xs
xsm
sm
md
lg

อันตราย! หน่อไม้ต้มบรรจุถุงพบปนเปื้อนเชื้ออีกแล้ว ชี้พิษรุนแรงถึงขั้นตาย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พบหน่อไม้ต้มบรรจุถุงปนเปื้อนเชื้อโบทูลินัมอีกแล้ว สธ. ระบุมีผู้ป่วย 4 ราย เผยพิษรุนแรงทำให้กล้ามเนื้อเป็นอัมพาต อ่อนแรง หยุดหายใจได้ แนะก่อนกินต้องต้มซ้ำให้เดือดนาน 15 นาที เตือนน้ำแช่มีฟอง กลิ่นเหม็น อย่าชิมเด็ดขาด ให้ฝังดินทำลาย
แฟ้มภาพ
นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า สำนักระบาดวิทยา พบผู้ป่วยมีอาการอาหารเป็นพิษรุนแรง หลังกินหน่อไม้ลวกต้มบรรจุถุงปนเปื้อนสารพิษโบทูลินัม จำนวน 4 ราย จากการสอบสวนโรคพบว่าผู้ป่วย 4 รายนี้ ได้รับประทานหน่อไม้ลวกต้มบรรจุถุง ซึ่งญาติที่อยู่บ้านหนองแวง อ.หนองบัวแดง จ.ชัยภูมิ ทำส่งมาให้ โดยพบหน่อไม้มีรสชาติเปลี่ยน สากลิ้น น้ำแช่หน่อไม้ในถุงเป็นฟอง มีกลิ่นเหม็นรุนแรง และพบว่ายังได้ส่งหน่อไม้ชุดเดียวกันนี้ให้ญาติที่ อ.เกษตรสมบูรณ์ จ.ชัยภูมิ หนองบัวลำภู สระแก้ว และชลบุรีด้วย จึงสั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ชัยภูมิ ให้คำแนะนำและทำลายหน่อไม้ชุดที่มีการปนเปื้อนทั้งหมด และเผยแพร่ความรู้แก่ประชาชนในการกินหน่อไม้ต้มบรรจุปี๊บ หรือถุงให้ปลอดภัย

ด้าน นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า เชื้อคลอสทรีเดียมโบทูลินูม (Clostridium botulinum) พบทั่วไปในธรรมชาติ ทั้งในดิน ห้วย หนอง คลองบึง ทะเล เป็นต้น มักพบในสัตว์ที่หากินในสถานที่เหล่านี้ และในพืชผักที่ปลูกในดิน เชื้อจะสร้างสปอร์ซึ่งทนความแห้งแล้งได้ดี และปะปนมากับอาหารแห้ง เช่น เครื่องเทศ แป้ง เป็นต้น เชื้อโรคนี้จะปล่อยสารพิษที่มีชื่อว่าโบทูลินัมที่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค 4 ชนิด คือ 1. ชนิดเอ มีพิษรุนแรง อัตราการตายสูงถึงร้อยละ 60 - 70 2. ชนิดบี ซึ่งทนความร้อนสูง และมีชีวิตอยู่ในอาหารได้นานกว่าชนิดอื่นๆ อัตราการตายร้อยละ 25 3. ชนิดอี พบการระบาดในอาหารทะเล และ 4. ชนิดเอฟ พบในอาหารทะเล พบการระบาดได้ประปราย มีอัตราการตายต่ำ ทั้งนี้ สปอร์ของเชื้อและสารพิษที่กล่าวมา สามารถทำลายได้ง่ายโดยการต้มให้เดือดด้วยความร้อนที่อุณหภูมิ 80 องศานาน 15 นาที

นพ.โสภณ กล่าวว่า หลังกินอาหารที่ปนเปื้อนโบทูลินัม ประมาณ 12-36 ชั่วโมง จะมีอาการทางระบบประสาท ได้แก่ เหนื่อย อ่อนแรง วิงเวียนศีรษะ ตาพร่ามัว หรือเห็นภาพซ้อน หนังตาตก ปากแห้งกลืนหรือพูดลำบาก อาจมีอาการท้องเสีย ท้องผูก หรือท้องบวมโตได้ ต่อมากล้ามเนื้อจะเกิดอัมพาต เริ่มจากใบหน้าลงไปที่ไหล่ แขนส่วนบนและล่าง ต้นขาและน่อง ตามลำดับ ซึ่งหากกล้ามเนื้อกระบังลมเป็นอัมพาตจะทำให้การหายใจล้มเหลว และเสียชีวิตได้ ผู้ป่วยมักไม่มีไข้ ยกเว้นมีการติดเชื้อแทรกซ้อน แต่สติการรับรู้มักปกติ

ผู้ป่วยที่ได้รับพิษต้องรีบมาพบแพทย์โดยเร็วที่สุด เพื่อให้ยาต้านพิษ หรือแอนตีท็อกซิน (Antitoxin) และดูแลระบบการหายใจอย่างใกล้ชิด ป้องกันปัญหาการหายใจล้มเหลว ซึ่งจะทำให้เสียชีวิตได้ ทั้งนี้ โรคพิษโบทูลิซึมมีรายงานครั้งแรกในไทยปี 2541 ที่น่าน จากการกินหน่อไม้อัดปี๊บที่ไม่ได้ต้ม และระบาดใหญ่ที่สุดที่น่าน เมื่อปี 2549 ถือเป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์และสาธารณสุขครั้งสำคัญ ต้องระดมแพทย์เชี่ยวชาญ เครื่องช่วยหายใจ รวมถึงการสั่งแอนติท็อกซินจากต่างประเทศเข้ามาแก้พิษโดยเร่งด่วน” อธิบดี คร. กล่าว

นพ.โสภณ กล่าวว่า ประชาชนที่นิยมกินหน่อไม้ต้มอัดปี๊บ หรือบรรจุในถุงพลาสติก โดยเฉพาะเมนูที่ใช้เป็นผักจิ้มน้ำพริกต่างๆ หรือใช้ตำ ก่อนนำมากินขอให้ต้มซ้ำให้เดือดนาน 15 นาที เพื่อทำลายเชื้อโรคทุกชนิดที่ปนเปื้อนอยู่ให้หมดไป หากพบว่าปี๊บที่บรรจุหน่อไม้บวม ไม่ควรซื้อมา กรณีที่พบว่ามีกลิ่น หรือสีผิดปกติ ไม่ควรนำมากินหรือลองชิมเด็ดขาด ขอให้นำไปทำลายทิ้ง โดยการฝังดิน หากสงสัยอาหารที่กินมีการปนเปื้อน และมีอาการผิดปกติ เช่น อ่อนแรง วิงเวียน ตาพร่ามัว หนังตาตก ปากแห้งกลืนพูดลำบาก ขอให้บอกญาติและรีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อรับการตรวจรักษา ป้องกันการเสียชีวิต


กำลังโหลดความคิดเห็น