กทม.จับมือเครือข่ายงดเหล้า รณรงค์ถนนข้าวสารเล่นน้ำสงกรานต์ปลอดภัย ไม่ลวนลาม-ฉวยโอกาส พร้อมตอกย้ำกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จับปรับจริง หวังลดอุบัติเหตุสงกรานต์ วอนผู้ประกอบการร้านค้าเคารพกติกา ด้าน สคล.แนะเอาอย่างญี่ปุ่นเน้นโทษหนัก บังคับเข้มกฎหมาย เหตุใช้ได้ผลจริง ยอดเสียชีวิตลดทุกปี
วันนี้ (8เม.ย.) ที่ถนนข้าวสาร เมื่อเวลา 13.00 น. นางผุสดี ตามไท รักษาการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมกับ สถานีตำรวจนครบาลชนะสงคราม กรมสรรพสามิต สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล เครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ ออกเดินแจกสื่อรณรงค์สร้างความตระหนักในการเล่นสงกรานต์ที่ไม่เหมาะสม อาทิ ฉวยโอกาส ลวนลาม คุกคามทางเพศ พร้อมประชาสัมพันธ์เข้มงวดการขายการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 เพื่อลดอุบัติเหตุช่วงเทศกาลสงกรานต์
ภก.สงกรานต์ ภาคโชคดี ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) กล่าวว่า การรณรงค์ในวันนี้เพื่อต้องการสร้างการรับรู้และกระตุ้นเตือนให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามกฎหมาย พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 เช่น ไม่ขายสุราให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี ไม่เร่ขาย ไม่ส่งเสริมการขายซึ่งผิดกฎหมาย จำกัดพื้นที่ในการขายและการดื่ม เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายจับปรับจริง รวมถึงขอความร่วมมือในการเล่นน้ำสงกรานต์ให้เป็นไปอย่างปลอดภัยเหมาะสม ไม่ฉวยโอกาส ไม่ลวนลาม สำหรับการรณรงค์ในวันนี้ เชื่อว่าจะช่วยตอกย้ำให้ผู้ประกอบการบริเวณถนนข้าวสาร และประชาชนได้รับรู้และเข้าใจ มีส่วนร่วมสนับสนุนและปฏิบัติตาม เพื่อลดอุบัติเหตุ
ภก.สงกรานต์ กล่าวว่า ทั้งนี้ ปัญหาจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องจำกัดการเข้าถึง จำกัดพื้นที่ในการดื่ม ซึ่งถือเป็นมาตรการหนึ่งที่มีประสิทธิภาพ จากงานวิจัยล่าสุดพบว่าคนไทยสามารถเข้าถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ในเวลาเพียง 4.5 นาที และหากรวมช่วงเทศกาลปีใหม่และสงกรานต์ เฉลี่ยแล้วจะมีผู้เสียชีวิตสูงถึงวันละ 50 คน และวันที่เกิดอุบัติเหตุมากที่สุดคือ วันที่ 13 เม.ย.ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุมากที่สุดคือ 14.00-20.00 น.ซึ่งเป็นช่วงออกมาเล่นสงกรานต์และมีการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากผิดปกติ ส่วนมากเป็นการขายแบบผิดกฎหมาย หากเปรียบเทียบข้อมูลจากประเทศญี่ปุ่นปี 2556 พบว่าตลอดทั้งปีมียอดอุบัติเหตุเสียชีวิตจากการเมาแล้วขับทั้งสิ้นเพียง 238 ราย น้อยกว่าคนไทยที่เสียชีวิตช่วง 7 วันอันตราย
“ประเทศญี่ปุ่นเน้นมาตรการโทษหนัก บังคับเข้ม คือ มีนโยบายเพิ่มโทษในกฎหมาย ควบคู่ไปกับนโยบายบังคับใช้กฎหมายให้เข้มขึ้น ตำรวจ อัยการ ศาล ต้องบังคับใช้จริง ทำให้เกาหลีใต้-จีน-ไต้หวัน นำมาตรการไปเลียนแบบ ซึ่งประเทศไทยต้องนำมาตรการจากญี่ปุ่นมาปรับใช้ด้วยเพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุเจ็บตาย” เภสัชกรสงกรานต์ กล่าว
วันนี้ (8เม.ย.) ที่ถนนข้าวสาร เมื่อเวลา 13.00 น. นางผุสดี ตามไท รักษาการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมกับ สถานีตำรวจนครบาลชนะสงคราม กรมสรรพสามิต สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล เครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ ออกเดินแจกสื่อรณรงค์สร้างความตระหนักในการเล่นสงกรานต์ที่ไม่เหมาะสม อาทิ ฉวยโอกาส ลวนลาม คุกคามทางเพศ พร้อมประชาสัมพันธ์เข้มงวดการขายการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 เพื่อลดอุบัติเหตุช่วงเทศกาลสงกรานต์
ภก.สงกรานต์ ภาคโชคดี ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) กล่าวว่า การรณรงค์ในวันนี้เพื่อต้องการสร้างการรับรู้และกระตุ้นเตือนให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามกฎหมาย พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 เช่น ไม่ขายสุราให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี ไม่เร่ขาย ไม่ส่งเสริมการขายซึ่งผิดกฎหมาย จำกัดพื้นที่ในการขายและการดื่ม เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายจับปรับจริง รวมถึงขอความร่วมมือในการเล่นน้ำสงกรานต์ให้เป็นไปอย่างปลอดภัยเหมาะสม ไม่ฉวยโอกาส ไม่ลวนลาม สำหรับการรณรงค์ในวันนี้ เชื่อว่าจะช่วยตอกย้ำให้ผู้ประกอบการบริเวณถนนข้าวสาร และประชาชนได้รับรู้และเข้าใจ มีส่วนร่วมสนับสนุนและปฏิบัติตาม เพื่อลดอุบัติเหตุ
ภก.สงกรานต์ กล่าวว่า ทั้งนี้ ปัญหาจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องจำกัดการเข้าถึง จำกัดพื้นที่ในการดื่ม ซึ่งถือเป็นมาตรการหนึ่งที่มีประสิทธิภาพ จากงานวิจัยล่าสุดพบว่าคนไทยสามารถเข้าถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ในเวลาเพียง 4.5 นาที และหากรวมช่วงเทศกาลปีใหม่และสงกรานต์ เฉลี่ยแล้วจะมีผู้เสียชีวิตสูงถึงวันละ 50 คน และวันที่เกิดอุบัติเหตุมากที่สุดคือ วันที่ 13 เม.ย.ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุมากที่สุดคือ 14.00-20.00 น.ซึ่งเป็นช่วงออกมาเล่นสงกรานต์และมีการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากผิดปกติ ส่วนมากเป็นการขายแบบผิดกฎหมาย หากเปรียบเทียบข้อมูลจากประเทศญี่ปุ่นปี 2556 พบว่าตลอดทั้งปีมียอดอุบัติเหตุเสียชีวิตจากการเมาแล้วขับทั้งสิ้นเพียง 238 ราย น้อยกว่าคนไทยที่เสียชีวิตช่วง 7 วันอันตราย
“ประเทศญี่ปุ่นเน้นมาตรการโทษหนัก บังคับเข้ม คือ มีนโยบายเพิ่มโทษในกฎหมาย ควบคู่ไปกับนโยบายบังคับใช้กฎหมายให้เข้มขึ้น ตำรวจ อัยการ ศาล ต้องบังคับใช้จริง ทำให้เกาหลีใต้-จีน-ไต้หวัน นำมาตรการไปเลียนแบบ ซึ่งประเทศไทยต้องนำมาตรการจากญี่ปุ่นมาปรับใช้ด้วยเพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุเจ็บตาย” เภสัชกรสงกรานต์ กล่าว
