xs
xsm
sm
md
lg

ปวดคอบ่าหลัง โรครุมเร้าของคนออฟฟิศ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

พนักงานออฟฟิศเจอโรคปวดคอบ่าหลังรุมเร้า ยอดค่ารักษาพุ่ง 2.6 หมื่นล้านต่อปี แนะออกกำลังกายให้กล้ามเนื้อยืดหยุ่น

รศ.ดร.ประวิตร เจนวรรธนะกุล หัวหน้าหน่วยวิจัยการบาดเจ็บทางระบบกระดูกและกล้ามเนื้อจากการทำงาน ภาควิชากายภาพบำบัด คณะสหเวชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า ได้ทำโครงการวิจัย “การศึกษาปัจจัยเสี่ยงและการป้องกันการเกิดความผิดปกติทางระบบกระดูกและกล้ามเนื้อบริเวณคอ/บ่า หลังส่วนบนและหลังส่วนล่างในกลุ่มพนักงานทำงานสำนักงาน” โดยได้รับทุนสนับสนุนจากกองทุนเงินทดแทน สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน โดยมีผู้ทำงานในสำนักงานประมาณ 4.6 ล้านคน ในจำนวนนี้ผู้ทำงานส่วนหนึ่งมีอาการผิดปกติทางระบบกระดูก กล้ามเนื้อบริเวณคอ/บ่า หลังส่วนบนและหลังส่วนล่าง ส่งผลให้มีค่าใช้จ่ายในการรักษา 26,681 ล้านบาทต่อปี

รศ.ดร.ประวิตร กล่าวว่า ตนได้ทำวิจัยในช่วงปี 2554-2556 โดยมีพนักงานทำงานสำนักงานเข้าร่วมโครงการวิจัย 524 คน แยกเป็นกลุ่มออกกำลังกาย 264 คน และกลุ่มไม่ออกกำลังกาย 260 คน ซึ่งจากการติดตามผลในช่วง 1 ปี พบว่ากลุ่มออกกำลังกาย วันละ 2 รอบในเวลา 10.00 น. และ 14.00 น. รอบละ 5 นาทีทุกวัน มีอาการปวดคอ/บ่า 32 คน คิดเป็นร้อยละ 11 ปวดหลังส่วนบน 16 คน คิดเป็นร้อยละ 6 และปวดหลังส่วนล่าง 24 คน คิดเป็นร้อยละ 9

ทั้งนี้ ส่วนกลุ่มไม่ออกกำลังกายมีอาการปวดคอ/บ่า 72 คน คิดเป็นร้อยละ 125 ปวดหลังส่วนบน 40 คน คิดเป็นร้อยละ 15 และปวดหลังส่วนล่าง 53 คน คิดเป็นร้อยละ 19 ทั้งนี้ จากผลการศึกษาพบว่า การออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความทนทานและความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อเป็นประจำสามารถลดความเสี่ยงต่อการปวดคอ/บ่า ได้ร้อยละ 60 การปวดหลังส่วนบนได้ร้อยละ 66 การปวดหลังส่วนล่าง ได้ร้อยละ 60

รศ.ดร.ประวิตร กล่าวว่า ผลการวิจัยยังพบว่า อาการปวดบริเวณดังกล่าวเกิดจากนั่งทำงานเป็นเวลานานๆ ทำให้กล้ามเนื้อไม่ได้มีการยืดหยุ่น ส่วนการรักษาหากเป็นระยะเริ่มแรกสามารถแก้ไขได้โดยออกกำลังกายบริเวณคอ บ่า และหลังอย่างสม่ำเสมอ หากอาการเรื้อรังการรักษาทำได้โดยการกินยา ทำกายภาพบำบัด ฉีดยาหรือผ่าตัด
 
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่




กำลังโหลดความคิดเห็น