บอร์ด สปสช. ไฟเขียวอัดงบช่วยซ่อมแซมโรงพยาบาลจากแผ่นดินไหว ทั้งส่วนโครงสร้าง ประชาชนเข้ารับบริการข้ามสิทธิ์ หวั่นกระทบงานบริการรักษาผู้ป่วย
วันนี้ (7 พ.ค.) ที่โรงแรมอมารี ดอนเมือง แอร์พอร์ต นพ.จรัล ตฤณวุฒิพงษ์ กรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวภายหลังประชุมบอร์ด สปสช. ว่า การประชุมในครั้งนี้มีวาระด่วนพิจารณาเรื่องการให้ความช่วยเหลือหน่วยบริการที่ได้รับความเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหว เมื่อวันที่ 5 พ.ค. ซึ่งมีศูนย์กลางที่ จ.เชียงราย ส่งผลทำให้สถานบริการของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้รับความเสียหาย 7 แห่ง แบ่งเป็น จ.เชียงราย 5 แห่ง ได้แก่ รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ รพ.แม่ลาว รพ.พาน รพ.สต.ร่องคาน และ รพ.สต. อีก 1 แห่ง ใน อ.แม่ลาว และ จ.เชียงใหม่ 2 แห่ง คือ รพ.นครพิงค์ และ รพ.ฝาง สำหรับรายละเอียดความเสียหายของหน่วยบริการนั้น เบื้องต้นได้รับรายงานจากที่ประชุมว่า รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ และ รพ.แม่ลาว โครงสร้างหลักไม่ได้รับการกระทบกระเทือนจากแรงสั่นสะเทือน แต่มีผนังอาคารได้ความเสียหายและปรากฏรอยร้าว ขณะที่ รพ.พาน อาคารหลังเก่าพัง โดยทั้งหมดนี้จำเป็นต้องมีดำเนินการซ่อมปรับปรุงเพื่อให้สามารถรองรับการบริการผู้ป่วยได้ดังเดิม
นพ.จรัล กล่าวอีกว่า การช่วยเหลือนั้น สปสช. สามารถดำเนินการตามประกาศคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เรื่อง “หลักเกณฑ์การดำเนินงานและการบริหารจัดการในกรณีฉุกเฉิน กรณีโรคระบาดหรือภัยพิบัติ พ.ศ. 2555” ได้ ซึ่งมีการกันงบประมาณส่วนหนึ่งเพื่อใช้ในการดำเนินการ ปัจจุบันมีจำนวน 870 ล้านบาท จึงได้มีการนำเสนอต่อ บอร์ด สปสช. เป็นวาระด่วน เพื่อให้มีการช่วยเหลือหน่วยบริการ ทั้งกรณีที่มีประชาชนเข้ารับบริการข้ามสิทธิ์ รวมถึงการปรับปรุงและซ่อมแซมอาคารสถานที่โดยเร็ว ซึ่งทางบอร์ด สปสช. ได้เห็นชอบตามที่เสนอ พร้อมให้รีบดำเนินการช่วยเหลือโดยเร็ว เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่องานบริการรักษาพยาบาลประชาชน
“เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่จังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ นับเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่มีความร้ายแรงทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นกับประเทศไทย และได้สร้างความเสียหายอย่างมาก โดยเฉพาะอาคารสถานที่ต่างๆ ที่ได้รับความเสียหาย รวมถึงหน่วยบริการรักษาพยาบาลที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ ทั้งโรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ด้วยเหตุนี้บอร์ด สปสช. จึงได้เห็นชอบให้ทำการช่วยเหลือเป็นการด่วน เพื่อให้หน่วยบริการสามารถกลับมาบริการผู้ป่วยได้ดังเดิม ซึ่งการช่วยเหลือนี้เฉพาะแค่การซ่อมแซมเท่านั้น ไม่รวมถึงการก่อสร้างใหม่ ซึ่งจากนี้จะมีการประสานไปยัง สธ. เพื่อช่วยเหลือต่อไป” นพ.จรัล กล่าว
วันนี้ (7 พ.ค.) ที่โรงแรมอมารี ดอนเมือง แอร์พอร์ต นพ.จรัล ตฤณวุฒิพงษ์ กรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวภายหลังประชุมบอร์ด สปสช. ว่า การประชุมในครั้งนี้มีวาระด่วนพิจารณาเรื่องการให้ความช่วยเหลือหน่วยบริการที่ได้รับความเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหว เมื่อวันที่ 5 พ.ค. ซึ่งมีศูนย์กลางที่ จ.เชียงราย ส่งผลทำให้สถานบริการของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้รับความเสียหาย 7 แห่ง แบ่งเป็น จ.เชียงราย 5 แห่ง ได้แก่ รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ รพ.แม่ลาว รพ.พาน รพ.สต.ร่องคาน และ รพ.สต. อีก 1 แห่ง ใน อ.แม่ลาว และ จ.เชียงใหม่ 2 แห่ง คือ รพ.นครพิงค์ และ รพ.ฝาง สำหรับรายละเอียดความเสียหายของหน่วยบริการนั้น เบื้องต้นได้รับรายงานจากที่ประชุมว่า รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ และ รพ.แม่ลาว โครงสร้างหลักไม่ได้รับการกระทบกระเทือนจากแรงสั่นสะเทือน แต่มีผนังอาคารได้ความเสียหายและปรากฏรอยร้าว ขณะที่ รพ.พาน อาคารหลังเก่าพัง โดยทั้งหมดนี้จำเป็นต้องมีดำเนินการซ่อมปรับปรุงเพื่อให้สามารถรองรับการบริการผู้ป่วยได้ดังเดิม
นพ.จรัล กล่าวอีกว่า การช่วยเหลือนั้น สปสช. สามารถดำเนินการตามประกาศคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เรื่อง “หลักเกณฑ์การดำเนินงานและการบริหารจัดการในกรณีฉุกเฉิน กรณีโรคระบาดหรือภัยพิบัติ พ.ศ. 2555” ได้ ซึ่งมีการกันงบประมาณส่วนหนึ่งเพื่อใช้ในการดำเนินการ ปัจจุบันมีจำนวน 870 ล้านบาท จึงได้มีการนำเสนอต่อ บอร์ด สปสช. เป็นวาระด่วน เพื่อให้มีการช่วยเหลือหน่วยบริการ ทั้งกรณีที่มีประชาชนเข้ารับบริการข้ามสิทธิ์ รวมถึงการปรับปรุงและซ่อมแซมอาคารสถานที่โดยเร็ว ซึ่งทางบอร์ด สปสช. ได้เห็นชอบตามที่เสนอ พร้อมให้รีบดำเนินการช่วยเหลือโดยเร็ว เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่องานบริการรักษาพยาบาลประชาชน
“เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่จังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ นับเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่มีความร้ายแรงทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นกับประเทศไทย และได้สร้างความเสียหายอย่างมาก โดยเฉพาะอาคารสถานที่ต่างๆ ที่ได้รับความเสียหาย รวมถึงหน่วยบริการรักษาพยาบาลที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ ทั้งโรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ด้วยเหตุนี้บอร์ด สปสช. จึงได้เห็นชอบให้ทำการช่วยเหลือเป็นการด่วน เพื่อให้หน่วยบริการสามารถกลับมาบริการผู้ป่วยได้ดังเดิม ซึ่งการช่วยเหลือนี้เฉพาะแค่การซ่อมแซมเท่านั้น ไม่รวมถึงการก่อสร้างใหม่ ซึ่งจากนี้จะมีการประสานไปยัง สธ. เพื่อช่วยเหลือต่อไป” นพ.จรัล กล่าว