สอบสวนวินัยร้ายแรง “ชินภัทร” คดีครูผู้ช่วยยังไม่สรุป ประธานคณะกรรมการสอบฯ แจงต้องรอนำ 2 คดีซึ่งมีความเกี่ยวพันกันมารวมจึงจะพิจารณาโทษได้ ระบุคดีที่ 2 คืบหน้าไปมากรอสอบพยาน 4 ปากตั้งเป้าเร่งสอบให้เสร็จภายในสัปดาห์หน้า ก่อนนัดเขียนรายงานการสอบสวน หรือ สว.6 ชี้ขั้นตอนนี้กรรมการทุกคนห้ามขาด
วันนี้ (17 มี.ค.) นายอภิชาติ จีระวุฒิ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เปิดเผยภายหลังประชุมคณะกรรมการสอบสวนวินัย นายชิภัทร ภูมิรัตน อดีตเลขาธิการ กพฐ.ฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎระเบียบของทางราชการ มติของคณะรัฐมนตรี นโยบายของรัฐบาล และไม่ปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนของทางราชการ อันเป็นเหตุให้เสียหาย แก่ทางราชการอย่างร้ายแรง ตามมาตรา 82(2) ประกอบมาตรา 85(7) แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 จากกรณีปัญหาทุจริตการสอบครูผู้ช่วย กรณีที่มีความจำเป็น หรือเหตุพิเศษ ว่า ยังไม่สามารถสรุปคดีและกำหนดบทลงโทษได้แม้ว่าจะสอบสวนเสร็จแล้ว เพราะคณะกรรมการสอบสวนฯได้หารือและลงมติกันว่า ต้องนำผลการสอบสวนวินัยร้ายแรง นายชินภัทร ที่มีทั้งหมด 2 คดี คือ คดีนี้และคดีที่ 2 ฐานกระทำผิดระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรักษาความลับของทางราชการ มารวมกันก่อนแล้วค่อยพิจารณาโทษร่วมกัน โดยสาเหตุที่ต้องพิจารณาโทษทั้ง 2 คดีรวมกัน เพราะเห็นว่าเป็นความผิดที่มีความเกี่ยวเนื่องกัน ซึ่งตามกฏหมาย แม้แต่กฏหมายอาญากำหนดไว้ว่าการลงโทษในความผิดลักษณะเดียวกันไม่สามารถลงโทษซ้ำได้ ให้พิจารณาลงโทษเพียงครั้งเดียว
อย่างไรก็ตาม การสอบสวนในคดีที่ 2 ซึ่งตนเป็นประธานสอบสวนเช่นกัน ก็ใกล้จะได้ข้อสรุปแล้ว เหลือการสอบพยานแค่เพียง 4 ปาก ซึ่งคณะกรรมการสอบสวนนี้ตั้งเป้าจะเร่งสอบให้เสร็จภายในสัปดาห์หน้า แต่ทั้งนี้ ก็ต้องได้รับความร่วมมือจากพยานทั้ง 4 ปากด้วย ถ้าพยานไม่มาตามนัด คณะกรรมการสอบสวนไม่มีอำนาจที่จะไปบังคับได้ เพราะฉะนั้นการสอบสวนก็จะไม่สามารถสรุปผลได้ในสัปดาห์หน้าตามเป้า
“หลังจากสอบพยานทั้ง 4 ปากเสร็จแล้ว ก็จะมีการเขียน สว.6 หรือรายงานการสอบสวน โดยนำทั้งสองคดีมารวมกัน เมื่อเขียน สว.6 เสร็จแล้วกรรมการสอบสวนทุกคนห้ามขาด จะต้องมาประชุมพร้อมกัน เพื่อพิจารณาบทลงโทษผู้กระทำผิด แต่ขณะนี้ ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบสวน ไม่สามารถให้ข้อมูลได้ว่า หลักฐานที่มีอยู่สามารถชี้ชัดว่านายชินภัทรมีความผิดหรือไม่” เลขาธิการ กพฐ.กล่าว
