“มณฑล” ยอมรับโดนวิจารณ์สวมหัวโขนทั้ง อธิการบดีและประธานบอร์ด สมศ. แจงได้รับการสรรหาสมัย “พงศ์เทพ” อดีต รมว.ศึกษาฯ ทั้ง ผอ.สมศ. ขอร้องให้มาช่วยงาน ยันทำงานด้วยความบริสุทธิ์ใจ
ศ.ดร.มณฑล สงวนเสริมศรี อธิการบดีมหาวิทยาลัยพะเยา ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) ให้สัมภาษณ์กรณีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่เป็นประธานบอร์ด สมศ.ควบคู่กับการเป็นผู้บริหารมหาวิทยาลัย อาจมีส่วนได้ส่วนเสียต่อการประเมินผลสถาบันการศึกษาว่า ตนได้รับการสรรหาและคัดเลือกจากนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีต รมว.ศึกษาธิการ ทั้งได้รับการร้องขอจาก ศ.ดร.ชาญณรงค์ พรรุ่งโรจน์ ผอ.สมศ. ให้ช่วยงานในตำแหน่งประธานบอร์ด สมศ.ซึ่งขณะนี้ดำรงตำแหน่งแล้ว 1 ปี ที่ผ่านมายอมรับว่ามีเสียงสะท้อนกลับบ้าง ซึ่งตนก็รับฟังทุกความเห็น แต่การทำงานในจุดนี้ ตนทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ เพื่อนำความคิดเห็น การปฏิบัติได้จริงของมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยต่างจังหวัด ซึ่งเสียเปรียบมหาวิทยาลัยในส่วนกลาง เข้าสู่ที่ประชุม สมศ.
“ข้อดีของการเป็นประธานบอร์ด สมศ.คือ จะทำให้รู้ว่าปัญหาของมหาวิทยาลัยอยู่ไหน และพยายามนำข้อปรับปรุงของมหาวิทยาลัยเข้าสู่การประเมินเป็นหลัก ทั้งรู้ความต้องการของภาคเอกชน ซึ่งต้องการรับแต่เด็กเก่งๆเข้าทำงาน แต่ไม่รู้ปัญหาที่แท้จริงของมหาวิทยาลัยว่า เรามีความหลากหลาย ไม่ใช่เก่งแต่ภาคทฤษฎีอย่างเดียว แต่ต้องฝึกงานภาคปฏิบัติด้วย แต่ยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องประเมินเลย แต่มุ่งที่จะพัฒนาด้วย ผมก็คิดว่าการเป็นประธานบอร์ดกับบทบาทของอธิการบดี ก็คงต้องมีคนตั้งคำถาม ซึ่งผมก็คิดแบบนั้น และพยายามคุยกับ ผอ.สมศ. และขอลาออกอยู่ทุกวัน แต่ ผอ.สมศ. ก็ขอให้ผมช่วยงาน ซึ่งผมก็ทำงานด้วยความบริสุทธิ์ใจ” ศ.ดร.มณฑล กล่าว
ศ.ดร.มณฑล สงวนเสริมศรี อธิการบดีมหาวิทยาลัยพะเยา ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) ให้สัมภาษณ์กรณีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่เป็นประธานบอร์ด สมศ.ควบคู่กับการเป็นผู้บริหารมหาวิทยาลัย อาจมีส่วนได้ส่วนเสียต่อการประเมินผลสถาบันการศึกษาว่า ตนได้รับการสรรหาและคัดเลือกจากนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีต รมว.ศึกษาธิการ ทั้งได้รับการร้องขอจาก ศ.ดร.ชาญณรงค์ พรรุ่งโรจน์ ผอ.สมศ. ให้ช่วยงานในตำแหน่งประธานบอร์ด สมศ.ซึ่งขณะนี้ดำรงตำแหน่งแล้ว 1 ปี ที่ผ่านมายอมรับว่ามีเสียงสะท้อนกลับบ้าง ซึ่งตนก็รับฟังทุกความเห็น แต่การทำงานในจุดนี้ ตนทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ เพื่อนำความคิดเห็น การปฏิบัติได้จริงของมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยต่างจังหวัด ซึ่งเสียเปรียบมหาวิทยาลัยในส่วนกลาง เข้าสู่ที่ประชุม สมศ.
“ข้อดีของการเป็นประธานบอร์ด สมศ.คือ จะทำให้รู้ว่าปัญหาของมหาวิทยาลัยอยู่ไหน และพยายามนำข้อปรับปรุงของมหาวิทยาลัยเข้าสู่การประเมินเป็นหลัก ทั้งรู้ความต้องการของภาคเอกชน ซึ่งต้องการรับแต่เด็กเก่งๆเข้าทำงาน แต่ไม่รู้ปัญหาที่แท้จริงของมหาวิทยาลัยว่า เรามีความหลากหลาย ไม่ใช่เก่งแต่ภาคทฤษฎีอย่างเดียว แต่ต้องฝึกงานภาคปฏิบัติด้วย แต่ยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องประเมินเลย แต่มุ่งที่จะพัฒนาด้วย ผมก็คิดว่าการเป็นประธานบอร์ดกับบทบาทของอธิการบดี ก็คงต้องมีคนตั้งคำถาม ซึ่งผมก็คิดแบบนั้น และพยายามคุยกับ ผอ.สมศ. และขอลาออกอยู่ทุกวัน แต่ ผอ.สมศ. ก็ขอให้ผมช่วยงาน ซึ่งผมก็ทำงานด้วยความบริสุทธิ์ใจ” ศ.ดร.มณฑล กล่าว