ก.ต่างประเทศเผยแจงอเมริกาแก้ปัญหาค้ามนุษย์ได้ผลน่าพอใจ ฟุ้ง! ปีนี้มีแนวโน้มสินค้าอ้อยหลุดบัญชีจับตาเรื่องค้ามนุษย์
วันนี้ (16 พ.ค.) ที่กระทรวงแรงงาน นายทรงศักดิ์ สายเชื้อ อธิบดีกรมอเมริกาและแปซิฟิกใต้ กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในการประชุมหารือการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวในกิจการประมงและต่อเนื่อง ซึ่งมีผู้แทนกระทรวงแรงงาน (รง.) กระทรวงพาณิชย์ (พณ.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และสมาคมการประมงแห่งประเทศไทยเข้าร่วมว่า จากการที่ผู้แทนหน่วยงานต่างๆ เดินทางไปชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมต่อสหรัฐอเมริกาเกี่ยวกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ในภาคประมง เมื่อเร็วๆ นี้ โดยได้ชี้แจงว่า ไทยมีนโยบายป้องกันและแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ในภาคประมงและสินค้าอื่นๆ เช่น เครื่องนุ่งห่ม น้ำตาลอย่างเต็มที่ และทุกฝ่ายร่วมมือกันอย่างเข้มแข็ง ซึ่งโดยภาพรวมหน่วยงานภาครัฐ ส.ส. และภาคเอกชนผู้ซื้ออาหารทะเลจากไทยเข้าใจแนวทางป้องกันและแก้ปัญหาการใช้แรงงานภาคประมงของไทยมากขึ้นซึ่งคิดว่าผลการชี้แจงอยู่ในระดับน่าพอใจ
นายทรงศักดิ์ กล่าวอีกว่า สิ่งที่ต้องทำต่อไปคือ ทุกฝ่ายจะต้องเร่งผลักดันการดำเนินการศูนย์ประสานแรงงานประมงให้เห็นผลในทางปฏิบัติมากขึ้น และส่งเสริมให้สถานประกอบการนำแนวปฏิบัติในการใช้แรงงานที่ดีให้เกิดผลอย่างแพร่หลาย นอกจากนี้ ได้เชิญ ส.ส. มาตรวจเรือประมงในไทยด้วย ทั้งนี้ ในปีนี้สินค้าประเภทอ้อยมีความเป็นไปได้ว่าจะหลุดจากการขึ้นบัญชีดำในเรื่องการถูกจับตาการค้ามนุษย์จากสหรัฐอเมริกาได้ รวมทั้งสินค้าอื่นๆ เช่น เครื่องนุ่งห่ม และกุ้งก็เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นในเรื่องการถูกจับตามองด้านการค้ามนุษย์
ม.ล.ปุณฑริก สมิติ รองปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ศูนย์ประสานแรงงานประมงใน 7 จังหวัดได้แก่ สมุทรสาคร ระยอง ตราด ระนอง ชุมพร สงขลา และสตูล เป็นส่วนหนึ่งในการให้ความรู้และดูแลแรงงานต่างด้าวในภาคประมงโดยมีการขึ้นทะเบียนเรือประมง จดทะเบียน และทำสัญญาจ้างแรงงานต่างด้าวเพื่อให้มีการจ้างงานอย่างถูกกฎหมาย ซึ่งวันนี้กระทรวงแรงงานจะส่งมอบสัญญาจ้างในงานประมงทะเลสำหรับแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ คือ พม่า ลาว และ กัมพูชา ซึ่งใน 1 ฉบับให้แก่สมาคมประมงแห่งประเทศไทย และขอความร่วมมือผู้ประกอบการประมงว่าห้ามนำแรงงานอายุต่ำกว่า16 ปีลงเรือประมง และขอให้ช่วยแจ้งผู้ประกอบการประมงใน 22 จังหวัดนำแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบทำงานโดยผิดกฎหมายมาขึ้นทะเบียนภายในวันที่ 31 พ.ค.นี้ ซึ่งจะสิ้นสุดการขึ้นทะเบียน
พล.ต.อ.ชัชวาล สุขสมจิตร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า สหรัฐอเมริกาให้ความสนใจในกิจการประมงเป็นพิเศษ เนื่องจากเข้าข่ายการค้ามนุษย์ เพราะมีการนำเสนอข่าวในต่างประเทศจำนวนมาก ซึ่งตั้งแต่ปี 2555 ประเทศไทยได้ชี้แจงเรื่องแนวทางการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ในหลายเรื่อง โดยเฉพาะการตั้งศูนย์ประสานแรงงานประมงนั้นไทยจะต้องดำเนินการต่อไป เพื่อตัดช่องทางของนายหน้าเถื่อน ดังนั้น ทุกฝ่ายจึงต้องร่วมกันหามาตรการควบคุมนายหน้าให้ปฏิบัติตามกฎหมาย รวมทั้งการดูแลแรงงานประมงไม่ให้ไปใช้บริการนายหน้าเถื่อน อย่างไรก็ตาม มีผู้ประกอบการประมงส่วนหนึ่งแจ้งมายังตนว่าจะนำแรงงานต่างด้าวมาขึ้นทะเบียนแต่ก็เกรงถูกตำรวจจับกุม
พล.ต.อ.ชัชวาล กล่าวอีกว่า ตนยินดีจะแจ้งต่อผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติและประสานไปยังตำรวจใน 22 จังหวัดที่มีกิจการประมงเพื่อไม่ให้มีการจับกุมแรงงานต่างด้าว หากผู้ประกอบการประมงนำแรงงานต่างด้าวมาขึ้นทะเบียนเพื่อให้เป็นแรงงานต่างด้าวถูกกฎหมาย ทั้งนี้ ในวันที่ 22 พฤษภาคมนี้ จะลงพื้นที่จังหวัดระนองเพื่อตรวจเรือประมง
นายภูเบศ จันทนิมิ ประธานสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การเปิดขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวในกิจการประมงยังไม่ค่อยมีนายจ้างพาแรงงานมาขึ้นทะเบียนเท่าที่ควร จึงอยากให้หน่วยงานในจังหวัดเป็นรับผิดชอบโดยตรงเพราะใกล้ชิดกับแรงงาน ทั้งนี้ ยอมรับว่า ผู้ประกอบการประมงมีทั้งดีและไม่ดี อีกทั้งการกระจายข่าวสารยังไม่ทั่วถึงมากหนัก เพราะนโยบายภาครัฐยังไม่ชัดเจนเท่าที่ควร นอกจากนี้ อยากให้ตั้งศูนย์ประสานแรงงานประมงมีครบทั้ง 22 จังหวัดที่มีการจ้างแรงงานต่างด้าวและมีชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน
วันนี้ (16 พ.ค.) ที่กระทรวงแรงงาน นายทรงศักดิ์ สายเชื้อ อธิบดีกรมอเมริกาและแปซิฟิกใต้ กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในการประชุมหารือการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวในกิจการประมงและต่อเนื่อง ซึ่งมีผู้แทนกระทรวงแรงงาน (รง.) กระทรวงพาณิชย์ (พณ.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และสมาคมการประมงแห่งประเทศไทยเข้าร่วมว่า จากการที่ผู้แทนหน่วยงานต่างๆ เดินทางไปชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมต่อสหรัฐอเมริกาเกี่ยวกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ในภาคประมง เมื่อเร็วๆ นี้ โดยได้ชี้แจงว่า ไทยมีนโยบายป้องกันและแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ในภาคประมงและสินค้าอื่นๆ เช่น เครื่องนุ่งห่ม น้ำตาลอย่างเต็มที่ และทุกฝ่ายร่วมมือกันอย่างเข้มแข็ง ซึ่งโดยภาพรวมหน่วยงานภาครัฐ ส.ส. และภาคเอกชนผู้ซื้ออาหารทะเลจากไทยเข้าใจแนวทางป้องกันและแก้ปัญหาการใช้แรงงานภาคประมงของไทยมากขึ้นซึ่งคิดว่าผลการชี้แจงอยู่ในระดับน่าพอใจ
นายทรงศักดิ์ กล่าวอีกว่า สิ่งที่ต้องทำต่อไปคือ ทุกฝ่ายจะต้องเร่งผลักดันการดำเนินการศูนย์ประสานแรงงานประมงให้เห็นผลในทางปฏิบัติมากขึ้น และส่งเสริมให้สถานประกอบการนำแนวปฏิบัติในการใช้แรงงานที่ดีให้เกิดผลอย่างแพร่หลาย นอกจากนี้ ได้เชิญ ส.ส. มาตรวจเรือประมงในไทยด้วย ทั้งนี้ ในปีนี้สินค้าประเภทอ้อยมีความเป็นไปได้ว่าจะหลุดจากการขึ้นบัญชีดำในเรื่องการถูกจับตาการค้ามนุษย์จากสหรัฐอเมริกาได้ รวมทั้งสินค้าอื่นๆ เช่น เครื่องนุ่งห่ม และกุ้งก็เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นในเรื่องการถูกจับตามองด้านการค้ามนุษย์
ม.ล.ปุณฑริก สมิติ รองปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ศูนย์ประสานแรงงานประมงใน 7 จังหวัดได้แก่ สมุทรสาคร ระยอง ตราด ระนอง ชุมพร สงขลา และสตูล เป็นส่วนหนึ่งในการให้ความรู้และดูแลแรงงานต่างด้าวในภาคประมงโดยมีการขึ้นทะเบียนเรือประมง จดทะเบียน และทำสัญญาจ้างแรงงานต่างด้าวเพื่อให้มีการจ้างงานอย่างถูกกฎหมาย ซึ่งวันนี้กระทรวงแรงงานจะส่งมอบสัญญาจ้างในงานประมงทะเลสำหรับแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ คือ พม่า ลาว และ กัมพูชา ซึ่งใน 1 ฉบับให้แก่สมาคมประมงแห่งประเทศไทย และขอความร่วมมือผู้ประกอบการประมงว่าห้ามนำแรงงานอายุต่ำกว่า16 ปีลงเรือประมง และขอให้ช่วยแจ้งผู้ประกอบการประมงใน 22 จังหวัดนำแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบทำงานโดยผิดกฎหมายมาขึ้นทะเบียนภายในวันที่ 31 พ.ค.นี้ ซึ่งจะสิ้นสุดการขึ้นทะเบียน
พล.ต.อ.ชัชวาล สุขสมจิตร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า สหรัฐอเมริกาให้ความสนใจในกิจการประมงเป็นพิเศษ เนื่องจากเข้าข่ายการค้ามนุษย์ เพราะมีการนำเสนอข่าวในต่างประเทศจำนวนมาก ซึ่งตั้งแต่ปี 2555 ประเทศไทยได้ชี้แจงเรื่องแนวทางการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ในหลายเรื่อง โดยเฉพาะการตั้งศูนย์ประสานแรงงานประมงนั้นไทยจะต้องดำเนินการต่อไป เพื่อตัดช่องทางของนายหน้าเถื่อน ดังนั้น ทุกฝ่ายจึงต้องร่วมกันหามาตรการควบคุมนายหน้าให้ปฏิบัติตามกฎหมาย รวมทั้งการดูแลแรงงานประมงไม่ให้ไปใช้บริการนายหน้าเถื่อน อย่างไรก็ตาม มีผู้ประกอบการประมงส่วนหนึ่งแจ้งมายังตนว่าจะนำแรงงานต่างด้าวมาขึ้นทะเบียนแต่ก็เกรงถูกตำรวจจับกุม
พล.ต.อ.ชัชวาล กล่าวอีกว่า ตนยินดีจะแจ้งต่อผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติและประสานไปยังตำรวจใน 22 จังหวัดที่มีกิจการประมงเพื่อไม่ให้มีการจับกุมแรงงานต่างด้าว หากผู้ประกอบการประมงนำแรงงานต่างด้าวมาขึ้นทะเบียนเพื่อให้เป็นแรงงานต่างด้าวถูกกฎหมาย ทั้งนี้ ในวันที่ 22 พฤษภาคมนี้ จะลงพื้นที่จังหวัดระนองเพื่อตรวจเรือประมง
นายภูเบศ จันทนิมิ ประธานสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การเปิดขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวในกิจการประมงยังไม่ค่อยมีนายจ้างพาแรงงานมาขึ้นทะเบียนเท่าที่ควร จึงอยากให้หน่วยงานในจังหวัดเป็นรับผิดชอบโดยตรงเพราะใกล้ชิดกับแรงงาน ทั้งนี้ ยอมรับว่า ผู้ประกอบการประมงมีทั้งดีและไม่ดี อีกทั้งการกระจายข่าวสารยังไม่ทั่วถึงมากหนัก เพราะนโยบายภาครัฐยังไม่ชัดเจนเท่าที่ควร นอกจากนี้ อยากให้ตั้งศูนย์ประสานแรงงานประมงมีครบทั้ง 22 จังหวัดที่มีการจ้างแรงงานต่างด้าวและมีชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน
