ผู้ป่วยฮีโมฟีเลียอ้อน สปสช. เพิ่มสิทธิสต๊อกยาแฟคเตอร์ ช่วยเลือดหยุดไหลจาก 3 ขวด เป็น 4 ขวดต่อเดือนในผู้ใหญ่ หวังให้เพียงพอในการใช้งาน
นายเอกวัฒน์ สุวันทโรจน์ รองประธานชมรมผู้ป่วยโรคเลือดออกง่ายฮีโมฟีเลียแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในอดีตผู้ป่วยโรคฮีโมฟีเลีย หรือเลือดหยุดไหลยากมีปัญหาการเข้าถึงการรักษา แต่จากการร่วมผลักดันสิทธิประโยชน์การรักษาในระบบหลักประกันสุขภาพโดยกลุ่มผู้ป่วยฮีโมฟีเลีย มูลนิธิโรคเลือดออกง่ายฮีโมฟีเลียแห่งประเทศไทย แพทย์ผู้ให้การรักษา สภากาชาดไทย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ช่วยให้ผู้ป่วยได้เข้าถึงยาแฟคเตอร์ที่ช่วยให้เลือดแข็งตัว จนลดอัตราการเสียชีวิตได้ ซึ่งเมื่อก่อนจะต้องรับยาในโรงพยาบาลใหญ่ที่เป็นโรงเรียนแพทย์เท่านั้น แต่ปัจจุบันมีการกระจายยาไปยังโรงพยาบาล 48 แห่งทั่วประเทศ และยังให้ผู้ป่วยสามารถสต๊อกยาไว้ที่บ้าน เพื่อใช้ในยามฉุกเฉิน จึงช่วยลดภาระแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่
“การสต๊อกยาแฟคเตอร์ไว้ที่ผู้ป่วย ถือว่าเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยอย่างมาก เพราะบางครั้งที่เกิดภาวะเลือดออกในข้อ แม้แต่หมอหรือบุคลากรทางการแพทย์อาจจะไม่ทราบหรือวินิจฉัยไม่ได้ โดยเฉพาะภาวะเลือดออกในช่วงแรก ซึ่งผู้ป่วยเองเท่านั้นจะทราบ เพราะจะมีอาการตึง เริ่มบวมแข็ง และมีอาการปวดอย่างมาก หากฉีดยาได้เองจะช่วยระงับอาการที่เกิดขึ้นได้” นายเอกวัฒน์ กล่าวและว่า สำหรับราคายาแฟคเตอร์จะอยู่ที่ประมาณ 5,000-6,000 บาทต่อขวด เฉลี่ยผู้ป่วยต้องใช้ยา 3-4 ขวดต่อเดือน ซึ่งปัจจุบัน สปสช. สต๊อกยาแฟคเตอร์ให้ผู้ป่วยเดือนละ 3 ขวด ตรงนี้ทางชมรมอยากให้เพิ่มเป็น 4 ขวดในผู้ใหญ่ เพื่อให้เพียงพอในการใช้งาน
นายเอกวัฒน์ กล่าวว่า นอกจากนี้ สิทธิประโยชน์การรักษาโรคฮีโมฟีเลียในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ยังช่วยลดภาวะการติดเชื้อเอชไอวี ไวรัสตับอักเสบเอ, บี และซี เนื่องจากก่อนหน้านี้ยาที่ผู้ป่วยใช้รักษานั้น เป็นยาที่มีส่วนประกอบจากเลือด จึงทำให้ผู้ป่วยเกิดภาวะติดเชื้อเหล่านี้ได้ ต่างจากยาแฟคเตอร์ที่นำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งมีความปลอดภัยมากกว่า ซึ่งทาง สปสช. ได้กำหนดให้เป็นสิทธิประโยชน์เพื่อให้กับผู้ป่วย
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ "Quality of Life" ได้ที่
นายเอกวัฒน์ สุวันทโรจน์ รองประธานชมรมผู้ป่วยโรคเลือดออกง่ายฮีโมฟีเลียแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในอดีตผู้ป่วยโรคฮีโมฟีเลีย หรือเลือดหยุดไหลยากมีปัญหาการเข้าถึงการรักษา แต่จากการร่วมผลักดันสิทธิประโยชน์การรักษาในระบบหลักประกันสุขภาพโดยกลุ่มผู้ป่วยฮีโมฟีเลีย มูลนิธิโรคเลือดออกง่ายฮีโมฟีเลียแห่งประเทศไทย แพทย์ผู้ให้การรักษา สภากาชาดไทย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ช่วยให้ผู้ป่วยได้เข้าถึงยาแฟคเตอร์ที่ช่วยให้เลือดแข็งตัว จนลดอัตราการเสียชีวิตได้ ซึ่งเมื่อก่อนจะต้องรับยาในโรงพยาบาลใหญ่ที่เป็นโรงเรียนแพทย์เท่านั้น แต่ปัจจุบันมีการกระจายยาไปยังโรงพยาบาล 48 แห่งทั่วประเทศ และยังให้ผู้ป่วยสามารถสต๊อกยาไว้ที่บ้าน เพื่อใช้ในยามฉุกเฉิน จึงช่วยลดภาระแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่
“การสต๊อกยาแฟคเตอร์ไว้ที่ผู้ป่วย ถือว่าเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยอย่างมาก เพราะบางครั้งที่เกิดภาวะเลือดออกในข้อ แม้แต่หมอหรือบุคลากรทางการแพทย์อาจจะไม่ทราบหรือวินิจฉัยไม่ได้ โดยเฉพาะภาวะเลือดออกในช่วงแรก ซึ่งผู้ป่วยเองเท่านั้นจะทราบ เพราะจะมีอาการตึง เริ่มบวมแข็ง และมีอาการปวดอย่างมาก หากฉีดยาได้เองจะช่วยระงับอาการที่เกิดขึ้นได้” นายเอกวัฒน์ กล่าวและว่า สำหรับราคายาแฟคเตอร์จะอยู่ที่ประมาณ 5,000-6,000 บาทต่อขวด เฉลี่ยผู้ป่วยต้องใช้ยา 3-4 ขวดต่อเดือน ซึ่งปัจจุบัน สปสช. สต๊อกยาแฟคเตอร์ให้ผู้ป่วยเดือนละ 3 ขวด ตรงนี้ทางชมรมอยากให้เพิ่มเป็น 4 ขวดในผู้ใหญ่ เพื่อให้เพียงพอในการใช้งาน
นายเอกวัฒน์ กล่าวว่า นอกจากนี้ สิทธิประโยชน์การรักษาโรคฮีโมฟีเลียในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ยังช่วยลดภาวะการติดเชื้อเอชไอวี ไวรัสตับอักเสบเอ, บี และซี เนื่องจากก่อนหน้านี้ยาที่ผู้ป่วยใช้รักษานั้น เป็นยาที่มีส่วนประกอบจากเลือด จึงทำให้ผู้ป่วยเกิดภาวะติดเชื้อเหล่านี้ได้ ต่างจากยาแฟคเตอร์ที่นำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งมีความปลอดภัยมากกว่า ซึ่งทาง สปสช. ได้กำหนดให้เป็นสิทธิประโยชน์เพื่อให้กับผู้ป่วย
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ "Quality of Life" ได้ที่