คาดอีก 1-2 วันรู้ผลสอบข้อเท็จจริง ผอ.ร.ร. แอบสอบครูผู้ช่วย “จาตุรนต์” ชี้แนวโน้มอาจต้องสอบสวนทางวินัย ระบุข้ออ้างว่าอยากดูแนวข้อสอบฟังไม่ขึ้น ย้ำโดยจรรยาบรรณและยังเป็น ผอ.ร.ร. ไม่ควรมาสอบ ขณะที่ “อภิชาติ” เซ็นคำสั่งตั้ง กก.สืบสวนข้อเท็จจริง “พิทักษ์-ชุมพล-ธนกฤต” เพราะทั้ง 3 อยู่คนละเขตพื้นที่ฯ มีข้อจำกัดไม่สามารถสอบข้ามเขตพื้นที่ฯ ได้ เผยนิติกรเตรียมลงพื้นที่เก็บข้อมูลพรุ่งนี้ แจงขึ้นแบล็กลิสต์ 9 รายจากบุรีรัมย์สอบที่มหาชัยไม่ได้ แต่จะจับตาว่าจะไปสอบที่ใด
กรณีการสอบแข่งขันคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเข้ารับราชการในตำแหน่งครูผู้ช่วย กรณีทั่วไป ครั้งที่ 1 พ.ศ. 2557 ใน 89 เขตพื้นที่การศึกษา และ 1 สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ (สศศ.) ที่ได้สอบไปแล้วระหว่างวันที่ 19-20 เมษายน และในการสอบพบว่า นายพิทักษ์ ศุภเลิศ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหนองไทร สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) บุรีรัมย์ เขต 1 นายชุมพล ศุภเลิศ ข้าราชการครูโรงเรียนเมืองแฝกพิทยาคม สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) เขต 32 บุรีรัมย์ และนายธนกฤต ศุภเลิศ ครูโรงเรียนบ้านหนองกระทุ่ม สพป.บุรีรัมย์ เขต 4 เข้าสอบแข่งขันครูผู้ช่วยด้วย ซึ่งล่าสุดทั้ง 3 รายได้ถูก ผอ.เขตพื้นที่ฯ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง โดยในส่วนของ นายพิทักษ์ ได้แจ้งกับ ผอ.สพป.บุรีรัมย์ เขต 1 ว่าเข้าไปสอบเพื่อต้องการดูแนวข้อสอบ ขณะเดียวกันก็มีผู้ให้ข้อมูลว่านายพิทักษ์ เป็นติวเตอร์สอบครูผู้ช่วย ใช้ชื่อว่า “ติวเตอร์แอ๊ด ลำปลายมาศ” ขณะที่ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เตรียมจะตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงในภาพรวมขึ้นมาอีก 1 ชุดด้วย
ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (22 เม.ย.) นายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ทาง สพฐ. รายงานความคืบหน้าเหตุต้องสงสัยกรณีว่าอยู่ระหว่างการสอบสวน คาดว่าภายใน 1-2 วันนี้จะได้ข้อสรุป ว่าจะต้องสอบวินัยหรือไม่ ซึ่งแนวโน้มน่าจะต้องมีการสอบสวนวินัย ทั้งนี้ กรณีที่มีผู้ให้ข้อมูลว่า นายพิทักษ์ เป็นติวเตอร์และให้เหตุผลในการไปเข้าสอบครั้งนี้ว่า เป็นการเข้าไปดูข้อสอบเท่านั้น โดยหลักการ การไปสอบโดยไม่ได้ขออนุญาตเขตพื้นที่ฯ ต้นสังกัด ก็ถือว่ามีความผิดอยู่แล้ว ยิ่งไปสอบทั้งๆ ที่ตนเองเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนอยู่แล้ว ยิ่งไม่เป็นเหตุเป็นผล และส่อไปในทางทุจริต เสื่อมเสียชื่อเสียง เป็นปัญหาทางวินัยอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่เป็นติวเตอร์แล้วมาสอบจะสามารถทำได้หรือไม่ รวมถึงหากเข้าไปดูแนวข้อสอบจริงๆ ตามที่กล่าวอ้างจะถือว่ามีความผิดหรือไม่ นายจาตุรนต์ กล่าวว่า โดยจรรยาบรรณ ถ้าตนเองเป็นผู้อำนวยการโรงเรียน ก็ไม่น่าจะมาสอบ ต้องหาวิธีการอื่นๆ มากกว่าที่จะใช้วิธีเข้าไปสอบ เพื่อข้อดูข้อสอบ เหตุผลไม่น่าจะฟังขึ้น ลำพังการดูข้อสอบเฉยๆ ไม่ผิด แต่ต้องดูพฤติกรรมอื่นประกอบด้วย ส่วนว่าจะมีความผิดถึงขั้นไหน ตรงนี้ต้องดูข้อเท็จจริงประกอบด้วย บังเอิญว่ากรณีนี้กรรมการคุมสอบรู้ก่อน จับได้ก่อน ความผิดบางอย่างจึงอาจจะยังไม่เกิดขึ้น ในส่วนผู้เข้าสอบจาก จ.บุรีรัมย์ 9 คน ที่เดินทางไปสอบพร้อมกับนายพิทักษ์ จะส่อเจตนาทุจริตหรือไม่ต้องรอฟังผลการสอบสวนข้อเท็จจริงก่อน ซึ่งระหว่างนี้เขตพื้นที่ฯ ได้เรียกเข้ามาสอบสวนแล้ว แต่เบื้องต้นเห็นไปในทางคล้ายกันว่า ทำให้เกิดความเสียหายและเป็นปัญหาถึงขั้นวินัย ทั้งนี้ เท่าที่ตนเป็นประธานคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) และดูเรื่องวินัยมาบ้าง พอจะทราบว่า ความผิดทางวินัยไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องเดียวกับความผิดอาญากรณี ที่ทำให้เกิดความเสื่อมเสีย มีลักษณะไม่ชอบด้วยจรรยาบรรณ น่าจะเข้าข่ายวินัย ส่วนการดำเนินการทางอาญา กรรมการต้องดูข้อเท็จจริงและองค์ประกอบว่าเข้าข่ายความผิดอาญาหรือไม่
ด้าน นายอภิชาติ จีระวุฒิ เลขาธิการ กพฐ. กล่าวว่า ตนได้ลงนามในคำสั่ง สพฐ. แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง นายพิทักษ์ นายชุมพล และนายธนกฤต แล้ว โดยในวันพรุ่งนี้ (23 เม.ย.) นิติกรของ สพฐ. จะลงพื้นที่เก็บข้อมูล โดยสาเหตุที่ สพฐ. ต้องตั้งคณะกรรมการสืบสวนฯขึ้นมานั้น เนื่องจากเหตุเกิดคนละเขตพื้นที่อาจอยู่นอกเหนืออำนาจเขตพื้นที่ต้นสังกัด ที่จะดำเนินการสืบสวน รวมทั้งเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาได้มีโอกาสชี้แจง และส่งพยานหลักฐานเข้ามาซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาไม่นานในการสืบสวนข้อเท็จจริง และหลังจากนั้นจะนำผลการสืบสวนมาพิจารณา เพื่อนำไปสู่การตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยต่อไป ส่วนการดำเนินคดีทางอาญานั้นก็ต้องรอผลการสืบสวนข้อเท็จจริงว่ามีเจตนาปกปิดข้อมูลอันสำคัญในการยื่นสมัครสอบ ซึ่งจะต้องไปดูแนวทางคำพิพากษาของศาลฎีกาว่ากรณีนี้เป็นความผิดทางอาญาหรือไม่ รวมทั้งจะให้มีการสอบปากคำผู้เข้าสอบจากจังหวัดบุรีรัมย์ที่เข้าสอบในสนามสอบเดียวกันด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้เข้าสอบ 9 คนที่มาจากจังหวัดบุรีรัมย์และได้เข้าสอบที่ สพป.สมุทรสาคร จะถูกขึ้นแบล็กลิสต์เพื่อไม่ให้เข้าสอบครูผู้ช่วยครั้งต่อไปหรือไม่ นายอภิชาติ กล่าวว่า คงไม่สามารถขึ้นแบล็กลิสต์ได้ เพราะไม่มีระเบียบในเรื่องนี้ อีกทั้งทราบว่าคนกลุ่มนี้มาสอบแค่วันแรกเท่านั้นก็ถือว่าตกไป แต่ สพฐ.สามารถระแวดระวังหากคนกลุ่มนี้ไปสมัครสอบที่ใด เนื่องจากมีเลขบัตรประชาชน 13 หลักที่สามารถติดตามตัวได้ง่ายขึ้น
กรณีการสอบแข่งขันคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเข้ารับราชการในตำแหน่งครูผู้ช่วย กรณีทั่วไป ครั้งที่ 1 พ.ศ. 2557 ใน 89 เขตพื้นที่การศึกษา และ 1 สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ (สศศ.) ที่ได้สอบไปแล้วระหว่างวันที่ 19-20 เมษายน และในการสอบพบว่า นายพิทักษ์ ศุภเลิศ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหนองไทร สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) บุรีรัมย์ เขต 1 นายชุมพล ศุภเลิศ ข้าราชการครูโรงเรียนเมืองแฝกพิทยาคม สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) เขต 32 บุรีรัมย์ และนายธนกฤต ศุภเลิศ ครูโรงเรียนบ้านหนองกระทุ่ม สพป.บุรีรัมย์ เขต 4 เข้าสอบแข่งขันครูผู้ช่วยด้วย ซึ่งล่าสุดทั้ง 3 รายได้ถูก ผอ.เขตพื้นที่ฯ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง โดยในส่วนของ นายพิทักษ์ ได้แจ้งกับ ผอ.สพป.บุรีรัมย์ เขต 1 ว่าเข้าไปสอบเพื่อต้องการดูแนวข้อสอบ ขณะเดียวกันก็มีผู้ให้ข้อมูลว่านายพิทักษ์ เป็นติวเตอร์สอบครูผู้ช่วย ใช้ชื่อว่า “ติวเตอร์แอ๊ด ลำปลายมาศ” ขณะที่ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เตรียมจะตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงในภาพรวมขึ้นมาอีก 1 ชุดด้วย
ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (22 เม.ย.) นายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ทาง สพฐ. รายงานความคืบหน้าเหตุต้องสงสัยกรณีว่าอยู่ระหว่างการสอบสวน คาดว่าภายใน 1-2 วันนี้จะได้ข้อสรุป ว่าจะต้องสอบวินัยหรือไม่ ซึ่งแนวโน้มน่าจะต้องมีการสอบสวนวินัย ทั้งนี้ กรณีที่มีผู้ให้ข้อมูลว่า นายพิทักษ์ เป็นติวเตอร์และให้เหตุผลในการไปเข้าสอบครั้งนี้ว่า เป็นการเข้าไปดูข้อสอบเท่านั้น โดยหลักการ การไปสอบโดยไม่ได้ขออนุญาตเขตพื้นที่ฯ ต้นสังกัด ก็ถือว่ามีความผิดอยู่แล้ว ยิ่งไปสอบทั้งๆ ที่ตนเองเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนอยู่แล้ว ยิ่งไม่เป็นเหตุเป็นผล และส่อไปในทางทุจริต เสื่อมเสียชื่อเสียง เป็นปัญหาทางวินัยอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่เป็นติวเตอร์แล้วมาสอบจะสามารถทำได้หรือไม่ รวมถึงหากเข้าไปดูแนวข้อสอบจริงๆ ตามที่กล่าวอ้างจะถือว่ามีความผิดหรือไม่ นายจาตุรนต์ กล่าวว่า โดยจรรยาบรรณ ถ้าตนเองเป็นผู้อำนวยการโรงเรียน ก็ไม่น่าจะมาสอบ ต้องหาวิธีการอื่นๆ มากกว่าที่จะใช้วิธีเข้าไปสอบ เพื่อข้อดูข้อสอบ เหตุผลไม่น่าจะฟังขึ้น ลำพังการดูข้อสอบเฉยๆ ไม่ผิด แต่ต้องดูพฤติกรรมอื่นประกอบด้วย ส่วนว่าจะมีความผิดถึงขั้นไหน ตรงนี้ต้องดูข้อเท็จจริงประกอบด้วย บังเอิญว่ากรณีนี้กรรมการคุมสอบรู้ก่อน จับได้ก่อน ความผิดบางอย่างจึงอาจจะยังไม่เกิดขึ้น ในส่วนผู้เข้าสอบจาก จ.บุรีรัมย์ 9 คน ที่เดินทางไปสอบพร้อมกับนายพิทักษ์ จะส่อเจตนาทุจริตหรือไม่ต้องรอฟังผลการสอบสวนข้อเท็จจริงก่อน ซึ่งระหว่างนี้เขตพื้นที่ฯ ได้เรียกเข้ามาสอบสวนแล้ว แต่เบื้องต้นเห็นไปในทางคล้ายกันว่า ทำให้เกิดความเสียหายและเป็นปัญหาถึงขั้นวินัย ทั้งนี้ เท่าที่ตนเป็นประธานคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) และดูเรื่องวินัยมาบ้าง พอจะทราบว่า ความผิดทางวินัยไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องเดียวกับความผิดอาญากรณี ที่ทำให้เกิดความเสื่อมเสีย มีลักษณะไม่ชอบด้วยจรรยาบรรณ น่าจะเข้าข่ายวินัย ส่วนการดำเนินการทางอาญา กรรมการต้องดูข้อเท็จจริงและองค์ประกอบว่าเข้าข่ายความผิดอาญาหรือไม่
ด้าน นายอภิชาติ จีระวุฒิ เลขาธิการ กพฐ. กล่าวว่า ตนได้ลงนามในคำสั่ง สพฐ. แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง นายพิทักษ์ นายชุมพล และนายธนกฤต แล้ว โดยในวันพรุ่งนี้ (23 เม.ย.) นิติกรของ สพฐ. จะลงพื้นที่เก็บข้อมูล โดยสาเหตุที่ สพฐ. ต้องตั้งคณะกรรมการสืบสวนฯขึ้นมานั้น เนื่องจากเหตุเกิดคนละเขตพื้นที่อาจอยู่นอกเหนืออำนาจเขตพื้นที่ต้นสังกัด ที่จะดำเนินการสืบสวน รวมทั้งเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาได้มีโอกาสชี้แจง และส่งพยานหลักฐานเข้ามาซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาไม่นานในการสืบสวนข้อเท็จจริง และหลังจากนั้นจะนำผลการสืบสวนมาพิจารณา เพื่อนำไปสู่การตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยต่อไป ส่วนการดำเนินคดีทางอาญานั้นก็ต้องรอผลการสืบสวนข้อเท็จจริงว่ามีเจตนาปกปิดข้อมูลอันสำคัญในการยื่นสมัครสอบ ซึ่งจะต้องไปดูแนวทางคำพิพากษาของศาลฎีกาว่ากรณีนี้เป็นความผิดทางอาญาหรือไม่ รวมทั้งจะให้มีการสอบปากคำผู้เข้าสอบจากจังหวัดบุรีรัมย์ที่เข้าสอบในสนามสอบเดียวกันด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้เข้าสอบ 9 คนที่มาจากจังหวัดบุรีรัมย์และได้เข้าสอบที่ สพป.สมุทรสาคร จะถูกขึ้นแบล็กลิสต์เพื่อไม่ให้เข้าสอบครูผู้ช่วยครั้งต่อไปหรือไม่ นายอภิชาติ กล่าวว่า คงไม่สามารถขึ้นแบล็กลิสต์ได้ เพราะไม่มีระเบียบในเรื่องนี้ อีกทั้งทราบว่าคนกลุ่มนี้มาสอบแค่วันแรกเท่านั้นก็ถือว่าตกไป แต่ สพฐ.สามารถระแวดระวังหากคนกลุ่มนี้ไปสมัครสอบที่ใด เนื่องจากมีเลขบัตรประชาชน 13 หลักที่สามารถติดตามตัวได้ง่ายขึ้น
