คสช. เห็นด้วยแผนพัฒนาระบบสุขภาพ 3 ระยะ และแผนเร่งด่วนสร้างสมานฉันท์ ลดขัดแย้งในสังคมไทยโดยใช้กลไก สธ. พร้อมเตรียมดันเรื่องเร่งด่วนค้างคา โดยเฉพาะการบรรจุข้าราชการ หลังยืดเยื้อจากการยุบสภา
วันนี้ (31 พ.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น. พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทารเรือ (ผบ.ทร.) ในฐานะหัวหน้าฝ่ายสังคมจิตวิทยา คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เดินทางมายังกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เพื่อมอบนโยบายและหารือด้านสาธารณสุขร่วมกับผู้บริหาร สธ. อธิบดีกรมต่างๆ ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค โดยช่วงเช้าได้เข้าสักการะพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร บริเวณหน้าอาคารสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ก่อนขึ้นไปยังห้องประชุมเพื่อหารือ ทั้งนี้ สธ. เตรียมเสนอการพัฒนาระบบสุขภาพที่มีประสิทธิภาพ สมานฉันท์ บนการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน แบ่งเป็น 3 ระยะ คือ 1. ระยะเร่งด่วน ทำทันทีในปัจจุบันถึง 1 ต.ค. 2557 2. ระยะกลาง จะดำเนินการใน 1 ปี ตั้งแต่ 1 ต.ค.2557 - 30 ก.ย. 2558 และ 3. ระยะยาว จะดำเนินการใน 3 ปี โดยเริ่มตั้งแต่ 1 ต.ค. 2558 - 30 ก.ย. 2561 ซึ่งจะครอบคลุมนโยบายความปรองดองสมานฉันท์ของคนในชาติฟื้นฟูเยียวยาสังคม
พล.ร.อ.ณรงค์ แถลงภายหลังประชุมหารือ ว่า ได้มีการหารือแผนงานที่ สธ. จะต้องพิจารณาอย่างเร่งด่วน หลังจากเกิดวิกฤตทางการเมือง ซึ่งมีการยุบสภา หลายเรื่องจึงยังต้องรอการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี เช่น เรื่องการบรรจุลูกจ้างเป็นข้าราชการ ซึ่งยังค้างอีก 2 ล็อต เป็นต้น และจะเร่งผลักดันให้ให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว ซึ่งในงบประมาณปี 2557 ยังเหลือเวลาอีก 4 เดือน ทั้งนี้ ปลัด สธ. ได้ชี้แจงนโยบายและยุทธศาสตร์ของ สธ. ซึ่งมีการวิเคราะห์และจัดลำดับความสำคัญของงานได้อย่างชัดเจน ซึ่งตนเห็นด้วย เพราะสอดคล้องกับวิสัยทัศน์และเจตนารมณ์ของฝ่ายสังคมจิตวิทยาที่ได้ให้ไว้ โดยเฉพาะแผนนโยบายทั้ง 3 ระยะ คือ 1. ระยะเร่งด่วน ต้องปฏิบัติทันที เน้นเรื่องการพัฒนาระบบบริการให้ตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนทุกกลุ่มวัย สนับสนุนการสร้างความสมานฉันท์และลดความขัดแย้งของบุคคลที่มีความเห็นต่างทางการเมือง โดยใช้กลไกระบบสาธารณสุข ซึ่งจะแบ่งกลุ่มเป้าหมายเป็น 3 กลุ่ม คือ ผู้ที่กระทบโดยตรง ผู้ที่เข้าร่วมการชุมนุม และประชาชนทั่วไป โดยบุคลากรของ สธ. จะเข้าร่วมแก้ปัญหากับบุคลากรจากหน่วยงานอื่นด้วย โดยรายละเอียด สธ. จะนำเสนอมาอีกครั้ง และจะดำเนินการเรื่องนี้ในทุกพื้นที่ การสร้างขวัญกำลังใจเพื่อรักษาบุคลากรไว้ในระบบ และสร้างกลไกการตรวจสอบถ่วงดุลในระบบสาธารณสุข
พล.ร.อ.ณรงค์ กล่าวอีกว่า 2. ระยะกลาง จะดำเนินการภายใน 1 ปี เน้นเรื่องการปฏิรูประบบเขตบริการสุขภาพ ระบบการเงินการคลังด้านสุขภาพ ระบบข้อมูลด้านสุขภาพ และ 3. ระยะยาว ดำเนินการใน 1-3 ปี เน้นการจัดทำแผนการลงทุนของ สธ. ให้สอดคล้องกับแนวทางการจัดบริการแบบเขตสุขภาพ และจัดทำแผนผลิต พัฒนาคน เพื่อรองรับระบบบริการและกระจายบุคลากรให้เกิดความเป็นธรรม
ด้าน นพ.ณรงค์ กล่าวว่า ในกลุ่มผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง เช่น ผู้บาดเจ็บ และครอบครัวผู้เสียชีวิต จะมีการเข้าไปเยียวยา ดูแลในทุกมิติ ส่วนผู้ที่มีความคิดเห็นขัดแย้งทางการเมือง จะมีศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป (ศปป.) ระดับจังหวัดเป็นกลไกสำคัญ โดย สธ.จะมีกำลังคนและวิธีการเข้าไปช่วยเสริม ซึ่งอาจจะต้องมีการวิเคราะห์พื้นที่ กลุ่มเสี่ยง และจัดเวทีรับฟังแลกเปลี่ยนกันและกัน โดยมีเทคนิคด้านสังคมจิตวิทยาเข้าไปช่วย และสำหรับประชาชนทั่วไป ให้มีการมองไปข้างหน้าเห็นความหวังว่าประเทศเดินไปข้างหน้า ทั้งนี้ การดำเนินการเรื่องสมานฉันท์จะอยู่บนพื้นฐานที่ว่าสังคมเห็นต่างกันได้แต่ต้องอยู่ร่วมกัน ไม่เผชิญหน้าหรือแยกออกจากกัน
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
