อธิบดี กสร.เตรียมนัดนายจ้าง ผู้รับเหมา และทุกฝ่ายที่เกี่ยวสอบข้อเท็จจริงกรณีตึก รพ.รามาฯ ถล่ม 3 มี.ค. จ่อเอาผิดหากพบบริษัทใดใช้แรงงานเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี หลังมีข่าวลูกจ้างเด็กอายุ 15 ปีตาย อึ้ง! เมืองปากน้ำมีอุบัติเหตุงานก่อสร้างสูงเดือนละ 3 ครั้ง
วันนี้ (27 ก.พ.) นายพานิช จิตร์แจ้ง อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) กระทรวงแรงงาน กล่าวถึงกรณีเหตุการณ์อาคารโครงการก่อสร้างสถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล จ.สมุทรปราการ ถล่มว่า สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจ.สมุทรปราการ และศูนย์ความปลอดภัยแรงงานพื้นที่ 8 ได้รายงานสถานการณ์ล่าสุดส่ามีแรงงานบาดเจ็บและเสียชีวิตรวม 26 คน ในจำนวนนี้เสียชีวิต 11 คน แยกเป็นคนไทย 3 คน กัมพูชา 8 คน และบาดเจ็บ 16 คน โดยในจำนวนนี้มี 5 คนที่แพทย์อนุญาตให้กลับบ้าน และจากการสอบถามบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเม้นท์ จำกัด ผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการได้ยืนยันว่าแรงงานทุกคนเป็นแรงงานที่ขึ้นทะเบียนตามกฎหมาย และเป็นสมาชิกกองทุนประกันสังคม ส่วนกรณีที่มีข่าวว่า 1 ในผู้เสียชีวิตเป็นเด็กอายุ 15 ปี จะต้องมีการตรวจสอบอย่างชัดเจน ซึ่งในวันที่ 3 มีนาคมเวลา 9.00 น.นี้ สำนักงานสวัสดิการฯสมุทรปราการได้เชิญทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาสอบถาม และให้ปากคำเพื่อเป็นหลักฐานประกอบการพิจารณาในทางกฎหมาย หากพบว่ามีการจ้างงานเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ก็ต้องดำเนินคดีกับนายจ้าง รวมทั้งแยกแยะว่าแรงงานทั้งหมดมาจากบริษัท อิตาเลียนไทย จำนวนกี่ราย และจากบริษัทอื่นกี่ราย เนื่องจากโครงการก่อสร้างเป็นโครงการขนาดใหญ่ มีบริษัทได้รับการว่าจ้างหลายราย
นายพานิช กล่าวอีกว่า ในส่วนของ กสร.ได้กำหนดให้โครงการก่อสร้างที่ใช้งบประมาณเกิน 300 ล้านบาท จะต้องจัดทำแผนงานด้านความปลอดภัยแนบไว้กับสัญญาว่าจ้าง ซึ่งได้กำหนดไว้ในประกาศของ กสร.ในเรื่องความปลอดภัยในงานก่อสร้าง และจะต้องมีเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานระดับวิชาชีพ (จป.) ควบคุมเรื่องความปลอดภัยในพื้นที่ด้วย ทั้งนี้ จากการสอบถามนายจ้างยืนยันว่ามี จป.อยู่ในพื้นที่ แต่จะต้องตรวจสอบเพิ่มเติมว่ามีการปฏิบัติตามประกาศของ กสร.หรือไม่ ขณะเดียวกัน จะสั่งการให้สำนักงานสวัสดิการฯในพื้นที่ที่มีการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ลงพื้นที่ไปตรวจสอบความปลอดภัยให้เข้มงวดมากขึ้น โดยเฉพาะจังหวัดสมุทรปราการจะต้องเข้มงวดมากขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาเกิดอุบัติเหตุในด้านงานก่อสร้างเฉลี่ยถึงเดือนละ 3 ครั้ง
ด้าน นพ.สุรเดช วลีอิทธิกุล รองเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กล่าวว่า วันนี้ตนได้เดินทางไปเยี่ยมแรงงานที่ได้รับบาดเจ็บที่พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 จำนวน 4 คน เป็นแรงงานกัมพูชาทั้งหมด และโรงพยาบาลบางพลี 3 คน เป็นคนไทย 1 คน กัมพูชา 2 คน นอกจากนี้ยังมีแรงงานที่พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลสมุทรปราการและโรงพยาบาลรามาธิบดีด้วย ซึ่งประกันสังคมได้ให้การช่วยเหลือแรงงานไทยและต่างด้าวที่บาดเจ็บและเสียชีวิตทุกคน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานประกันสังคมแจ้งข้อมูลผู้บาดเจ็บที่ยังพักรักษาตัวในโรงพยาบาล แบ่งเป็นลูกจ้างจากบริษัท อิตาเลียนไทยฯ 4 คน เป็นคนไทย 1 คน รักษาตัวที่ รพ.บางพลี คือ นายแว่น จรเด็ด อายุ 48 ปี รักษาที่ รพ.สมุทรปราการ 1 คน คือ นายเมือง อายุ 25 ปี เป็นชาวกัมพูชา และ รักษาที่ รพ.จุฬารัตน์ 3 เป็นชาวกัมพูชาอีก 2 คน คือ MR.Em.Sa Vuth อายุ 31 ปี MR.Em Sa Saven อายุ 35 ปี
ส่วนผู้บาดเจ็บที่มาจากผู้รับเหมา 6 คน เป็นชาวกัมพูชาทั้งหมด รักษาตัวที่รพ.รามาฯ 2 คน ได้แก่ นางเมิน อายุ 30 ปี นายจันแสน อายุ 22 ปี รักษาที่ รพ.บางพลี 2 คน ได้แก่ นายสำเนียง อายุ 25 ปี นางช่อง อายุ 30 ปี และ รพ.จุฬารัตน์ 2 คน ได้แก่ นางโบ อายุ 22 และนางที อายุ 42 ปี
วันนี้ (27 ก.พ.) นายพานิช จิตร์แจ้ง อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) กระทรวงแรงงาน กล่าวถึงกรณีเหตุการณ์อาคารโครงการก่อสร้างสถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล จ.สมุทรปราการ ถล่มว่า สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจ.สมุทรปราการ และศูนย์ความปลอดภัยแรงงานพื้นที่ 8 ได้รายงานสถานการณ์ล่าสุดส่ามีแรงงานบาดเจ็บและเสียชีวิตรวม 26 คน ในจำนวนนี้เสียชีวิต 11 คน แยกเป็นคนไทย 3 คน กัมพูชา 8 คน และบาดเจ็บ 16 คน โดยในจำนวนนี้มี 5 คนที่แพทย์อนุญาตให้กลับบ้าน และจากการสอบถามบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเม้นท์ จำกัด ผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการได้ยืนยันว่าแรงงานทุกคนเป็นแรงงานที่ขึ้นทะเบียนตามกฎหมาย และเป็นสมาชิกกองทุนประกันสังคม ส่วนกรณีที่มีข่าวว่า 1 ในผู้เสียชีวิตเป็นเด็กอายุ 15 ปี จะต้องมีการตรวจสอบอย่างชัดเจน ซึ่งในวันที่ 3 มีนาคมเวลา 9.00 น.นี้ สำนักงานสวัสดิการฯสมุทรปราการได้เชิญทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาสอบถาม และให้ปากคำเพื่อเป็นหลักฐานประกอบการพิจารณาในทางกฎหมาย หากพบว่ามีการจ้างงานเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ก็ต้องดำเนินคดีกับนายจ้าง รวมทั้งแยกแยะว่าแรงงานทั้งหมดมาจากบริษัท อิตาเลียนไทย จำนวนกี่ราย และจากบริษัทอื่นกี่ราย เนื่องจากโครงการก่อสร้างเป็นโครงการขนาดใหญ่ มีบริษัทได้รับการว่าจ้างหลายราย
นายพานิช กล่าวอีกว่า ในส่วนของ กสร.ได้กำหนดให้โครงการก่อสร้างที่ใช้งบประมาณเกิน 300 ล้านบาท จะต้องจัดทำแผนงานด้านความปลอดภัยแนบไว้กับสัญญาว่าจ้าง ซึ่งได้กำหนดไว้ในประกาศของ กสร.ในเรื่องความปลอดภัยในงานก่อสร้าง และจะต้องมีเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานระดับวิชาชีพ (จป.) ควบคุมเรื่องความปลอดภัยในพื้นที่ด้วย ทั้งนี้ จากการสอบถามนายจ้างยืนยันว่ามี จป.อยู่ในพื้นที่ แต่จะต้องตรวจสอบเพิ่มเติมว่ามีการปฏิบัติตามประกาศของ กสร.หรือไม่ ขณะเดียวกัน จะสั่งการให้สำนักงานสวัสดิการฯในพื้นที่ที่มีการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ลงพื้นที่ไปตรวจสอบความปลอดภัยให้เข้มงวดมากขึ้น โดยเฉพาะจังหวัดสมุทรปราการจะต้องเข้มงวดมากขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาเกิดอุบัติเหตุในด้านงานก่อสร้างเฉลี่ยถึงเดือนละ 3 ครั้ง
ด้าน นพ.สุรเดช วลีอิทธิกุล รองเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กล่าวว่า วันนี้ตนได้เดินทางไปเยี่ยมแรงงานที่ได้รับบาดเจ็บที่พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 จำนวน 4 คน เป็นแรงงานกัมพูชาทั้งหมด และโรงพยาบาลบางพลี 3 คน เป็นคนไทย 1 คน กัมพูชา 2 คน นอกจากนี้ยังมีแรงงานที่พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลสมุทรปราการและโรงพยาบาลรามาธิบดีด้วย ซึ่งประกันสังคมได้ให้การช่วยเหลือแรงงานไทยและต่างด้าวที่บาดเจ็บและเสียชีวิตทุกคน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานประกันสังคมแจ้งข้อมูลผู้บาดเจ็บที่ยังพักรักษาตัวในโรงพยาบาล แบ่งเป็นลูกจ้างจากบริษัท อิตาเลียนไทยฯ 4 คน เป็นคนไทย 1 คน รักษาตัวที่ รพ.บางพลี คือ นายแว่น จรเด็ด อายุ 48 ปี รักษาที่ รพ.สมุทรปราการ 1 คน คือ นายเมือง อายุ 25 ปี เป็นชาวกัมพูชา และ รักษาที่ รพ.จุฬารัตน์ 3 เป็นชาวกัมพูชาอีก 2 คน คือ MR.Em.Sa Vuth อายุ 31 ปี MR.Em Sa Saven อายุ 35 ปี
ส่วนผู้บาดเจ็บที่มาจากผู้รับเหมา 6 คน เป็นชาวกัมพูชาทั้งหมด รักษาตัวที่รพ.รามาฯ 2 คน ได้แก่ นางเมิน อายุ 30 ปี นายจันแสน อายุ 22 ปี รักษาที่ รพ.บางพลี 2 คน ได้แก่ นายสำเนียง อายุ 25 ปี นางช่อง อายุ 30 ปี และ รพ.จุฬารัตน์ 2 คน ได้แก่ นางโบ อายุ 22 และนางที อายุ 42 ปี
