นายหน้าขี้ฉ้อ! โกงเงินแรงงานปล่อยลอยแพต่างประเทศเพียบ กกจ.เผยเท่าที่ร้องเรียนปี 56 พบเกือบพันราย เสียหายรวมกว่า 55 ล้านบาท เร่งเคาะประตูบ้านให้ความรู้ผู้นำชุมชน-แรงงาน ฟุ้งสถิติลดลงกว่าปี 55
วันนี้ (13 มี.ค.) นายประวิทย์ เคียงผล อธิบดีกรมการจัดหางาน (กกจ.) กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ในปี 2556 กกจ.ได้รับเรื่องร้องทุกข์จากคนหางานกรณีถูกสาย/นายหน้า หรือบริษัทจัดหางานหลอกลวงในปีที่ผ่านมารวมทั้งสิ้น 955 คน โดยมีผู้มาร้องทุกข์มากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพฯ ชัยภูมิ หนองคาย นครราชสีมา และอุดรธานี ส่วนสาเหตุมาจากการจ่ายค่าบริการไปแล้ว แต่ไม่ได้รับการจัดส่งไปทำงาน จัดส่งไปต่างประเทศแล้วแต่ไม่สามารถเข้าประเทศปลายทางได้ ถูกส่งไปทำงานแบบลักลอบทำงานโดยผิดกฎหมายและส่งไปทำงานแล้วแต่ไม่มีงานทำและถูกปล่อยลอยแพในต่างประเทศ ทั้งนี้ มีมูลค่าความเสียหายกว่า 55 ล้านบาท ซึ่งมีผู้ที่เคยร้องทุกข์ไว้ในปีก่อนๆ และปี 2556 ได้รับการช่วยเหลือแล้วกว่า 1,000 คน และได้รับเงินคืนกว่า 17 ล้านบาท หากเปรียบเทียบกับในปี 2555 คนหางานร้องทุกข์เพิ่มขึ้น แต่มูลค่าความเสียหายลดลงโดยปี 2555 มีแรงงานไทยร้องทุกข์ 826 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 68 ล้านบาท ซึ่งมีผู้ที่เคยร้องทุกข์ไว้ในปีก่อนๆและปี 2555 ได้รับการช่วยเหลือแล้ว 888 คน และได้รับเงินคืนกว่า 33 ล้านบาท
อธิบดี กกจ.กล่าวอีกว่า กกจ.ได้แก้ปัญหาแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศโดยมาตรการป้องกันนั้น ได้ปรับปรุงศูนย์ทะเบียนคนหางานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จัดทำเว็บไซต์ตำแหน่งงานในต่างประเทศเพื่อเป็นแหล่งข้อมูลให้คนหางานตรวจสอบ มีการลงนามความร่วมมือระหว่างกรมการกงสุลเพื่อคุ้มครองและช่วยเหลือแรงงานไทยที่ไปทำงานในต่างประเทศ รวมทั้งควบคุมการแจ้งเดินทางไปทำงานต่างประเทศด้วยตนเองของคนหางาน หากเห็นว่ามีการแอบแฝงโดยการจัดส่งโดยบริษัทจัดหางาน สาย/นายหน้าเถื่อนจะดำเนินการตามกฎหมายทันที และกำหนดให้บริษัทจัดหางานที่จะส่งแรงงานไทยไปต่างประเทศต้องผ่านการรับรองจาก กกจ.ทุกครั้ง อีกทั้งได้ตั้งด่านตรวจคนหางานที่จะเดินทางไปทำงานต่างประเทศที่บริเวณแนวชายแดนและสนามบินสุวรรณภูมิรวม 18 ด่าน ใน 14 จังหวัดเพื่อตรวจสกัดกั้นคนหางานที่จะลักลอบไปทำงานต่างประเทศ นอกจากนี้ ยังให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ประชุมชี้แจงประชาชนและผู้นำท้องถิ่นให้มีความรู้ความเข้าใจขั้นตอนการเดินทางไปทำงานต่างประเทศอย่างถูกต้องและทราบถึงกลวิธีการหลอกลวงของมิจฉาชีพ
“กกจ.ได้จัดโครงการเชิงรุกต่างๆ เช่น โครงการเคาะประตูบ้านเพื่อป้องกันปัญหาการหลอกลวงคนหางานโดยให้ความรู้ความเข้าใจขั้นตอนการเดินทางไปทำงานต่างประเทศอย่างถูกต้องแก่ประชาชนและผู้นำชุมนชนในพื้นที่ โครงการเครือข่ายชุมชนร่วมรณรงค์ป้องกันการหลอกลวงและลักลอบไปทำงานต่างประเทศสร้างเครือข่ายคุ้มครองคนหางานไม่ให้ถูกหลอกลวงโดยให้ผู้นำท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาของสมาชิกในชุมชน นอกจากนี้ ก็มีมาตรการปราบปรามโดยได้ตั้งศูนย์ปราบปรามแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย และขบวนการค้ามนุษย์ (ศป.รต.) ในจังหวัดที่เป็นศูนย์กลางของภูมิภาคทำหน้าที่ตรวจสอบ ปราบปรามและจับกุมสาย/นายหน้าหรือบริษัทจัดหางานที่มีพฤติกรรมเป็นภัยต่อคนหางาน และพิจารณาลงโทษทางทะเบียนแก่บริษัทจัดหางานที่กระทำผิด พ.ร.บ.จัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ.2528 อย่างเข้มงวดและเด็ดขาด” นายประวิทย์ กล่าว
วันนี้ (13 มี.ค.) นายประวิทย์ เคียงผล อธิบดีกรมการจัดหางาน (กกจ.) กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ในปี 2556 กกจ.ได้รับเรื่องร้องทุกข์จากคนหางานกรณีถูกสาย/นายหน้า หรือบริษัทจัดหางานหลอกลวงในปีที่ผ่านมารวมทั้งสิ้น 955 คน โดยมีผู้มาร้องทุกข์มากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพฯ ชัยภูมิ หนองคาย นครราชสีมา และอุดรธานี ส่วนสาเหตุมาจากการจ่ายค่าบริการไปแล้ว แต่ไม่ได้รับการจัดส่งไปทำงาน จัดส่งไปต่างประเทศแล้วแต่ไม่สามารถเข้าประเทศปลายทางได้ ถูกส่งไปทำงานแบบลักลอบทำงานโดยผิดกฎหมายและส่งไปทำงานแล้วแต่ไม่มีงานทำและถูกปล่อยลอยแพในต่างประเทศ ทั้งนี้ มีมูลค่าความเสียหายกว่า 55 ล้านบาท ซึ่งมีผู้ที่เคยร้องทุกข์ไว้ในปีก่อนๆ และปี 2556 ได้รับการช่วยเหลือแล้วกว่า 1,000 คน และได้รับเงินคืนกว่า 17 ล้านบาท หากเปรียบเทียบกับในปี 2555 คนหางานร้องทุกข์เพิ่มขึ้น แต่มูลค่าความเสียหายลดลงโดยปี 2555 มีแรงงานไทยร้องทุกข์ 826 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 68 ล้านบาท ซึ่งมีผู้ที่เคยร้องทุกข์ไว้ในปีก่อนๆและปี 2555 ได้รับการช่วยเหลือแล้ว 888 คน และได้รับเงินคืนกว่า 33 ล้านบาท
อธิบดี กกจ.กล่าวอีกว่า กกจ.ได้แก้ปัญหาแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศโดยมาตรการป้องกันนั้น ได้ปรับปรุงศูนย์ทะเบียนคนหางานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จัดทำเว็บไซต์ตำแหน่งงานในต่างประเทศเพื่อเป็นแหล่งข้อมูลให้คนหางานตรวจสอบ มีการลงนามความร่วมมือระหว่างกรมการกงสุลเพื่อคุ้มครองและช่วยเหลือแรงงานไทยที่ไปทำงานในต่างประเทศ รวมทั้งควบคุมการแจ้งเดินทางไปทำงานต่างประเทศด้วยตนเองของคนหางาน หากเห็นว่ามีการแอบแฝงโดยการจัดส่งโดยบริษัทจัดหางาน สาย/นายหน้าเถื่อนจะดำเนินการตามกฎหมายทันที และกำหนดให้บริษัทจัดหางานที่จะส่งแรงงานไทยไปต่างประเทศต้องผ่านการรับรองจาก กกจ.ทุกครั้ง อีกทั้งได้ตั้งด่านตรวจคนหางานที่จะเดินทางไปทำงานต่างประเทศที่บริเวณแนวชายแดนและสนามบินสุวรรณภูมิรวม 18 ด่าน ใน 14 จังหวัดเพื่อตรวจสกัดกั้นคนหางานที่จะลักลอบไปทำงานต่างประเทศ นอกจากนี้ ยังให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ประชุมชี้แจงประชาชนและผู้นำท้องถิ่นให้มีความรู้ความเข้าใจขั้นตอนการเดินทางไปทำงานต่างประเทศอย่างถูกต้องและทราบถึงกลวิธีการหลอกลวงของมิจฉาชีพ
“กกจ.ได้จัดโครงการเชิงรุกต่างๆ เช่น โครงการเคาะประตูบ้านเพื่อป้องกันปัญหาการหลอกลวงคนหางานโดยให้ความรู้ความเข้าใจขั้นตอนการเดินทางไปทำงานต่างประเทศอย่างถูกต้องแก่ประชาชนและผู้นำชุมนชนในพื้นที่ โครงการเครือข่ายชุมชนร่วมรณรงค์ป้องกันการหลอกลวงและลักลอบไปทำงานต่างประเทศสร้างเครือข่ายคุ้มครองคนหางานไม่ให้ถูกหลอกลวงโดยให้ผู้นำท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาของสมาชิกในชุมชน นอกจากนี้ ก็มีมาตรการปราบปรามโดยได้ตั้งศูนย์ปราบปรามแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย และขบวนการค้ามนุษย์ (ศป.รต.) ในจังหวัดที่เป็นศูนย์กลางของภูมิภาคทำหน้าที่ตรวจสอบ ปราบปรามและจับกุมสาย/นายหน้าหรือบริษัทจัดหางานที่มีพฤติกรรมเป็นภัยต่อคนหางาน และพิจารณาลงโทษทางทะเบียนแก่บริษัทจัดหางานที่กระทำผิด พ.ร.บ.จัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ.2528 อย่างเข้มงวดและเด็ดขาด” นายประวิทย์ กล่าว
