ASTVผู้จัดการรายวัน-“ชินภัทร” รับทราบข้อกล่าวหาจาก คกก.สอบสวนวินัยฯ ครั้งแรก “อภิชาติ” ลั่นเดินหน้าตรวจหลักฐานข้อเท็จจริง พร้อมนัดประชุมในอีก 2 สัปดาห์ ด้านเจ้าตัวระบุ ยังไม่คิดฟ้องร้องศาลปกครอง
วานนี้ (4 มิ.ย.) นายอภิชาติ จีระวุฒิ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการ กพฐ. เปิดเผยภายหลังแจ้งข้อกล่าวหาต่อนายชินภัทร ว่า ครั้งนี้เป็นการสรุปคำสั่งที่ผู้บังคับบัญชาได้กล่าวหา เลขาธิการ กพฐ. ว่าอาจจะมีความบกพร่องในการสั่งการ ซึ่งถือเป็นการไม่ปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ โดยคณะกรรมการสอบสวนฯ จะต้องหาข้อเท็จจริง ทั้งผู้ถูกกล่าวหา คือนายชินภัทร รวมทั้งจะต้องดูหลักฐาน ทั้งของคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง การจัดสอบครูผู้ช่วยกรณีพิเศษหรือเหตุจำเป็น ว12 ที่มีนางพนิตา กำภู ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เป็นประธาน ได้ส่งเอกสารมาจำนวน 1,444 หน้า เอกสารที่ได้จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ กว่า 1,000 หน้า จากนั้นหากมีการพาดพิงหรือต้องการข้อมูล ข้อเท็จจริงจากผู้ใด คณะกรรมการสอบสวนฯจะเชิญคนเหล่านั้นมาให้ข้อเท็จจริง หรือขอเอกสารหลักฐานได้เพิ่มเติมต่อไป
ทั้งนี้ คณะกรรมการสอบสวนฯ มีเวลารวบรวมเอกสารหลักฐาน 60 วัน เพื่อจัดทำบันทึกการแจ้งการรับทราบข้อกล่าวหาและสรุปพยานหลักฐานที่สนับสนุนข้อกล่าวหาแบบ สว.3 ตามกฎคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ซึ่งออกตามพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน และส่งให้ผู้ถูกกล่าวหา คือ นายชินภัทร เพื่อแก้ข้อกล่าวหา หรือ พยานหลักฐาน ทั้งเอกสารและพยานบุคคลที่จะต้องเชิญมาสอบสวนภายใน 60 วัน จากนั้นคณะกรรมการสอบสวนฯจะพิจารณาว่าคำแก้ข้อกล่าวหาของผู้ถูกกล่าวหารับฟังได้หรือไม่ โดยการพิจารณาจากหลักฐานทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อเสนอความเห็นต่อผู้มีอำนาจแต่งตั้ง คือรัฐมนตรีว่าการศธ. พิจารณาวินิจฉัยในขั้นตอนสุดท้าย โดยทางคณะกรรมการสอบสวนฯอาจจะเสนอทั้งโทษร้ายแรง ไม่ร้ายแรง หรืออาจไม่มีโทษเลยก็ได้ ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานที่จะต้องพิจารณากันต่อไป โดยคณะกรรมการสอบสวนฯนัดหารือรวมกันอีกครั้งในอีก 2 สัปดาห์
นายอภิชาติ กล่าวต่อว่า ส่วนการยื่นอุทธรณ์ของ นายชินภัทร ที่ยื่นต่อนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) นั้นมีความเข้าใจคลาดเคลื่อน ขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นตอนการอุทธรณ์ แต่สิ่งที่นายชินภัทรสามารถกระทำได้ คือ การทักท้วง หากผู้ถูกกล่าวหาเห็นว่าคณะกรรมการสอบสวนฯ เป็นอริแก่ผู้ถูกกล่าวหา ตาม กฎก.พ. ซึ่ง นายชินภัทร ได้พิจารณาแล้วว่าคณะกรรมการสอบสวนฯทั้ง 7 คนไม่ได้เป็นอริ ดังนั้นจึงไม่ได้ท้วงประเด็นดังกล่าว ส่วนหนังสือที่ นายชินภัทร ส่งผ่าน รมว.ศึกษาธิการ นั้น เป็นการแจ้งข้อเท็จจริงบางประการว่าคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงฯ น่าจะไม่ได้รับข้อมูลที่ครบถ้วน ส่งถึง รมว.ศึกษาธิการ นั้นไม่ใช่การอุทธรณ์ แต่เป็นการส่งข้อเท็จจริงเพิ่มเติม กรณีที่ในบันทึกของคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงฯไม่ได้พูดไว้บางประเด็น ซึ่งรวมถึงบทบาทการทำงานในฐานะเลขาธิการกพฐ.ด้วย ซึ่งตนจะเสนอรัฐมนตรีว่าการศธ.เพื่อขอรับเอกสารที่นายชินภัทร ได้ส่งมา เป็นส่วนหนึ่งของสำนวนการสอบสวน
“นายชินภัทร ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ซึ่งการยื่นอุทธรณ์ทำได้เมื่อผลการสอบสวนออกมาเรียบร้อยแล้ว และผู้ถูกกล่าวหาเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ภายใน 30 รับจากวันที่ได้รับคำสั่งลงโทษ ซึ่งตามเวลาที่กำหนคดีนี้จะเสร็จสิ้นภายในวันที่ 17 พ.ย.56 แม้ผู้ถูกกล่าวหาจะเกษียณอายุราชการแล้ว กระบวนการสอบสวนก็สามารถเดินต่อไปได้ โดยทางราชการจะไม่จ่ายบำเหน็จ บำนาญจนกว่าคดีจะสิ้นสุด”นายอภิชาติ กล่าว
ด้าน นายชินภัทร กล่าวว่า วันนี้เป็นการเซ็นต์รับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งหลังจากวันนี้คณะกรรมการสอบสวนฯ จะใช้เวลาในการรวบรวมข้อมูลหลักฐานต่างๆ จากคำกล่าวหา และคณะกรรมการ.สืบสวนข้อเท็จจริง เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาที่เป็นรายละเอียดให้ผู้ถูกกล่าวหาให้รับทราบภายใน 60 วัน ในช่วงนี้ตนสามารถรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ ให้ชัดเจนมากขึ้น ส่วนการยื่นอุทธรณ์กับ ก.พ.ค. เป็นสิทธิที่ทำได้ภายใน 30 วันหลังจากที่ตนได้เซ็นต์รับทราบข้อกล่าวหาตั้งแต่วันที่ 27 พ.ค. ซึ่งจะสิ้นสุดการอุทธรณ์ในวันที่ 27 มิ.ย.นี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการฟ้องร้องต่อศาลปกครอง อย่างกรณีของนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) หรือไม่ นายชินภัทร กล่าวว่า ขอให้ดำเนินการทีละขั้นตอน โดยในขั้นตอนแรกก็เป็นการสืบสวนข้อเท็จจริงให้เกิดความเป็นธรรม แต่คงไม่ถึงขั้นฟ้องร้อง
“ผมยังเชื่อในความยุติธรรม ว่าในสังคมนี้ยังมีอยู่และยังคงอยู่ในจุดยืนตรงนี้ให้นานที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ” นายชินภัทร กล่าว
วานนี้ (4 มิ.ย.) นายอภิชาติ จีระวุฒิ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการ กพฐ. เปิดเผยภายหลังแจ้งข้อกล่าวหาต่อนายชินภัทร ว่า ครั้งนี้เป็นการสรุปคำสั่งที่ผู้บังคับบัญชาได้กล่าวหา เลขาธิการ กพฐ. ว่าอาจจะมีความบกพร่องในการสั่งการ ซึ่งถือเป็นการไม่ปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ โดยคณะกรรมการสอบสวนฯ จะต้องหาข้อเท็จจริง ทั้งผู้ถูกกล่าวหา คือนายชินภัทร รวมทั้งจะต้องดูหลักฐาน ทั้งของคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง การจัดสอบครูผู้ช่วยกรณีพิเศษหรือเหตุจำเป็น ว12 ที่มีนางพนิตา กำภู ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เป็นประธาน ได้ส่งเอกสารมาจำนวน 1,444 หน้า เอกสารที่ได้จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ กว่า 1,000 หน้า จากนั้นหากมีการพาดพิงหรือต้องการข้อมูล ข้อเท็จจริงจากผู้ใด คณะกรรมการสอบสวนฯจะเชิญคนเหล่านั้นมาให้ข้อเท็จจริง หรือขอเอกสารหลักฐานได้เพิ่มเติมต่อไป
ทั้งนี้ คณะกรรมการสอบสวนฯ มีเวลารวบรวมเอกสารหลักฐาน 60 วัน เพื่อจัดทำบันทึกการแจ้งการรับทราบข้อกล่าวหาและสรุปพยานหลักฐานที่สนับสนุนข้อกล่าวหาแบบ สว.3 ตามกฎคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ซึ่งออกตามพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน และส่งให้ผู้ถูกกล่าวหา คือ นายชินภัทร เพื่อแก้ข้อกล่าวหา หรือ พยานหลักฐาน ทั้งเอกสารและพยานบุคคลที่จะต้องเชิญมาสอบสวนภายใน 60 วัน จากนั้นคณะกรรมการสอบสวนฯจะพิจารณาว่าคำแก้ข้อกล่าวหาของผู้ถูกกล่าวหารับฟังได้หรือไม่ โดยการพิจารณาจากหลักฐานทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อเสนอความเห็นต่อผู้มีอำนาจแต่งตั้ง คือรัฐมนตรีว่าการศธ. พิจารณาวินิจฉัยในขั้นตอนสุดท้าย โดยทางคณะกรรมการสอบสวนฯอาจจะเสนอทั้งโทษร้ายแรง ไม่ร้ายแรง หรืออาจไม่มีโทษเลยก็ได้ ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานที่จะต้องพิจารณากันต่อไป โดยคณะกรรมการสอบสวนฯนัดหารือรวมกันอีกครั้งในอีก 2 สัปดาห์
นายอภิชาติ กล่าวต่อว่า ส่วนการยื่นอุทธรณ์ของ นายชินภัทร ที่ยื่นต่อนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) นั้นมีความเข้าใจคลาดเคลื่อน ขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นตอนการอุทธรณ์ แต่สิ่งที่นายชินภัทรสามารถกระทำได้ คือ การทักท้วง หากผู้ถูกกล่าวหาเห็นว่าคณะกรรมการสอบสวนฯ เป็นอริแก่ผู้ถูกกล่าวหา ตาม กฎก.พ. ซึ่ง นายชินภัทร ได้พิจารณาแล้วว่าคณะกรรมการสอบสวนฯทั้ง 7 คนไม่ได้เป็นอริ ดังนั้นจึงไม่ได้ท้วงประเด็นดังกล่าว ส่วนหนังสือที่ นายชินภัทร ส่งผ่าน รมว.ศึกษาธิการ นั้น เป็นการแจ้งข้อเท็จจริงบางประการว่าคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงฯ น่าจะไม่ได้รับข้อมูลที่ครบถ้วน ส่งถึง รมว.ศึกษาธิการ นั้นไม่ใช่การอุทธรณ์ แต่เป็นการส่งข้อเท็จจริงเพิ่มเติม กรณีที่ในบันทึกของคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงฯไม่ได้พูดไว้บางประเด็น ซึ่งรวมถึงบทบาทการทำงานในฐานะเลขาธิการกพฐ.ด้วย ซึ่งตนจะเสนอรัฐมนตรีว่าการศธ.เพื่อขอรับเอกสารที่นายชินภัทร ได้ส่งมา เป็นส่วนหนึ่งของสำนวนการสอบสวน
“นายชินภัทร ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ซึ่งการยื่นอุทธรณ์ทำได้เมื่อผลการสอบสวนออกมาเรียบร้อยแล้ว และผู้ถูกกล่าวหาเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ภายใน 30 รับจากวันที่ได้รับคำสั่งลงโทษ ซึ่งตามเวลาที่กำหนคดีนี้จะเสร็จสิ้นภายในวันที่ 17 พ.ย.56 แม้ผู้ถูกกล่าวหาจะเกษียณอายุราชการแล้ว กระบวนการสอบสวนก็สามารถเดินต่อไปได้ โดยทางราชการจะไม่จ่ายบำเหน็จ บำนาญจนกว่าคดีจะสิ้นสุด”นายอภิชาติ กล่าว
ด้าน นายชินภัทร กล่าวว่า วันนี้เป็นการเซ็นต์รับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งหลังจากวันนี้คณะกรรมการสอบสวนฯ จะใช้เวลาในการรวบรวมข้อมูลหลักฐานต่างๆ จากคำกล่าวหา และคณะกรรมการ.สืบสวนข้อเท็จจริง เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาที่เป็นรายละเอียดให้ผู้ถูกกล่าวหาให้รับทราบภายใน 60 วัน ในช่วงนี้ตนสามารถรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ ให้ชัดเจนมากขึ้น ส่วนการยื่นอุทธรณ์กับ ก.พ.ค. เป็นสิทธิที่ทำได้ภายใน 30 วันหลังจากที่ตนได้เซ็นต์รับทราบข้อกล่าวหาตั้งแต่วันที่ 27 พ.ค. ซึ่งจะสิ้นสุดการอุทธรณ์ในวันที่ 27 มิ.ย.นี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการฟ้องร้องต่อศาลปกครอง อย่างกรณีของนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) หรือไม่ นายชินภัทร กล่าวว่า ขอให้ดำเนินการทีละขั้นตอน โดยในขั้นตอนแรกก็เป็นการสืบสวนข้อเท็จจริงให้เกิดความเป็นธรรม แต่คงไม่ถึงขั้นฟ้องร้อง
“ผมยังเชื่อในความยุติธรรม ว่าในสังคมนี้ยังมีอยู่และยังคงอยู่ในจุดยืนตรงนี้ให้นานที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ” นายชินภัทร กล่าว