“อภิชาติ” เผยพยานปากสุดท้ายคดีสอบวินัยร้ายแรง “ชินภัทร” กรณีไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการตามกฎหมายขอเลื่อนการให้ข้อมูล คาดสรุปผลได้เดือน ธ.ค.นี้ ส่วนคดีที่สองทำผิดระเบียบสำนักนายกฯ ที่ถูกสอบร่วมกับ ขรก.อีก 7 รายอยู่ระหว่างสอบสวนสรุปผลได้เดือน ม.ค.57
นายอภิชาติ จีระวุฒิ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เปิดเผยความคืบหน้าการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง นายชินภัทร ภูมิรัตน อดีตเลขาธิการ กพฐ.ฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎระเบียบของทางราชการ มติของคณะรัฐมนตรี นโยบายของรัฐบาล และไม่ปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนของทางราชการ อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ทางราชการอย่างร้ายแรง ตามนัยมาตรา 82(2) ประกอบมาตรา 85(7) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 จากกรณีปัญหาทุจริตการสอบครูผู้ช่วยกรณีที่มีความจำเป็นหรือเหตุพิเศษ ว่า คดีที่นายชินภัทรถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยฯซึ่งเป็นคดีที่ 1 ที่นายชินภัทรถูกตั้งกรรมการสอบสวนนั้น เหลือเพียงขั้นตอนการสอบพยานฝ่ายผู้ถูกกล่าวหาซึ่งพยานปากสุดท้ายได้ขอเลื่อนการให้ข้อมูล แต่คาดว่าไม่นานจะสามารถมาให้ข้อมูลกับทางคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงฯได้
ขณะที่ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้ให้ความร่วมมือและให้เวลาคณะกรรมการสอบสวนฯเป็นอย่างดีในการสอบสวนเรื่องนี้ในฐานะพยานฝ่ายผู้ถูกกล่าวหา และเมื่อสอบพยานฝ่ายถูกกล่าวหาเสร็จแล้วคณะกรรมการสอบสวนฯจะนำข้อมูลทั้งหมดมาพิจารณาว่าระหว่างการถูกกล่าวหา และการแก้ข้อกล่าวหามีประเด็นไหนบ้างที่แก้ได้ชัดเจนมีหลักฐานที่ฟังขึ้นก็จะตัดประเด็นดังกล่าวออกไป และจะเหลือเพียงประเด็นที่แก้ข้อกล่าวหาไม่ได้และมีพยานยืนยันว่าทำผิด ซึ่งจะนำมาสู่การพิจารณาโทษได้ แต่ขั้นตอนจะตัดสินชี้ขาดว่าคนนี้ผิดจะต้องใช้ระยะเวลา โดยคาดว่าในคดีนี้จะได้ข้อสรุปภายในเดือนธันวาคมนี้
นายอภิชาติ กล่าวต่อว่า ส่วนคดีที่ 2 ซึ่ง นายชินภัทร ถูกตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยร้ายแรงร่วมกับข้าราชการอีก 7 คน ในฐานกระทำผิดระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรักษาความลับของราชการนั้น ยังอยู่ในกระบวนการสอบสวนเช่นเดียวกันโดยวิธีการสอบจะสอบพยานฝ่ายกล่าวหาที่ปรากฏอยู่ในสำนวนการสืบสวนข้อเท็จจริงพบสอบเสร็จจะส่งแบบสอบสวนหมายเลข 2 หรือสว.2 ส่งให้ผู้ถูกกล่าวหานำไปแก้ข้อกล่าวหา โดยคณะกรรมการสอบสวนจะรับเอกสารของผู้ถูกกล่าวหามาพิจารณาจากนั้นจะเรียกผู้ถูกกล่าวหามาสอบสวน โดยคดีนี้จะสรุปผลได้ช่วงต้นเดือนมกราคม 2557
นายอภิชาติ จีระวุฒิ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เปิดเผยความคืบหน้าการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง นายชินภัทร ภูมิรัตน อดีตเลขาธิการ กพฐ.ฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎระเบียบของทางราชการ มติของคณะรัฐมนตรี นโยบายของรัฐบาล และไม่ปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนของทางราชการ อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ทางราชการอย่างร้ายแรง ตามนัยมาตรา 82(2) ประกอบมาตรา 85(7) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 จากกรณีปัญหาทุจริตการสอบครูผู้ช่วยกรณีที่มีความจำเป็นหรือเหตุพิเศษ ว่า คดีที่นายชินภัทรถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยฯซึ่งเป็นคดีที่ 1 ที่นายชินภัทรถูกตั้งกรรมการสอบสวนนั้น เหลือเพียงขั้นตอนการสอบพยานฝ่ายผู้ถูกกล่าวหาซึ่งพยานปากสุดท้ายได้ขอเลื่อนการให้ข้อมูล แต่คาดว่าไม่นานจะสามารถมาให้ข้อมูลกับทางคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงฯได้
ขณะที่ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้ให้ความร่วมมือและให้เวลาคณะกรรมการสอบสวนฯเป็นอย่างดีในการสอบสวนเรื่องนี้ในฐานะพยานฝ่ายผู้ถูกกล่าวหา และเมื่อสอบพยานฝ่ายถูกกล่าวหาเสร็จแล้วคณะกรรมการสอบสวนฯจะนำข้อมูลทั้งหมดมาพิจารณาว่าระหว่างการถูกกล่าวหา และการแก้ข้อกล่าวหามีประเด็นไหนบ้างที่แก้ได้ชัดเจนมีหลักฐานที่ฟังขึ้นก็จะตัดประเด็นดังกล่าวออกไป และจะเหลือเพียงประเด็นที่แก้ข้อกล่าวหาไม่ได้และมีพยานยืนยันว่าทำผิด ซึ่งจะนำมาสู่การพิจารณาโทษได้ แต่ขั้นตอนจะตัดสินชี้ขาดว่าคนนี้ผิดจะต้องใช้ระยะเวลา โดยคาดว่าในคดีนี้จะได้ข้อสรุปภายในเดือนธันวาคมนี้
นายอภิชาติ กล่าวต่อว่า ส่วนคดีที่ 2 ซึ่ง นายชินภัทร ถูกตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยร้ายแรงร่วมกับข้าราชการอีก 7 คน ในฐานกระทำผิดระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรักษาความลับของราชการนั้น ยังอยู่ในกระบวนการสอบสวนเช่นเดียวกันโดยวิธีการสอบจะสอบพยานฝ่ายกล่าวหาที่ปรากฏอยู่ในสำนวนการสืบสวนข้อเท็จจริงพบสอบเสร็จจะส่งแบบสอบสวนหมายเลข 2 หรือสว.2 ส่งให้ผู้ถูกกล่าวหานำไปแก้ข้อกล่าวหา โดยคณะกรรมการสอบสวนจะรับเอกสารของผู้ถูกกล่าวหามาพิจารณาจากนั้นจะเรียกผู้ถูกกล่าวหามาสอบสวน โดยคดีนี้จะสรุปผลได้ช่วงต้นเดือนมกราคม 2557