เร่งทำร่างนโยบายขจัดใช้แรงงานเด็ก เพิ่ม 4 ประเด็น จัดทำฐานข้อมูลเด็ก แยกงานออกจากเด็ก สร้างความตระหนักแก่สถานประกอบการ ปรับปรุงกฎหมาย คาดเสร็จปลายปีนี้ ชงเข้า ครม. ชุดใหม่
ม.ล.ปุณฑริก สมิติ รองปลัดกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ตนได้หารือกับหน่วยงานต่างๆ เช่น สภาองค์การพัฒนาเด็กและเยาวชน ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ไอแอลโอ) องค์กรเอกชนเกี่ยวกับการจัดทำนโยบายและแผนระดับชาติเพื่อขจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้ายปี พ.ศ. 2558-2563 ซึ่งทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่าการเขียนร่างนโยบายและแผนฉบับใหม่ควรจะยึดตามนโยบายและแผนระดับชาติเพื่อขจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้ายปี พ.ศ. 2552-2557 ที่เป็นนโยบายและแผนฉบับเดิมเป็นหลักโดยมียุทธศาสตร์ เช่น การป้องกันการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้าย การช่วยเหลือและคุ้มครองแรงงานเด็กจากการทำงานในรูปแบบที่เลวร้าย การพัฒนาองค์ความรู้และสร้างเสริมศักยภาพของบุคลากรเป้าประสงค์
รองปลัด รง. กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังเห็นว่าประเด็นที่จะควรเพิ่มเติมเข้าไปในร่างนโยบายและแผนฉบับใหม่คือ 1. การจัดทำฐานข้อมูลของเด็ก เด็กทำงานและแรงงานเด็กให้ชัดเจนโดยจะต้องขอความร่วมมือจากสำนักงานสถิติแห่งชาติให้ช่วยดำเนินการสำรวจข้อมูลเหล่านี้ 2. มีการแยกงานออกจากเด็กโดยให้เด็กเล็กไปจนถึงเด็กโตที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปี ไม่เข้าไปอยู่สถานที่ทำงานอย่างเด็ดขาด เช่น ล้งกุ้ง ล้งปลา ไร่อ้อย เพื่อป้องกันการถูกกล่าวหาว่ามีการใช้แรงงานเด็กและค้ามนุษย์ ซึ่งจะต้องประสานกับสถานศึกษา องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และองค์กรเอกชนให้นำเด็กกลุ่มนี้ไปอยู่ในศูนย์เด็กเล็กและโรงเรียนระหว่างที่ผู้ปกครองทำงาน 3. การสร้างความเข้าใจและความตระหนักรู้ให้แก่ผู้ปกครองในกลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าที่ถูกกล่าวหาว่ามีการใช้แรงงานเด็กและค้ามนุษย์ เช่น อ้อย น้ำตาล สิ่งทอ กุ้ง ปลา และอาหารทะเลในเรื่องของการไม่ใช้แรงงานเด็ก และการจ้างงานเด็กที่ถูกต้องตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานโดยต้องเป็นเด็กที่อายุ 15 ปีขึ้นไป ไม่ทำงานอันตราย ผิดศีลธรรม มีผลเสียต่อสุขภาพ ร่างกายและจิตใจ และ 4. การปรับปรุงกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องในการคุ้มครองเด็กและแรงงานเด็กให้มีความทันสมัยมากขึ้น
“เชื่อว่าหากเพิ่มเติมใน 4 ประเด็นข้างต้นเข้าไป จะทำให้การดำเนินการคุ้มครองเด็กและแก้ปัญหาการใช้แรงงานเด็กสามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุดมากขึ้นเพราะรู้ว่าปัญหาอยู่ตรงไหน ขณะนี้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมีความร่วมมือกันอย่างเข้มแข็ง แต่เรายังมีปัญหาในเรื่องของข้อมูลเด็ก เด็กทำงานและแรงงานเด็ก อีกทั้งยังไม่มีการแยกเด็กเล็กจนถึงอายุต่ำกว่า 15 ปีออกจากงานอย่างเด็ดขาด หลังจากนี้กระทรวงแรงงานจะหารือกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) สภาองค์การพัฒนาเด็กและเยาวชนฯ องค์กรเอกชน ผู้ประกอบการ เพื่อร่วมกันจัดทำร่างนโยบายและแผนฉบับใหม่คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปลายปีนี้จากนั้นจะเสนอขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ เมื่อผ่านความเห็นชอบก็จะนำนโยบายและแผนนี้มาใช้ในปี พ.ศ. 2558” ม.ล.ปุณฑริก กล่าว
ม.ล.ปุณฑริก สมิติ รองปลัดกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ตนได้หารือกับหน่วยงานต่างๆ เช่น สภาองค์การพัฒนาเด็กและเยาวชน ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ไอแอลโอ) องค์กรเอกชนเกี่ยวกับการจัดทำนโยบายและแผนระดับชาติเพื่อขจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้ายปี พ.ศ. 2558-2563 ซึ่งทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่าการเขียนร่างนโยบายและแผนฉบับใหม่ควรจะยึดตามนโยบายและแผนระดับชาติเพื่อขจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้ายปี พ.ศ. 2552-2557 ที่เป็นนโยบายและแผนฉบับเดิมเป็นหลักโดยมียุทธศาสตร์ เช่น การป้องกันการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้าย การช่วยเหลือและคุ้มครองแรงงานเด็กจากการทำงานในรูปแบบที่เลวร้าย การพัฒนาองค์ความรู้และสร้างเสริมศักยภาพของบุคลากรเป้าประสงค์
รองปลัด รง. กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังเห็นว่าประเด็นที่จะควรเพิ่มเติมเข้าไปในร่างนโยบายและแผนฉบับใหม่คือ 1. การจัดทำฐานข้อมูลของเด็ก เด็กทำงานและแรงงานเด็กให้ชัดเจนโดยจะต้องขอความร่วมมือจากสำนักงานสถิติแห่งชาติให้ช่วยดำเนินการสำรวจข้อมูลเหล่านี้ 2. มีการแยกงานออกจากเด็กโดยให้เด็กเล็กไปจนถึงเด็กโตที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปี ไม่เข้าไปอยู่สถานที่ทำงานอย่างเด็ดขาด เช่น ล้งกุ้ง ล้งปลา ไร่อ้อย เพื่อป้องกันการถูกกล่าวหาว่ามีการใช้แรงงานเด็กและค้ามนุษย์ ซึ่งจะต้องประสานกับสถานศึกษา องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และองค์กรเอกชนให้นำเด็กกลุ่มนี้ไปอยู่ในศูนย์เด็กเล็กและโรงเรียนระหว่างที่ผู้ปกครองทำงาน 3. การสร้างความเข้าใจและความตระหนักรู้ให้แก่ผู้ปกครองในกลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าที่ถูกกล่าวหาว่ามีการใช้แรงงานเด็กและค้ามนุษย์ เช่น อ้อย น้ำตาล สิ่งทอ กุ้ง ปลา และอาหารทะเลในเรื่องของการไม่ใช้แรงงานเด็ก และการจ้างงานเด็กที่ถูกต้องตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานโดยต้องเป็นเด็กที่อายุ 15 ปีขึ้นไป ไม่ทำงานอันตราย ผิดศีลธรรม มีผลเสียต่อสุขภาพ ร่างกายและจิตใจ และ 4. การปรับปรุงกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องในการคุ้มครองเด็กและแรงงานเด็กให้มีความทันสมัยมากขึ้น
“เชื่อว่าหากเพิ่มเติมใน 4 ประเด็นข้างต้นเข้าไป จะทำให้การดำเนินการคุ้มครองเด็กและแก้ปัญหาการใช้แรงงานเด็กสามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุดมากขึ้นเพราะรู้ว่าปัญหาอยู่ตรงไหน ขณะนี้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมีความร่วมมือกันอย่างเข้มแข็ง แต่เรายังมีปัญหาในเรื่องของข้อมูลเด็ก เด็กทำงานและแรงงานเด็ก อีกทั้งยังไม่มีการแยกเด็กเล็กจนถึงอายุต่ำกว่า 15 ปีออกจากงานอย่างเด็ดขาด หลังจากนี้กระทรวงแรงงานจะหารือกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) สภาองค์การพัฒนาเด็กและเยาวชนฯ องค์กรเอกชน ผู้ประกอบการ เพื่อร่วมกันจัดทำร่างนโยบายและแผนฉบับใหม่คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปลายปีนี้จากนั้นจะเสนอขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ เมื่อผ่านความเห็นชอบก็จะนำนโยบายและแผนนี้มาใช้ในปี พ.ศ. 2558” ม.ล.ปุณฑริก กล่าว