สพฐ. จ่อตั้ง กก. สอบข้อเท็จจริง ผอ.ร.ร. และ 2 ครู โผล่สอบครูผู้ช่วย ชัดเจนราย ผอ. เป็นติวเตอร์ พบรายงานอ้างอยากเห็นแนวข้อสอบ ขณะที่ “จาตุรนต์” สั่งตรวจสอบพฤติกรรมมีเอี่ยวกับอีก 9 คนที่ไปสอบที่เดียวกันหรือไม่ ไม่ฟังธงสั่งพักราชการระบุขอดูข้อเท็จจริงก่อน
วันนี้ (21 เม.ย.) นายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยกรณีการจัดสอบแข่งขันคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเข้ารับราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วยกรณีทั่วไปครั้งที่ 1/ 2557 ใน 89 เขตพื้นที่การศึกษาและสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ (สศศ.) รวม 90 เขต ตำแหน่งว่าง 1,888 อัตรา โดยสอบภาค ก และ ข พร้อมกันทั่วประเทศระหว่างวันที่ 19-20 เม.ย. ที่ผ่านมา ว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้สรุปรายงานว่าการสอบครูผู้สมัครสอบ มีผู้สมัครสอบทั้งสิ้น 104,066 คน ใน 40 สาขาวิชาเอก มีผู้เข้าสอบ 91,577 คน คิดเป็น 88% ขาดสอบ 12,489 คน คิดเป็น 12% ทั้งนี้ ผู้ที่ขาดสอบอาจเป็นเพราะสมัครสอบหลายที่แต่เลือกสอบเพียงที่เดียว หรือบางคนยังไม่มีความพร้อมที่จะสอบ ซึ่งขณะนี้ไม่มีรายงานเรื่องการทุจริตเพิ่มเติม และ สพฐ. แจ้งว่า กำลังตรวจสอบข้อมูลกรณีของผู้ที่สมัครสอบมากกว่า 1 เขตพื้นที่ฯว่ามีกี่ราย และมีการไปสอบมากกว่า 1 ที่หรือไม่ หากพบว่ามีจะต้องไปดูข้อเท็จจริงว่ามีคนรู้เห็นเป็นใจหรือไม่และมีใครไปสอบ หากพบก็ต้องดำเนินการทันที อย่างไรก็ตาม เขตพื้นที่ฯ เริ่มทยอยประกาศผลสอบแล้ว แต่ส่วนใหญ่จะประกาศภายในวันที่ 24 เม.ย. เพื่อสอบสัมภาษณ์วันที่ 27 เม.ย. และประกาศผลวันที่ 2 พ.ค. นี้
นายจาตุรนต์ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่ นายพิทักษ์ ศุภเลิศ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหนองไทร ต.ลุมปุ๊ก อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ เข้าสอบที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) สมุทรสาคร และนายชุมพล ศุภเลิศ ครูโรงเรียนเมืองแฝกพิทยาคม สพป.บุรีรัมย์ เขต1 ซึ่งเป็นน้องชายของนายพิทักษ์ เข้าสอบที่ สพป.นนทบุรี เขต 1 จะต้องมีการตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เนื่องจากพฤติกรรมของ ผอ. โรงเรียน อาจมีความเกี่ยวโยงกับผู้เข้าสอบจาก จ.บุรีรัมย์ 9 รายที่มาสอบที่ สพป.สมุทรสาครเช่นเดียวกัน และมีชื่อซ้ำกันเขตพื้นที่อื่นด้วย ซึ่งกรณีนี้ส่อเจตนาไม่สุจริตชัดเจนโดยเฉพาะกรณี ผอ. โรงเรียนมาสอบเพื่อเป็นครูผู้ช่วย เป็นเรื่องที่ผิดปกติซึ่งหากพบว่าส่อทุจริตจริงก็ต้องตั้งกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง
“จะให้พักราชการ ผอ. โรงเรียนไว้ก่อนหรือไม่นั้น ต้องดูข้อเท็จจริงประกอบกันก่อน หากพบว่าการสืบข้อเท็จจริงว่าส่อไปในทางทุจริตก็ต้องมีการสอบวินัยอย่างแน่นอน และยังไม่มีการยกเลิกการสอบที่ สพป. สมุทรสาคร เพราะถือว่ากรณีนี้เกี่ยวข้องกับผู้เข้าสอบแค่ 9 คนและทราบว่า ทั้งนายพิทักษ์และทั้ง 9 คน ก็ไมได้เข้าสอบภาค ข เมื่อวันที่ 20 เม.ย. ที่ผ่านมา ยังไม่เป็นกรณีข้อสอบรั่วเหมือนการสอบครูผู้ช่วยครั้งที่ผ่านมา และ สพฐ. ตรวจสอบพบเหตุตั้งแต่แรกสามารถแก้ไขได้ทัน ไม่ทำให้การสอบเกิดความไม่เป็นธรรม” นายจาตุรนต์ กล่าว
นายสุพจน์ เจียมใจ ผอ.สพป.บุรีรัมย์ เขต 1 กล่าวว่า ตนได้คณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงกรณีที่ นายพิทักษ์ ผอ.โรงเรียนบ้านหนองไทร สังกัด สพป.บุรีรัมย์ เขต 1ไปสอบครูผู้ช่วยกรณีทั่วไปที่สพป.สมุทรสาครแล้ว และวันนี้กรรมการสืบข้อเท็จจริงได้ลงพื้นที่ไปหาพยานหลักฐานแวดล้อมและสอบถามกรรมการคุมสอบ กรรมการรับสมัครสอบที่ สพป.สมุทรครสาครด้วย ซึ่งการสืบข้อเท็จจริงจะต้องไปดูเจตนาในการไปสมัครสอบของนายพิทักษ์ ว่ามีเหตุจูงใจอะไรจึงไปสอบ ทั้งๆ ที่เป็น ผอ. โรงเรียน ซึ่งหากพิจารณาแล้วเห็นว่าไม่มีเหตุผลที่จะต้องไปสอบและได้ข้อสรุปว่ามีมูลที่ต้องสอบสวนทางวินัยก็จะต้องมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยต่อไปโดยคาดว่าใช้เวลาประมาณ 1-2 วันจะได้ข้อสรุป
ผอ.สพป.บุรีรัมย์ เขต 1 กล่าวต่อว่า เบื้องต้นตนได้โทรศัพท์คุยถึงเหตุผลในการไปสอบกับ นายพิทักษ์ แต่ได้รับคำตอบเพียงว่าต้องการไปดูแนวข้อสอบเท่านั้น แต่ก็มีผู้ให้ข้อมูลว่า ผอ. โรงเรียนคนนี้เปิดติวสอบครูผู้ช่วยด้วย แต่ทั้งหมดนี้จะต้องมีการสืบข้อเท็จจริงกันต่อไป ซึ่งน่าจะต้องมีการสอบปากคำ นายพิทักษ์ ด้วย ส่วนกรณีที่ไปสมัครสอบโดยไม่ได้ขออนุญาตเขตพื้นที่ฯ ตามระเบียบทางราชการนั้นถือว่ามีความผิดทางวินัย แต่เป็นความผิดเล็กน้อยฐานไม่ปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนทางราชการ
ด้าน นางภานิชา อินทร์ช้าง รอง ผอ.สพป.บุรีรัมย์ เขต 4 รักษาการ ผอ.สพป.บุรีรัมย์เขต 4 กล่าวว่าตอนนี้ตนได้ตั้งคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงนายธนกฤต ศุภเลิศ ครูโรงเรียนบ้านหนองกระทุ่ม สังกัด สพป.บุรีรัมย์ เขต 4 กรณีที่ไปสอบครูผู้ช่วยโดยไม่ได้มีการขออนุญาตจากเขตพื้นที่ฯตามระเบียบของทางราชการ รวมถึงเหตุผลของการไปสอบในคราวนี้ด้วย ซึ่งเบื้องต้นนายธนกฤษให้เหตุผลว่่าไปสอบเพื่อดูแนวข้อสอบไว้ให้ลูกหลานเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้จะต้องรอให้คณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงสรุปผลออกมาว่าจะเป็นเช่นไร
นายกิตติ บุญเชิด ผอ.สพม.เขต 32 กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง กรณีที่นายชุมพล ศุภเลิศ ครูโรงเรียนเมืองแฝกพิทยาคม สังกัด สพม. บุรีรัมย์ เขต 32 แล้ว ไปสอบครูผู้ช่วย ที่จังหวัดนนทบุรี และจะดำเนินการสืบสวนในวันที่ 22 เมษายนทันที
ขณะที่ นายพิศุทธิ์ วีระจิตต์ ผอ.สพป.สมุทรสาคร กล่าวว่า ขณะนี้ได้จัดทำรายงานส่งมายัง นายอภิชาติ จีระวุฒิ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) โดยชี้แจงตามข้อเท็จจริงและข้อมูลส่วนตัวจากเอกสารหลักฐานที่ นายพิทักษ์ และ นายชุมพล นำมายื่นสมัครสอบ อาทิ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน วุฒิการศึกษาที่จบ เป็นต้น และได้ชี้แจงว่าในการสมัครสอบดังกล่าวทั้ง 2 รายระบุในใบสมัครว่าประกอบอาชีพอื่นๆ ไม่ได้แสดงตนว่าเป็นข้าราชการ ทั้งนี้ ก่อนหน้าวันสอบเพียง 1 วัน เพิ่งได้ข้อมูลว่าทั้ง 2 รายเป็น ผอ. โรงเรียนและข้าราชการครู ซึ่งในวันสอบวันแรกวันที่ 19 เม.ย. ปรากฏว่า นายพิทักษ์ เดินทางมาสอบเพียงคนเดียว ซึ่งทางเขตพื้นที่ฯ ได้สั่งให้คณะกรรมการคุมสอบนั่งประกบ นายพิทักษ์ ตลอดการสอบเพื่อป้องกันเหตุที่อาจจะมีการกระทำที่ส่อไปในทางทุจริตการสอบ และในพื้นที่มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดก็มีการเฝ้าสังเกตการณ์ รวมถึงกำชับให้จับตาพฤติกรรมของผู้เข้าสอบอีก 9 คนที่มาจาก จ.บุรีรัมย์ ซึ่งมาสอบที่เขตพื้นที่ฯ ด้วย ส่วน นายชุมพล แม้จะมีชื่อเข้าสอบแต่ไม่มาสอบทราบว่าไปสอบที่ สพป.นนทบุรี เขต 1
“ถ้ามองมิติทางสังคมก็เป็นเรื่องที่แปลก และต้องมองว่ามีเจตนาอะไรที่จะมาสอบครูผู้ช่วยทั้งที่ก็มีตำแหน่งเป็น ผอ.โรงเรียนอยู่แล้ว ซึ่งเมื่อรู้เรื่องก็วางมาตรการให้กรรมการคุมสอบ 1 คน นั่งประกบตลอดการสอบ อีกทั้งเราใช้ข้อสอบที่ออกโดยมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต (มสด.) ซึ่งเป็นลักษณะคู่ขนาน สลับข้อสอบ สลับคำตอบ และในกระดาษคำตอบก็พิมพ์ชื่อของผู้เข้าสอบเพราะฉะนั้นพฤติกรรมในลักษณะการส่งสัญญาณ หรือสวมรอยเข้าสอบจึงไม่เกิดขึ้นแน่นอน อย่างไรก็ตาม ผมได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทำสถิติจำแนกผู้เข้าสอบที่มาจากพื้นที่ภาคอีสานโดยเฉพาะจากจ.บุรีรัมย์ ว่ามีกี่รายเพื่อเป็นข้อมูลประกอบ ในส่วนของผอ.โรงเรียน จะต้องสอบอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ต้องรอให้ นายอภิชาติ สั่งการอีกครั้งหนึ่ง” นายพิศุทธิ์ กล่าว
เย็นวันเดียวกัน นายอภิชาติ กล่าว่า ได้รับรายงานจาก ผอ.สพป.สมุทรสาคร และ ผอ.สพป.นนทบุรี เขต 1 แล้ว โดยสพป.สมุทรสาคร นายพิทักษ์ไปสอบภาค ก เพียงวันเดียว ส่วนที่ สพป.นนทบุรี เขต 1 นายชุมพล และนายธนกฤตไปสอบครบทั้ง 2 วัน ซึ่งเท่าที่ทราบไม่ได้มีการขออนุญาตจากผู้บังคับบัญชา และมีการสมัครสอบซ้ำ 2-3 สนามสอบ ซึ่งต้นสังกัดของทั้ง 3 คนได้ตั้งกรรมการสืบข้อเท็จจริงแล้ว อย่างไรก็ตามการตั้งกรรมการสืบข้อเท็จจริงของเขตพื้นที่จะไม่สามารถสอบข้ามเขตได้ ดังนั้น สพฐ. จึงจะสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนเองเพื่อให้สามารถสอบได้ครอบคลุมทั้งหมด โดยตนได้มอบหมายให้สำนักพัฒนาระบบริหารงานบุคคลและนิติการ (สพร.) ของสพฐ.ไปตรวจสอบรายงานที่ทั้ง 2 เขตเสนอมา หากเห็นว่ามีเหตุผลเพียงพอก็จะสั่งตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยทันที โดยไม่ต้องรอผลการสืบข้อเท็จจริงที่ทางเขตพื้นที่ตั้งขึ้น
“หลังเรื่องนี้ตกเป็นข่าวก็มีคนโทรศัพท์เข้ามาแจ้งเบาะแสว่านายพิทักษ์เป็นติวเตอร์ โดยใช้ชื่อว่า ติวเตอร์แอ๊ด ลำปลายมาศ และที่นามสกุลเดียวกันก็ไม่แน่ใจว่าเป็นพี่น้องร่วมพ่อ แม่เดียวกันหรืออาจเป็นแค่ญาติกัน ซึ่งเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการสอบสวนที่ต้องไปตรวจสอบต่อไป” เลขาธิการ กพฐ. กล่าวและว่า นอกจากนี้ได้ให้ สพร. ไปตรวจสอบด้วยว่ามีผู้อำนวยการโรงเรียนและครูไปกระทำการในลักษณะเดียวกันนี้ในพื้นที่อื่นอีกหรือไม่ เพราะไม่แน่ใจว่าจะมีเพียงแค่ 2 เขตนี้เท่านั้น อย่างไรก็ตามเท่าที่ได้รับรายงานจาก 60 เขตพื้นที่ที่เปิดสอบ พบว่าไม่มีรายชื่อผู้ไปสอบซ้ำในเขตอื่นเหมือนการสอบครูผู้ช่วยกรณีพิเศษเหมือนที่ผ่านมา