บุรีรัมย์ - สพป.บุรีรัมย์ เขต 1 ตั้ง กก.สอบข้อเท็จจริง ผอ.ร.ร.บ้านหนองไทร โผล่สอบบรรจุครูผู้ช่วยที่ จ.สมุทรสาคร เค้นจุดประสงค์ และทุจริตสอบครูผู้ช่วยหรือไม่ ชี้เบื้องต้นผิดวินัยฐานไม่ขออนุญาตต้นสังกัด ขณะเจ้าตัวอ้างต้องการดูแนวข้อสอบเพื่อนำความรู้ไปติวลูกหลาน ไม่มีเจตนาอื่น
วันนี้ (21 เม.ย.) นายสุพจน์ เจียมใจ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) บุรีรัมย์ เขต 1 เปิดเผยว่า ได้แต่งตั้งคณะกรรมการสืบหาข้อเท็จจริง กรณีที่นายพิทักษ์ ศุภเลิศ อายุ 50 ปี ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหนองไทร ต.ลุมปุ๊ก อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ มีชื่อเข้าสอบบรรจุครูผู้ช่วยที่สนามสอบจ.สมุทรสาคร เพื่อสอบข้อเท็จจริงว่ามีเจตนา หรือจุดประสงค์ใด ทั้งที่ตัวเองเป็นถึงผู้อำนวยการโรงเรียน
โดยคณะกรรมการจะได้ลงพื้นที่ไปสืบหาข้อมูลหลักฐานยังหน่วยสอบที่ จ.สมุทรสาคร ว่านายพิทักษ์ มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องในการกระทำทุจริตสอบครูผู้ช่วยในครั้งนี้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้น นายพิทักษ์ ต้องถูกสอบทางวินัยฐานไม่ขออนุญาตต้นสังกัดก่อนไปสอบตามระเบียบที่กำหนดไว้
นายสุพจน์ กล่าวว่า หากผลการสอบสวนพบมีมูลในการกระทำความผิด หรือทุจริตในการสอบจริง จะเอาผิดทั้งทางวินัย และอาญาอย่างเด็ดขาด ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาในการสืบหาข้อเท็จจริงภายใน 2-3 วัน และจะรายงานผลให้ทางสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ทราบต่อไป
ส่วนที่นำเสนอไปก่อนหน้านี้ว่า นายพิทักษ์ มีชื่อที่สนามสอบ จ.นนทบุรี จากการตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นน้องชายของนายพิทักษ์ ที่เข้าสอบครูผู้ช่วย ทั้งนี้ จากที่ได้พูดคุยกับนายพิทักษ์ ทางโทรศัพท์ นายพิทักษ์ ให้เหตุผลว่าสาเหตุที่เข้าสอบครูผู้ช่วยในครั้งนี้ เพราะต้องการความรู้เพิ่มเติม และดูแนวข้อสอบที่จะนำไปติวให้แก่ลูกหลานที่จะสมัครสอบครู ไม่ได้มีเจตนาอย่างอื่น
ขณะที่ นายกิตติ บุญเชิด ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 32 บุรีรัมย์ กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า มีกลุ่มบุคคลไปหลอกลวงเรียกรับเงิน 2 แสนบาทจากผู้เข้าสอบบรรจุครูผู้ช่วยในเขตพื้นที่ อ.สตึก โดยอ้างว่าจะสามารถช่วยเหลือให้ผ่านการสอบบรรจุเข้ารับราชการครูผู้ช่วยได้นั้น ขณะนี้ทางเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 32 ได้มอบหมายให้นิติกร ได้ประสานความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อสืบหาเบาะแสของกลุ่มแก๊งมิจฉาชีพดังกล่าวว่าเป็นกลุ่มบุคคลใด และมีการแอบอ้างเรียกรับเงินจริงหรือไม่
“หากพบว่ามีพฤติการณ์เรียกรับเงินจากผู้เข้าสอบจริง จะทำการขยายผลสาวหาตัวผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกระบวนการของกฎหมายต่อไป และหากสืบสวนพบว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปมีส่วนเกี่ยวกับการเรียกรับเงินดังกล่าวด้วย จะแจ้งไปยังต้นสังกัดนั้นๆ เพื่อดำเนินการเอาผิดทั้งวินัย และกฎหมายโดยไม่ละเว้น”