ก.แรงงาน ประเมินท่าทีมะกันหลังแจงแก้ค้ามนุษย์ ชี้ไทยขาดข้อมูลเสนอการทำงานเท่าที่ควร เร่งปรับแผน ดำเนินการทางปฏิบัติเพิ่มขึ้น
วันนี้ (12 พ.ค.) ม.ล.ปุณฑริก สมิติ รองปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ได้เดินทางไปยังไปประเทศสหรัฐอเมริกา ร่วมกับผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) รวมทั้งผู้ประกอบการในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ถูกจับตามองว่าเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์และการใช้แรงงานเด็ก คือ อ้อย กุ้ง ปลา เครื่องนุ่งห่ม เพื่อชี้แจงต่อทีมจัดทำรายงานการค้ามนุษย์ กระทรวงการต่างประเทศ อเมริกา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและผู้ประกอบการที่ซื้อสินค้าจากไทย โดยไทยยืนยันว่ามีนโยบายในการป้องกัน ปราบปราม และจับกุมผู้กระทำผิดฐานค้ามนุษย์และใช้แรงงานเด็กอย่างเข้มงวด จากข้อมูลของ สตช. ในปี 2556 สามารถดำเนินคดีจนถึงที่สุดกับผู้กระทำผิดได้ถึง 225 คดี รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมมือกันทำงานทั้งป้องกันและแก้ไขอย่างจริงจัง ขณะเดียวกัน ได้ชี้แจงถึงข้อท้วงติงว่าแรงงานพาเด็กเล็กเข้าไปในสถานประกอบการและไร่อ้อย ว่าเป็นวัฒนธรรมของไทยที่พ่อแม่จะพาลูกไปทำงานด้วย เนื่องจากไม่มีคนดูแล แต่ทางอเมริกายังไม่เข้าใจเรื่องนี้เท่าที่ควร
ม.ล.ปุณฑริก กล่าวอีกว่า จากการนำเสนอข้อมูลต่อฝ่ายต่างๆ พบว่า ทางอเมริกายังขาดข้อมูลที่เป็นความชัดเจนในทางปฏิบัติ อาทิ ข่าว สารคดีที่ไทยนำเสนอออกไปในระดับนานาชาติ ยังมีจำนวนน้อยและสื่อสารได้ไม่ครอบคลุม ทำให้อเมริกายังไม่มั่นใจในการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์และใช้แรงงานเด็กของไทย อย่างไรก็ตาม จากการพูดคุยกับนักลงทุนที่เข้ามาลงทุนในไทยพบว่า ยังมีความมั่นใจในการลงทุนเนื่องจากเชื่อมั่นในกระบวนการจ้างงานของไทย ทั้งนี้ ไทยต้องปรับปรุงการดำเนินงานในทางปฏิบัติให้เข้มแข็งมายิ่งขึ้นทั้งการตรวจสถานประกอบการ ซึ่งจากการหารือกับผู้ประกอบการกุ้งของไทยเห็นว่าอาจให้บุคคลที่สาม เช่น ผู้แทนองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ไอแอลโอ) เข้ามาร่วมตรวจสอบสถานประกอบการเพื่อให้มีความมั่นใจและสร้างความเข้าใจในระดับนานาชาติ รวมทั้งดำเนินคดีต้องทำให้เข้มแข็งมากขึ้น นอกจากนี้ยังต้องปรับแผนการประชาสัมพันธ์ข้อมูลการทำงานในเชิงรุกให้มากขึ้น โดยไทยจะเสนอข้อมูลเพิ่มเติมแก่อเมริกาในเดือนมิถุนายนนี้
วันนี้ (12 พ.ค.) ม.ล.ปุณฑริก สมิติ รองปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ได้เดินทางไปยังไปประเทศสหรัฐอเมริกา ร่วมกับผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) รวมทั้งผู้ประกอบการในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ถูกจับตามองว่าเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์และการใช้แรงงานเด็ก คือ อ้อย กุ้ง ปลา เครื่องนุ่งห่ม เพื่อชี้แจงต่อทีมจัดทำรายงานการค้ามนุษย์ กระทรวงการต่างประเทศ อเมริกา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและผู้ประกอบการที่ซื้อสินค้าจากไทย โดยไทยยืนยันว่ามีนโยบายในการป้องกัน ปราบปราม และจับกุมผู้กระทำผิดฐานค้ามนุษย์และใช้แรงงานเด็กอย่างเข้มงวด จากข้อมูลของ สตช. ในปี 2556 สามารถดำเนินคดีจนถึงที่สุดกับผู้กระทำผิดได้ถึง 225 คดี รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมมือกันทำงานทั้งป้องกันและแก้ไขอย่างจริงจัง ขณะเดียวกัน ได้ชี้แจงถึงข้อท้วงติงว่าแรงงานพาเด็กเล็กเข้าไปในสถานประกอบการและไร่อ้อย ว่าเป็นวัฒนธรรมของไทยที่พ่อแม่จะพาลูกไปทำงานด้วย เนื่องจากไม่มีคนดูแล แต่ทางอเมริกายังไม่เข้าใจเรื่องนี้เท่าที่ควร
ม.ล.ปุณฑริก กล่าวอีกว่า จากการนำเสนอข้อมูลต่อฝ่ายต่างๆ พบว่า ทางอเมริกายังขาดข้อมูลที่เป็นความชัดเจนในทางปฏิบัติ อาทิ ข่าว สารคดีที่ไทยนำเสนอออกไปในระดับนานาชาติ ยังมีจำนวนน้อยและสื่อสารได้ไม่ครอบคลุม ทำให้อเมริกายังไม่มั่นใจในการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์และใช้แรงงานเด็กของไทย อย่างไรก็ตาม จากการพูดคุยกับนักลงทุนที่เข้ามาลงทุนในไทยพบว่า ยังมีความมั่นใจในการลงทุนเนื่องจากเชื่อมั่นในกระบวนการจ้างงานของไทย ทั้งนี้ ไทยต้องปรับปรุงการดำเนินงานในทางปฏิบัติให้เข้มแข็งมายิ่งขึ้นทั้งการตรวจสถานประกอบการ ซึ่งจากการหารือกับผู้ประกอบการกุ้งของไทยเห็นว่าอาจให้บุคคลที่สาม เช่น ผู้แทนองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ไอแอลโอ) เข้ามาร่วมตรวจสอบสถานประกอบการเพื่อให้มีความมั่นใจและสร้างความเข้าใจในระดับนานาชาติ รวมทั้งดำเนินคดีต้องทำให้เข้มแข็งมากขึ้น นอกจากนี้ยังต้องปรับแผนการประชาสัมพันธ์ข้อมูลการทำงานในเชิงรุกให้มากขึ้น โดยไทยจะเสนอข้อมูลเพิ่มเติมแก่อเมริกาในเดือนมิถุนายนนี้