สธ. สั่งเฝ้าระวังสุขภาพประชาชน เหตุไฟไหม้โรงงานรีไซเคิลน้ำมันเก่าสมุทรสาคร จัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ตรวจรักษาฟรี 2 วัน พบป่วย 32 คน พบ 4 คน มีอาการมาก ส่งตรวจเลือดและปัสสาวะ ดูสารตกค้าง
วันนี้ (30 พ.ค.) นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงการให้ความช่วยเหลือกรณีเหตุเพลิงไหม้โรงงานรีไซเคิลน้ำมันเครื่องของบริษัท เอส เจ ออย ตั้งอยู่ที่ ต.บ้านเกาะ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร เมื่อวันที่ 29 พ.ค. ที่ผ่านมา ว่า ได้สั่งการให้นายแพทย์สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (นพ.สสจ.) สมุทรสาคร ส่งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขด้านอาชีวอนามัยเข้าไปประเมินสภาพปัญหาร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมควบคุมโรค (คร.) และผู้เชี่ยวชาญจากกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และเจ้าหน้าที่จากกระทรวงอุตสาหกรรม โดย สธ. จะดูแลเฝ้าระวังผลกระทบด้านสุขภาพของประชาชนที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงและสูดกลิ่นควันไฟ
นพ.ณรงค์ กล่าวอีกว่า ควันไฟที่เกิดจากการเผาไหม้น้ำมันเครื่องที่ใช้แล้วจะประกอบด้วย ควันไฟจากการเผาไหม้ ซึ่งจะมี คาร์บอนมอนนอกไซด์ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ เป็นส่วนประกอบ จะมีผลกระทบระยะสั้นต่อระบบทางเดินหายใจ และกลุ่มสารระเหยที่เกิดจากการเผาไหม้สารเคมีในน้ำมันเครื่องที่สำคัญคือ สารเบนซีน (Benzene) ถ้าได้รับมากๆ อาจมีผลต่อการสร้างเม็ดเลือดและระบบประสาท ได้ให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขติดตามตรวจสุขภาพผู้ที่มีความเสี่ยงสูงจากการสัมผัส ซึ่งประกอบด้วย คนงานประมาณ 20 คน และประชาชนที่อยู่ในรัศมีกลิ่นควันไฟประมาณ 1 กิโลเมตร ซึ่งมีผลกระทบ 2 หมู่บ้าน คือ หมู่ 1 ต.บ้านเกาะ และหมู่ 3 ต.ท่าเสา อ.กระทุ่มแบน ประชาชนประมาณ 5,000 คน ในเบื้องต้นไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต
ด้าน นพ.ชัยรัตน์ เวชพานิช นพ.สสจ.สมุทรสาคร กล่าวว่า สสจ.สมุทรสาคร ได้ส่งหน่วยแพทย์เคลื่อนที่จาก รพ.สมุทรสาคร ไปตั้งจุดให้บริการและตรวจคัดกรองสุขภาพฟรีที่โรงงาน เป็นเวลา 2 วัน ตั้งแต่วันที่ 29 - 30 พฤษภาคม 2557 ผลการตรวจเบื้องต้นพบผู้ป่วยจำนวน 32 ราย ส่วนใหญ่ระคายเคืองคอและแสบตา ปวดศีรษะ มึนงง หายใจไม่สะดวก ในจำนวนนี้มี 4 ราย มีอาการมาก และเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม ทางกรมควบคุมมลพิษได้มาตรวจวัดมลพิษทางอากาศพบสารตกค้าง 2 ตัว คือ ไซลีน (Xylene) และโทลูอีน (Toluene) ซึ่งเป็นสารระเหยที่เกิดจากการเผาไหม้น้ำมันเก่ามีผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ ผิวหนังและเป็นสารก่อมะเร็งได้ อย่างไรก็ตาม ขอแนะนำให้ประชาชนดื่มน้ำบรรจุขวดมากๆ วันละอย่างน้อย 8 แก้ว โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหอบหืด โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง รวมทั้งหญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก หากมีอาการผิดปกติ เช่น หายใจไม่ออก แน่นหน้าอก ใจสั่น ขอให้รีบพบแพทย์โรงพยาบาลใกล้บ้าน
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
วันนี้ (30 พ.ค.) นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงการให้ความช่วยเหลือกรณีเหตุเพลิงไหม้โรงงานรีไซเคิลน้ำมันเครื่องของบริษัท เอส เจ ออย ตั้งอยู่ที่ ต.บ้านเกาะ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร เมื่อวันที่ 29 พ.ค. ที่ผ่านมา ว่า ได้สั่งการให้นายแพทย์สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (นพ.สสจ.) สมุทรสาคร ส่งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขด้านอาชีวอนามัยเข้าไปประเมินสภาพปัญหาร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมควบคุมโรค (คร.) และผู้เชี่ยวชาญจากกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และเจ้าหน้าที่จากกระทรวงอุตสาหกรรม โดย สธ. จะดูแลเฝ้าระวังผลกระทบด้านสุขภาพของประชาชนที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงและสูดกลิ่นควันไฟ
นพ.ณรงค์ กล่าวอีกว่า ควันไฟที่เกิดจากการเผาไหม้น้ำมันเครื่องที่ใช้แล้วจะประกอบด้วย ควันไฟจากการเผาไหม้ ซึ่งจะมี คาร์บอนมอนนอกไซด์ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ เป็นส่วนประกอบ จะมีผลกระทบระยะสั้นต่อระบบทางเดินหายใจ และกลุ่มสารระเหยที่เกิดจากการเผาไหม้สารเคมีในน้ำมันเครื่องที่สำคัญคือ สารเบนซีน (Benzene) ถ้าได้รับมากๆ อาจมีผลต่อการสร้างเม็ดเลือดและระบบประสาท ได้ให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขติดตามตรวจสุขภาพผู้ที่มีความเสี่ยงสูงจากการสัมผัส ซึ่งประกอบด้วย คนงานประมาณ 20 คน และประชาชนที่อยู่ในรัศมีกลิ่นควันไฟประมาณ 1 กิโลเมตร ซึ่งมีผลกระทบ 2 หมู่บ้าน คือ หมู่ 1 ต.บ้านเกาะ และหมู่ 3 ต.ท่าเสา อ.กระทุ่มแบน ประชาชนประมาณ 5,000 คน ในเบื้องต้นไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต
ด้าน นพ.ชัยรัตน์ เวชพานิช นพ.สสจ.สมุทรสาคร กล่าวว่า สสจ.สมุทรสาคร ได้ส่งหน่วยแพทย์เคลื่อนที่จาก รพ.สมุทรสาคร ไปตั้งจุดให้บริการและตรวจคัดกรองสุขภาพฟรีที่โรงงาน เป็นเวลา 2 วัน ตั้งแต่วันที่ 29 - 30 พฤษภาคม 2557 ผลการตรวจเบื้องต้นพบผู้ป่วยจำนวน 32 ราย ส่วนใหญ่ระคายเคืองคอและแสบตา ปวดศีรษะ มึนงง หายใจไม่สะดวก ในจำนวนนี้มี 4 ราย มีอาการมาก และเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม ทางกรมควบคุมมลพิษได้มาตรวจวัดมลพิษทางอากาศพบสารตกค้าง 2 ตัว คือ ไซลีน (Xylene) และโทลูอีน (Toluene) ซึ่งเป็นสารระเหยที่เกิดจากการเผาไหม้น้ำมันเก่ามีผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ ผิวหนังและเป็นสารก่อมะเร็งได้ อย่างไรก็ตาม ขอแนะนำให้ประชาชนดื่มน้ำบรรจุขวดมากๆ วันละอย่างน้อย 8 แก้ว โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหอบหืด โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง รวมทั้งหญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก หากมีอาการผิดปกติ เช่น หายใจไม่ออก แน่นหน้าอก ใจสั่น ขอให้รีบพบแพทย์โรงพยาบาลใกล้บ้าน
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่