เอเจนซีส์ - หลังจากข่าวเชิงวิเคราะห์ที่เสนอโดย การ์เดียน สื่ออังกฤษ เปิดเผยถึงแรงงานต่างด้าวในไทยที่ต้องทำงานหนักเยี่ยงทาสบนเรือประมงในธุรกิจค้ากุ้ง อาจส่งผลให้ไทยถูกสหรัฐฯขึ้นบัญชีดำ หากรัฐบาลไทยยังเพิกเฉยไม่จัดการปัญหาค้ามนุษย์
สื่ออังกฤษ หนังสือพิมพ์การ์เดียน รายงานในวันพุธ (11) ว่า สหรัฐฯกำลังพิจารณาลดระดับไทยในบัญชีแบล็กลิสต์การค้ามนุษย์หลังจากการเปิดเผยของหนังสือพิมพ์ดิ การ์เดียน ก่อนหน้านี้ที่พบว่า แรงงานต่างด้าวถูกปฏิบัติเยี่ยงทาสในอุตสาหกรรมค้ากุ้งส่งออกไปยังตลาดชาติตะวันตก
ทั้งนี้ วอชิงตันจะเสนอคดีการค้ามนุษย์ในไทยในรายงานประจำปีที่จะถูกตีพิมพ์ในเร็ววันนี้ ซึ่งอาจส่งผลให้สหรัฐฯออกมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจกับไทยได้ ทั้งนี้ กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯได้ยืนยันว่าจะพิจารณาท่าทีของรัฐบาลไทยในการจัดการปัญหาละเมิดสิทธิมนุษยชนในอุตสาหกรรมการประมงของประเทศ เช่น แรงงานต่างด้าวจากประเทศเพื่อนบ้านถูกลักลอบนำเข้ามาโดยเจ้าของเรือประมง และบังคับให้ทำงานอย่างหนักเยี่ยงทาสในทะเลเป็นเวลาหลายปีโดยไม่ได้รับค่าตอบแทน
นอกจากนี้ การ์เดียนยังรายงานว่า การพิจารณาที่มีกำหนดภายในสิ้นเดือนมิถุนายนนี้อาจส่งผลให้ไทยต้องถูกลดลำดับขั้นไปสู่กลุ่มที่ 3 “ความเสี่ยงในการค้ามนุษย์” ของบัญชีดำสหรัฐฯที่มีทั้งอิหร่านและเกาหลีเหนืออยู่ในนั้น และจะส่งผลให้ไทยโดนคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจโดยทันที และยังถูกระงับความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ แต่ถึงแม้ว่ามาตรการลงโทษเช่นนี้อาจได้รับข้อยกเว้น หากมีเกิดสถานการณ์ความมั่นคงของประเทศอย่างใดอย่างหนึ่ง
“สหรัฐฯทราบถึงรายงานเปิดเผยปัญหาแรงงานทาสในไทยจากหนังสือพิมพ์ดิ การ์เดียน” หลุยส์ ซีเดบาคา (Luis CdeBaca) เอกอัครราชทูตสหรัฐฯด้านการเฝ้าระวังและต่อสู้ภัยค้ามนุษย์ของโลกประจำวอชิงตัน ที่ได้รับการแต่งตั้งจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา ในปี 2009 กล่าวผ่านแถลงการณ์ต่อสื่อ และเสริมว่า “ในขณะนี้ทางเรากำลังอยู่ในขั้นสุดท้ายของการจัดทำรายงานค้ามนุษย์ประจำปี 2014 ที่จะออกเผยแพร่ในปลายเดือนนี้ และจะรวมไปถึงคดีค้ามนุษย์ในไทย และความพยายามของรัฐบาลไทยในการแก้ปัญหานี้”
ทั้งนี้ รายงานการค้ามนุษย์ประจำปี (TiP) ถือเป็นมาตรฐานในการวัดความพยายามในการปราบปรามภัยการค้ามนุษย์ในระดับนานาชาติ โดยรายงานนี้จะจัดลำดับประเทศต่างๆ ออกเป็นกลุ่มๆ ใน 3 ระดับที่วัดจากความตั้งใจ และความพยายามของรัฐบาลประเทศนั้นในการแก้ปัญหาแรงงานทาสและการค้ามนุษย์
ในปี 2013 ซึ่งถือเป็นปีที่ 3 ติดต่อกันที่รัฐบาลไทยพยายามหนีการถูกมาตรการลงโทษ และได้รับการแจ้งเตือนว่า ประเทศไทยจะถูกลดชั้นทันทีในปี 2014 หากยังไม่มีความคืบหน้าอย่างชัดเจนในการแก้ปัญหาภายในสิ้นปี “กฎหมายสหรัฐฯระบุอย่างชัดเจนว่า มีระยะเวลาจำกัดที่กำหนดว่าภายในกี่ปีที่ประเทศใดประเทศหนึ่งจะสามารถอยู่ในระดับ 2 หรือ “กลุ่มที่ถูกจับตามอง” ก่อนที่จะถูกลดระดับตกลงไปอยู่ระดับ 3 ทันที” เอกอัครราชทูต มาร์ค ลากอน ที่ปัจจุบันดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ประจำมหาวิทยาลัยจอร์จทาว์น ให้ความเห็น และกล่าวต่อว่า “หากรัฐบาลสหรัฐฯพิจารณาแล้วว่าไทยมีความก้าวหน้าอย่างเห็นได้ชัดก็จะเพิ่มระดับให้ แต่ถ้าไม่ก็จะทำการลดระดับลง และไม่มีความเป็นไปได้ที่จะมีโอกาสได้รับข้อยกเว้นไม่ถูกลงโทษหรือการผ่อนผัน”
และลากอนยืนยันว่า ไทยกำลังตกอยู่ในระยะหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญ ประกอบกับรายงานการค้ามนุษย์ประจำปีของสหรัฐฯจะถูกเผยแพร่ภายในไม่กี่วันข้างหน้านี้ ทำให้ประเทศไทยกำลังเผชิญหน้ากับปัญหาด้านจริยศาสตร์กับสังคมโลกในการที่ถูกขึ้นบัญชีดำด้านค้ามนุษย์
นอกจากนี้ิ ศาสตราจารย์ประจำมหาวิทยาลัยจอร์จทาว์น ยังได้ชื่นชมความพยายามของสื่อ ดิ การ์เดียน ที่ได้ใช้เวลาถึง 6 เดือนในการทำรายงานเชิงสอบสวนชิ้นนี้ เพื่อตีแผ่เบื้องหลังอุตสหกรรมการประมงไทย ที่พบว่าการทำงานกะละ 20 ชั่วโมง โดนลงโทษโดยการโบย รวมไปถึงการทรมาน และสังหารในที่สุด
จากการสัมภาษณ์ของนักข่าวการ์เดียน แรงงานต่างด้าวจำนวน 15 คน จากพม่าและกัมพูชาได้เล่าประสบการณ์ถึงความโหดร้ายที่พวกเขาได้รับในระหว่างต้องทนทำงานให้กับนายจ้างคนไทยอย่างไร โดยพวกเขาทั้งหมดได้จ่ายเงินให้กับนายหน้าเพื่อหางานให้ทำที่โรงงาน หรือเขตก่อสร้างในไทย แต่พวกเขากลับถูกขายไปให้กับไต้ก๋งเรือประมง ที่บางครั้งมีราคาถูกมากเพียงแค่ 420 ดอลลาร์
“เป็นงานที่สำคัญเท่าเทียมกับการทำงานของรัฐบาลและองค์การสหประชาชาติ คือ การที่นักข่าวสามารถเปิดโปงเรื่องเลวร้ายนี้ได้” ลากอนชื่นชม และกล่าวต่อว่า “และการเปิดผยนี้มีผลต่อรัฐบาลประเทศที่ถูกตีแผ่ในแง่ความเชื่อถือ การค้า โดยความเชื่อมั่นในสินค้าอาหารทะเลที่ถูกส่งออกไปขายจากไทยล้วนแต่ได้รับผลกระทบทั้งสิ้น”
ถึงแม้ว่าแรงงานทาสจะผิดกฎหมายทุกแห่งในโลกนี้ รวมถึงไทยที่ขึ้นชื่อว่าเป็นศูนย์กลางแหล่งต้นทาง การขนส่ง และปลายทางแรงงานทาสเหล่านี้ โดยรายงานดัชนีแรงงานทาสของโลกชี้ว่า เชื่อว่ามีแรงงานทาสเกือบครึ่งล้านคนทำงานอยู่ในไทย
ทั้งนี้ การที่ไทยจะตกอยู่ในกลุ่มที่ 3 หรือกลุ่มประเทศที่ล้มเหลวในการให้ความร่วมมือต่อข้อเรียกร้องของนานาชาติขั้นพื้นฐานเพื่อป้องกันการค้ามนุษย์และปกป้องผู้บริสุทธิ ซึ่งถือว่าเป็นระดับต่ำที่สุด และจะมีผลทำให้ไทยอยู่ในลำดับชั้นเดียวกับอิหร่าน เกาหลีเหนือ และซาอุดีอาระเบีย
และการถูกลดระดับนี้จะมีผลให้ไทยต้องถูกจำกัดในการขอรับความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ และรวมไปถึงเวิลด์แบงก์ และไอเอ็มเอฟ
และก่อนหน้านี้ การ์เดียนรายงานถึงผลตอบรับจากบรรดาลูกค้าบริษัทต่างชาติที่นำเข้ากุ้งจากไทย หลังจากการเปิดเผยรายงานค้ามนุษย์ของดิการ์เดียน โดยสื่ออังกฤษรายงานในวันอังคาร (10) ว่า บริษัท ซีพีฟูดส์ ยักษ์ใหญ่ในธุรกิจด้านอาหารของไทยได้เปิดเผยว่า ทางบริษัทได้ส่งกุ้งไปยังซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำทั่วอังกฤษ และสหรัฐฯ รวมถึงประเทศสมาชิกอียู
และการ์เดียนได้ติดตามสินค้ากุ้งของซีพีฟูดส์ไปตามบริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของโลก รวมถึงซูเปอร์มาร์เก็ตต่างๆ เช่น วอลมาร์ต คาร์ฟูร์ คอสโก เทสโก้ อัลดี คูปและมอร์ริสสัน และไอซ์แลนด์ และได้ทำการสอบถามความเห็นของลูกค้าเหล่านั้นที่สั่งซื้อกุ้งจากซีพีฟูดส์ หลังจากมีรายงานค้ามนุษย์ในอุตสาหกรรมกุ้งไทยเปิดเผยออกมา
โดยทั้งหมดต่างประณามการค้ามนุษย์และแรงงานทาส และต้องการให้มีมาตรการตรวจประเมินเรื่องความรับผิดชอบทางสังคมอย่างเข้มงวด (social audits) และบางส่วนกล่าวว่า ได้ตระหนักถึงปัญหาแรงงานทาสและการค้ามนุษย์ในอุตสาหกรรมการประมงไทยและได้เพิ่มมาตรการป้องกันเพื่อแก้ปัญหานี้
วอลมาร์ต - ยักษ์ใหญ่แห่งค้าปลีกจากสหรัฐฯ กล่าวว่า เรากระตือรือร้นต่อปัญหานี้ และได้เป็นส่วนสำคัญในการรวมตัวของทุกฝ่ายเพื่อขจัดปัญหาการค้ามนุษย์และแรงงานทาสให้หมดไปจากธุรกิจส่งออกสินค้าอาหารทะเลของไทย
คาร์ฟูร์ - ให้ความเห็นว่า ทางบริษัทได้มีการตรวจประเมินเรื่องความรับผิดชอบทางสังคมกับซัปพลายเออร์ทุกบริษัท รวมไปถึงบริษัท ซีพี ที่ได้จัดส่งสินค้ากุ้งให้กับคาร์ฟูร์ และได้เข้มงวดมากขึ้นหลังจากพบปัญหานี้ในปี 2012 โดยทางบริษัทยอมรับว่า ไม่ได้ตรวจเช็กทั่วทุกกระบวนการในเครือข่ายที่ซับซ้อนในธุรกิจอาหารทะเลของไทย
คอสโก - เปิดเผยว่า ได้ขอให้ซัปพลายเออร์จากไทยแก้ไขโดยการควบคุมแหล่งต้นทางป้อนวัตถุดิบ
เทสโก้ - ให้สัมภาษณ์ว่า เทสโก้ถือว่าแรงงานทาสและค้ามนุษย์เป็นสิ่งที่รับไม่ได้โดยสิ้นเชิง และทางเราได้ทำงานร่วมกับซีพีฟูดส์ เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้ากุ้งของเทสโก้ที่ออกมาจากซีพีฟูดส์ต้องปราศจากการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน และทางเทสโก้ได้ร่วมมือในฐานะพันธมิตรกับหน่วยงานด้านแรงงานสากลและความรับผิดชอบทางการค้า (International Labour Organisation and Ethical Trading Initiative) เพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรมโดยรอบด้านในอุตสหากรรมการประมงไทย
นอกจากนี้ ในส่วนธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ต ได้มีการรวมตัวเพื่อจัดโครงการนำร่องชื่อ “โปรเจกต์อิสระ” เพื่อต้องการแสดงถึงข้อห่วงใยต่อปัญหาค้ามนุษย์จากภาคธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ต กับซัปพลายเออร์ของไทย โดยพบว่ามีบางส่วนได้พบปะกับผู้ผลิตอาหารทะเลที่กรุงเทพฯในเดือนพฤษภาคมล่าสุด