กกจ.หวั่นต่างด้าวระบบเอ็มโอยู 2.3 แสนคน วีซ่าหมดต้องกลับประเทศ รอ 3 ปี จึงมีสิทธิ์เข้าไทยใหม่ ทำนายจ้างสูญเสียแรงงาน ระบุ ครม. มีมติใหม่ให้อยู่ในไทยชั่วคราวได้ 128 วัน เผยเล็งแก้เอ็มโอยู ให้กลับประเทศทำเอกสารใหม่ 1 วัน ก็กลับเข้าไทยได้ทันที
วันนี้ (9 เม.ย.) นายประวิทย์ เคียงผล อธิบดีกรมการจัดหางาน (กกจ.) กระทรวงแรงงาน กล่าวระหว่างเป็นประธานเปิดโครงการให้ความรู้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ด้านการนำเข้าแรงงานต่างด้าวถูกกฎหมาย ภายใต้ MOU ที่โรงแรมสวิสโฮเต็ล เลอ คองคอร์ด กทม. โดยมีผู้บริหารและเจ้าหน้าที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดต่างๆ เข้าร่วมกว่า 200 คนว่า ปัจจุบันมีแรงงานต่างด้าวทั้งพม่า กัมพูชา และลาว รวมถึงสัญชาติอื่นๆ อยู่ในประเทศไทยหลายกลุ่ม ทั้งเข้าเมืองแบบถูกกฎหมายกว่า 2.1 ล้านคน และยังมีแรงงานต่างด้าวกลุ่มอื่นๆ เช่น แรงงานที่ขึ้นทะเบียนไว้และรอพิสูจน์สัญชาติกว่า 1.8 แสนคน โดยแรงงานต่างด้าวได้เป็น 3 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มที่ 1 มีใบ ทร.38/1 อนุญาตให้อยู่ในไทยได้ชั่วคราวซึ่งมี 2 ประเภท คือ กลุ่มที่รอพิสูจน์สัญชาติแยกเป็นลาวกว่า 6 หมื่นคน กัมพูชากว่า 9 หมื่นคน และพม่ากว่า 3 หมื่นคน รวมทั้งกลุ่มประมงทะเลที่มีปัญหาการค้ามนุษย์ ซึ่ง กกจ. ได้แก้ไขโดยการเปิดจดทะเบียนปีละ 2 ครั้ง ขณะนี้กำลังเปิดจดทะเบียนในรอบที่สอง
รองอธิบดี กกจ.กล่าวอีกว่า ส่วนกลุ่มที่ 2 แรงงานต่างด้าวที่ได้รับการผ่อนผันให้อาศัยและทำงานในไทยตั้งแต่ปี 2552-2554 โดยวีซ่ากำลังจะหมดอายุ และกลุ่มที่มีวีซ่าหมดอายุแต่อายุพาสปอร์ตยังอยู่ในไทยได้เกิน 2 ปี โดยมีกว่า 3 แสนคน ซึ่งแรงงานต่างด้าวกลุ่มนี้ ครม. ได้ผ่อนผันให้ไม่ต้องเสียค่าปรับและออกใบอนุญาตทำงานให้ตามระยะเวลาที่หนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) หรือหนังสือเดินทางชั่วคราว (เท็มโพลรารี่ พาสปอร์ต) เหลืออยู่เพื่อแก้ปัญหาชั่วคราว ช่วยนายจ้างไม่ให้ประสบปัญหาขาดแคลนแรงงาน และกลุ่มที่ 3 นำเข้าผ่านระบบเอ็มโอยู 230,360 คน ซึ่งในจำนวนนี้ได้อนุญาตตามบัญชีรายชื่อ 137,897 คน และออกใบอนุญาตทำงานแล้ว 132,970 คน ส่วนใหญ่เป็นแรงงานสัญชาติกัมพูชา รองลงมาเป็นพม่า และลาว ในจังหวัดชลบุรี มากที่สุด รองลงมาเป็นปทุมธานี และสมุทรปราการ โดยกลุ่มนี้มีใบอนุญาตทำงาน 4 ปี และต้องเดินทางกลับประเทศ 3 ปี แล้วจึงจะสามารถกลับเข้ามาใหม่ได้
“กกจ. หนักใจกับแรงงานต่างด้าวกลุ่มที่ 3 เพราะหากไม่แก้ไขจะเกิดปัญหาขาดแคลนแรงงานอย่างมาก ก่อนหน้านี้ กกจ. เตรียมจะเสนอ ครม. ขอแก้ไขเอ็มโอยูเป็นให้แรงงานต่างด้าวไปดำเนินการด้านเอกสารเพียง 1 วัน และกลับเข้ามาไทยได้เลย แต่มีการยุบสภาไปก่อน ทำให้เรื่องหยุดชะงักและต้องรอรัฐบาลใหม่พิจารณา แต่ได้แก้ปัญหาเบื้องต้นโดยเมื่อเร็วๆ นี้ ครม. ได้เห็นชอบตามที่ กกจ. เสนอขอผ่อนผันให้แรงงานต่างด้าวอยู่ในไทยได้ชั่วคราวเป็นเวลา 180 วันนับตั้งแต่วันที่ ครม. เห็นชอบหรือจนกว่ารัฐบาลใหม่มาดำเนินการ ซึ่ง กกจ. ได้ตั้งศูนย์ให้บริการดำเนินการด้านเอกสารรับรอง 5 แห่ง ได้แก่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย อ.แม่สอด จ.ตาก จ.ระนอง และเตรียมจะตั้งเพิ่มอีก 2 แห่งที่ จ.สมุทรสาคร และ จ.สมุทรปราการ ในเดือน พ.ค.นี้ และทั้งสองแห่งนี้ดำเนินการเฉพาะแรงงานพม่าโดยนายจ้างของแรงงานต่างด้าวที่วีซ่าหมดอายุหรือใกล้จะหมดอายุมายื่นเอกสาร เช่น หนังสือแสดงความต้องการแรงงาน สัญญาจ้างแรงงาน บัญชีรายชื่อแรงงานต่างด้าวได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดในพื้นที่ได้ตั้งแต่บัดนี้” นายประวิทย์ กล่าว
วันนี้ (9 เม.ย.) นายประวิทย์ เคียงผล อธิบดีกรมการจัดหางาน (กกจ.) กระทรวงแรงงาน กล่าวระหว่างเป็นประธานเปิดโครงการให้ความรู้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ด้านการนำเข้าแรงงานต่างด้าวถูกกฎหมาย ภายใต้ MOU ที่โรงแรมสวิสโฮเต็ล เลอ คองคอร์ด กทม. โดยมีผู้บริหารและเจ้าหน้าที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดต่างๆ เข้าร่วมกว่า 200 คนว่า ปัจจุบันมีแรงงานต่างด้าวทั้งพม่า กัมพูชา และลาว รวมถึงสัญชาติอื่นๆ อยู่ในประเทศไทยหลายกลุ่ม ทั้งเข้าเมืองแบบถูกกฎหมายกว่า 2.1 ล้านคน และยังมีแรงงานต่างด้าวกลุ่มอื่นๆ เช่น แรงงานที่ขึ้นทะเบียนไว้และรอพิสูจน์สัญชาติกว่า 1.8 แสนคน โดยแรงงานต่างด้าวได้เป็น 3 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มที่ 1 มีใบ ทร.38/1 อนุญาตให้อยู่ในไทยได้ชั่วคราวซึ่งมี 2 ประเภท คือ กลุ่มที่รอพิสูจน์สัญชาติแยกเป็นลาวกว่า 6 หมื่นคน กัมพูชากว่า 9 หมื่นคน และพม่ากว่า 3 หมื่นคน รวมทั้งกลุ่มประมงทะเลที่มีปัญหาการค้ามนุษย์ ซึ่ง กกจ. ได้แก้ไขโดยการเปิดจดทะเบียนปีละ 2 ครั้ง ขณะนี้กำลังเปิดจดทะเบียนในรอบที่สอง
รองอธิบดี กกจ.กล่าวอีกว่า ส่วนกลุ่มที่ 2 แรงงานต่างด้าวที่ได้รับการผ่อนผันให้อาศัยและทำงานในไทยตั้งแต่ปี 2552-2554 โดยวีซ่ากำลังจะหมดอายุ และกลุ่มที่มีวีซ่าหมดอายุแต่อายุพาสปอร์ตยังอยู่ในไทยได้เกิน 2 ปี โดยมีกว่า 3 แสนคน ซึ่งแรงงานต่างด้าวกลุ่มนี้ ครม. ได้ผ่อนผันให้ไม่ต้องเสียค่าปรับและออกใบอนุญาตทำงานให้ตามระยะเวลาที่หนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) หรือหนังสือเดินทางชั่วคราว (เท็มโพลรารี่ พาสปอร์ต) เหลืออยู่เพื่อแก้ปัญหาชั่วคราว ช่วยนายจ้างไม่ให้ประสบปัญหาขาดแคลนแรงงาน และกลุ่มที่ 3 นำเข้าผ่านระบบเอ็มโอยู 230,360 คน ซึ่งในจำนวนนี้ได้อนุญาตตามบัญชีรายชื่อ 137,897 คน และออกใบอนุญาตทำงานแล้ว 132,970 คน ส่วนใหญ่เป็นแรงงานสัญชาติกัมพูชา รองลงมาเป็นพม่า และลาว ในจังหวัดชลบุรี มากที่สุด รองลงมาเป็นปทุมธานี และสมุทรปราการ โดยกลุ่มนี้มีใบอนุญาตทำงาน 4 ปี และต้องเดินทางกลับประเทศ 3 ปี แล้วจึงจะสามารถกลับเข้ามาใหม่ได้
“กกจ. หนักใจกับแรงงานต่างด้าวกลุ่มที่ 3 เพราะหากไม่แก้ไขจะเกิดปัญหาขาดแคลนแรงงานอย่างมาก ก่อนหน้านี้ กกจ. เตรียมจะเสนอ ครม. ขอแก้ไขเอ็มโอยูเป็นให้แรงงานต่างด้าวไปดำเนินการด้านเอกสารเพียง 1 วัน และกลับเข้ามาไทยได้เลย แต่มีการยุบสภาไปก่อน ทำให้เรื่องหยุดชะงักและต้องรอรัฐบาลใหม่พิจารณา แต่ได้แก้ปัญหาเบื้องต้นโดยเมื่อเร็วๆ นี้ ครม. ได้เห็นชอบตามที่ กกจ. เสนอขอผ่อนผันให้แรงงานต่างด้าวอยู่ในไทยได้ชั่วคราวเป็นเวลา 180 วันนับตั้งแต่วันที่ ครม. เห็นชอบหรือจนกว่ารัฐบาลใหม่มาดำเนินการ ซึ่ง กกจ. ได้ตั้งศูนย์ให้บริการดำเนินการด้านเอกสารรับรอง 5 แห่ง ได้แก่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย อ.แม่สอด จ.ตาก จ.ระนอง และเตรียมจะตั้งเพิ่มอีก 2 แห่งที่ จ.สมุทรสาคร และ จ.สมุทรปราการ ในเดือน พ.ค.นี้ และทั้งสองแห่งนี้ดำเนินการเฉพาะแรงงานพม่าโดยนายจ้างของแรงงานต่างด้าวที่วีซ่าหมดอายุหรือใกล้จะหมดอายุมายื่นเอกสาร เช่น หนังสือแสดงความต้องการแรงงาน สัญญาจ้างแรงงาน บัญชีรายชื่อแรงงานต่างด้าวได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดในพื้นที่ได้ตั้งแต่บัดนี้” นายประวิทย์ กล่าว