ต้องเฝ้าระวังด้านการค้ามนุษย์ (เทียร์ ทู วอตช์ ลิสต์) ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 2.5 มาเป็นเวลา 4 ปี ติดต่อกันว่า วันนี้เวลา 20.00 น. ของประเทศไทย กระทรวงต่างประเทศสหรัฐอเมริกาจะประกาศผลดังกล่าว ส่วนไทยจะต้องถูกจัดอันดับดีขึ้นไปเป็นระดับ 2 หรือถูกลดไปอยู่ระดับ 3 ขณะนี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่าผลที่ออกมาจะเป็นอย่างไร ซึ่งที่ผ่านมาไทยได้ดำเนินการป้องกันและแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ ใช้แรงงานเด็ก และแรงงานบังคับอย่างเต็มที่แล้ว โดยได้ดำเนินการคดีกับนายหน้า นายจ้าง และผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างเข้มงวด โดยได้ดำเนินคดีกับนายหน้าเถื่อน 155 คดี ลงโทษบริษัทจัดหางานโดยเพิกถอนใบอนุญาต 2 บริษัท พักใช้ใบอนุญาต 4 บริษัท ดำเนินคดีอาญา 9 บริษัท และหลังจากที่อเมริกาประกาศผลแล้วในวันที่ 21 มิ.ย.นี้ เวลา 10.00 น. กระทรวงการต่างประเทศจะแถลงข่าวชี้แจงในเรื่องนี้ที่กระทรวงต่างประเทศ
นายทรงศัก กล่าวอีกว่า หากไทยถูกจัดอันดับลงไปอยู่ระดับ 3 ตามมาตรการอเมริกาจะระงับความช่วยเหลือแต่ไม่ใช่ด้านการค้าและมนุษยธรรม และอาจจะตัดความช่วยเหลือผ่านสถาบันระหว่างประเทศ เช่น ไอเอ็มเอฟ ธนาคารโลก ซึ่งที่ผ่านมาประเทศต่างๆ ส่วนใหญ่ไม่ถูกตัดความช่วยเหลือมีเพียง 1 - 2 ประเทศเท่านั้น และมีผลในเชิงจิตวิทยาที่ถูกประเทศคู่แข่งทางการค้านำไปขยายผลว่าอุตสาหกรรมการค้าของไทยมีการค้ามนุษย์ ใช้แรงงานเด็ก และแรงงานบังคับ
นายทรงศัก กล่าวด้วยว่า หลังจากประกาศแล้ว ไทยจะทำหนังสือชี้แจงไปยังประเทศ และผู้ซื้อสินค้ารายใหญ่ในกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ และไม่ว่าจะได้รับการจัดอันดับดีขึ้นเป็นระดับ 2 หรือถูกลดลงเป็นอันดับ 3 หน่วยงานรัฐและเอกชนทุกฝ่ายก็ต้องทำอย่างเข้มข้นกันต่อไป โดยผลักดันมาตรการ 5 ข้อ คือ การบังคับใช้กฎหมาย การดำเนินคดี การคุ้มครอง การป้องกันและการบริหารและนโยบาย รวมทั้งการตรวจแรงงานซึ่งจะมีการดึงเอกชนและภาคสังคมเข้ามาร่วมด้วย
ด้านนายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ นายกสมาคมแช่เยือกแข็ง กล่าวว่า หากสหรัฐฯประกาศผลจัดให้ไทยอยู่อันดับ 3 ก็จะมีผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจ โดยจะมีผลต่อภาพลักษณ์ของสินค้าไทย และที่จะไม่ขายสินค้าให้กับหน่วยงานรัฐของอเมริกาได้ แต่ในส่วนของภาคเอกชนเราจะสามารถขายสินค้าให้กับเอกชนได้ ซึ่งจะต้องมีการชี้แจงต่อลูกค้ารายใหญ่ของประเทศ รวมทั้งจะได้มีการทำงานร่วมผู้ส่งออกและผู้ซื้อ โดยทุกฝ่ายต้องทำงานให้เข้มข้นมากขึ้น ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร และเชื่อว่าการที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตั้งคณะกรรมการนโยบายจัดการปัญหาต่างด้าวเพื่อแก้ปัญหาแรงงานต่างด้าวและค้ามนุษย์จะช่วยการทำงานทั้งสองเรื่องมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ม.ล.ปุณฑริก สมิติ รองปลัดกระทรวงแรงงาน (รง.) กล่าวว่า ที่ผ่านมาหน่วยงานต่างๆ และเอกชน ร่วมกันทำงานในการแก้ปัญหาค้ามนุษย์ แรงงานเด็ก และแรงงานบังคับให้เป็นตามเป้าหมายอย่างเต็มที่ จึงเชื่อว่าไทยจะถูกจัดอันดับให้ดีขึ้น แต่ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร เรื่องนี้ก็จะต้องเดินหน้าในการทำงานกันต่อไป โดยในส่วนของกระทรวงแรงงาน เน้นการนำแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานโดยผ่านบันทึกความร่วมมือ (เอ็มโอยู) ระหว่างประเทศและมีการตรวจแรงงานที่เข้มข้น
รองปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวอีกว่า ในส่วนของแรงงานประมง จะมีการตั้งศูนย์ประสานงานประมง 7 แห่ง ใน 22 จังหวัด และให้มีศูนย์ฯครบทุกจังหวัด โดยแรงงานภาคประมงต้องมีการทำสัญญาจ้างและขึ้นทะเบียนลูกจ้าง และเรือประมง รวมทั้งมีการทำบันทึกความร่วมมือ (เอ็มโอยู) กับอุตสาหกรรมต่างๆ ใน 4 กลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่ น้ำตาล กุ้ง ปลาแ ละเครื่องนุ่งห่ม เพื่อใช้แนวปฏิบัติที่ดีในการทำงาน (จีแอลพี) อีกทั้งให้ผู้ประกอบการมีกลไกในการตรวจสอบด้านการใช้แรงงานและมีคณะทำงานชี้แจงข้อมูลและประชาสัมพันธ์ไปยังสื่อต่างๆ ในระดับนานาชาติ
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
