มีหลายสิ่งที่เราควรคำนึงถึงก่อนการตั้งชื่อลูก เพราะชื่อเป็นสิ่งที่จะติดตัวลูกไปตลอดชีวิต ถึงแม้ว่าอาจมีการเปลี่ยนแปลงชื่อเดิมภายหลัง แต่ชื่อเดิมนั้นก็มักเป็นชื่อที่อยู่ในความทรงจำมากกว่าชื่อใหม่ ดังนั้น ให้เรามาคำนึงถึงการตั้งชื่อสำหรับลูกกัน
1.ทั้งคุณพ่อคุณแม่เห็นด้วยกับชื่อนี้ ชื่อจะไม่ดีแน่หากเริ่มต้นด้วยการไม่เห็นด้วยตั้งแต่เริ่มต้น ชื่อของลูกต้องเป็นชื่อทั้งคุณพ่อคุณแม่ต้องเห็นพ้องต้องกัน ไม่ควรที่คุณพ่อ คุณแม่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะเป็นคนตั้งชื่อลูกโดยที่อีกฝ่ายไม่เห็นด้วย เพราะลูกเป็นส่วนหนึ่งของทั้งคุณพ่อและคุณแม่
2.ชื่อนั้นควรเป็นชื่อที่มีความหมายที่ดี แน่นอนว่าชื่อนั้นจะเป็นสิ่งที่ติดตัวคนคนนั้นไปตลอด ดังนั้น ชื่อนั้นต้องมีความหมายที่ดี ที่แปลออกมามีความหมายที่เป็นทางบวกต่อเจ้าของชื่อนั้น เช่น ชัยพร แปลว่า ชัยชนะที่ดีงาม, พรนิภา แปลว่า พรที่นำไปสู่แสงสว่าง
3.รู้สึกว่าชื่อนั้นเป็นชื่อที่ถูกใจ ใช่เลย คุณพ่อคุณแม่ชอบชื่อนี้ และอยากจะเรียกลูกด้วยชื่อนี้ไปตลอดชีวิต ซึ่งก็มีคุณพ่อคุณแม่หลายท่านที่ตั้งชื่อลูกก่อนที่ลูกจะเกิดมาด้วยซ้ำไป
4.การสะกดชื่อ การสะกดชื่อลูกเป็นสิ่งที่ต้องควรคำนึงถึงเช่นกัน ให้เราจริงจัง และรอบคอบในการสะกดชื่อ อย่าให้ต้องเสียใจภายหลัง กรณีนี้เคยมีตัวอย่างจากคนที่ผูัเขียนรู้จักตั้งชื่อเล่นลูกสาวว่า “ฟ้า” ที่หมายถึงท้องฟัา และตั้งชื่อจริงของลูกสาวว่า “อัมพร” ที่แปลว่าท้องฟ้า แต่ปรากฏว่า เมื่อไปถึงที่อำเภอเจ้าหน้าที่ได้เขียนสะกดชื่อผิดเป็น “อำพร” ซึ่งมีความหมายในทางลบว่าปกปิดพร ดังนั้น การสะกดชื่อให้ถูกตัองจึงมีความสำคัญมากเพราะชื่อจะเป็นสิ่งที่ติดอยู่ในชีวิตของคนคนนั้นตลอดไป
5.มีความหมายสำหรับพ่อแม่ มีคุณพ่อคุณแม่หลายท่านที่ตั้งชื่อลูกโดยนำชื่อของทั้งพ่อและแม่มาผสมกัน เช่น คุณพ่อชื่อ “ทวี” คุณแม่ชื่อ “รัตนา” จึงตั้งชื่อลูกสาวว่า “รัตนาทวี” ซึ่งเป็นชื่อที่เพราะและมีความหมายที่ดีด้วย นอกจากนี้ มีคุณพ่อคุณแม่ที่ตั้งชื่อลูกจากสิ่งที่มีความหมายสำหรับครอบครัว เช่น ผู้เขียนรู้จักครอบครัวหนึ่งที่เป็นเจ้าของร้านอาหารอีสานที่มีชื่อเสียงว่าทำลาบเป็ดอร่อยมาก เมื่อมีลูกชายคนแรกจึงตั้งชื่อลูกว่า “ลาภ” ซึ่งพ้องเสียงกับคำว่า “ลาบ” นั่นเอง ดังนั้น ชื่อของลูกเป็นเหมือนตัวแทน หรือของขวัญที่จารึกจากคุณพ่อ และคุณแม่ไปสู่ลูก หรือจากปู่ ย่า ตายาย บรรพบุรุษ และครอบครัวของลูก
6.เป็นชื่อที่ไม่ถูกล้อ การตั้งชื่อลูกต้องคำนึงถึงว่าชื่อนั้นจะแปลกเกินไปจนถูกวิพากษ์วิจารณ์หรือไม่ หรือถูกคนอื่นล้อได้ง่ายหรือไม่ เช่น ผู้เขียนเคยรู้จักคนที่มีชื่อจริง “เหว” ซึ่งโดนล้อจากคนอื่นอยู่เป็นประจำ แต่ก็น่าแปลกที่ทุกวันนี้เขาก็ยังใช้ชื่อว่า “เหว” อยู่เหมือนเดิม โดยที่ไม่คิดจะเปลี่ยน
7.คุณพ่อคุณแม่ต้องรักชื่อนี้ เพราะชื่อนั้นจะอยู่กับเราตลอดไป หากเรารักชื่อนั้นลูกจะรู้สึกภูมิใจ และสิ่งนั้นจะอยู่กับลูกด้วยเช่นเดียวกัน
การพิจาณาในการตั้งชื่อลูกเป็นสิ่งสำคัญ และต้องได้รับการพิจารณาอย่างรอบคอบเป็นพิเศษ ท่านผู้อ่านล่ะคะ มีวิธีตั้งชื่อลูกอย่างไร แบ่งปันกันได้ค่ะ
1.ทั้งคุณพ่อคุณแม่เห็นด้วยกับชื่อนี้ ชื่อจะไม่ดีแน่หากเริ่มต้นด้วยการไม่เห็นด้วยตั้งแต่เริ่มต้น ชื่อของลูกต้องเป็นชื่อทั้งคุณพ่อคุณแม่ต้องเห็นพ้องต้องกัน ไม่ควรที่คุณพ่อ คุณแม่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะเป็นคนตั้งชื่อลูกโดยที่อีกฝ่ายไม่เห็นด้วย เพราะลูกเป็นส่วนหนึ่งของทั้งคุณพ่อและคุณแม่
2.ชื่อนั้นควรเป็นชื่อที่มีความหมายที่ดี แน่นอนว่าชื่อนั้นจะเป็นสิ่งที่ติดตัวคนคนนั้นไปตลอด ดังนั้น ชื่อนั้นต้องมีความหมายที่ดี ที่แปลออกมามีความหมายที่เป็นทางบวกต่อเจ้าของชื่อนั้น เช่น ชัยพร แปลว่า ชัยชนะที่ดีงาม, พรนิภา แปลว่า พรที่นำไปสู่แสงสว่าง
3.รู้สึกว่าชื่อนั้นเป็นชื่อที่ถูกใจ ใช่เลย คุณพ่อคุณแม่ชอบชื่อนี้ และอยากจะเรียกลูกด้วยชื่อนี้ไปตลอดชีวิต ซึ่งก็มีคุณพ่อคุณแม่หลายท่านที่ตั้งชื่อลูกก่อนที่ลูกจะเกิดมาด้วยซ้ำไป
4.การสะกดชื่อ การสะกดชื่อลูกเป็นสิ่งที่ต้องควรคำนึงถึงเช่นกัน ให้เราจริงจัง และรอบคอบในการสะกดชื่อ อย่าให้ต้องเสียใจภายหลัง กรณีนี้เคยมีตัวอย่างจากคนที่ผูัเขียนรู้จักตั้งชื่อเล่นลูกสาวว่า “ฟ้า” ที่หมายถึงท้องฟัา และตั้งชื่อจริงของลูกสาวว่า “อัมพร” ที่แปลว่าท้องฟ้า แต่ปรากฏว่า เมื่อไปถึงที่อำเภอเจ้าหน้าที่ได้เขียนสะกดชื่อผิดเป็น “อำพร” ซึ่งมีความหมายในทางลบว่าปกปิดพร ดังนั้น การสะกดชื่อให้ถูกตัองจึงมีความสำคัญมากเพราะชื่อจะเป็นสิ่งที่ติดอยู่ในชีวิตของคนคนนั้นตลอดไป
5.มีความหมายสำหรับพ่อแม่ มีคุณพ่อคุณแม่หลายท่านที่ตั้งชื่อลูกโดยนำชื่อของทั้งพ่อและแม่มาผสมกัน เช่น คุณพ่อชื่อ “ทวี” คุณแม่ชื่อ “รัตนา” จึงตั้งชื่อลูกสาวว่า “รัตนาทวี” ซึ่งเป็นชื่อที่เพราะและมีความหมายที่ดีด้วย นอกจากนี้ มีคุณพ่อคุณแม่ที่ตั้งชื่อลูกจากสิ่งที่มีความหมายสำหรับครอบครัว เช่น ผู้เขียนรู้จักครอบครัวหนึ่งที่เป็นเจ้าของร้านอาหารอีสานที่มีชื่อเสียงว่าทำลาบเป็ดอร่อยมาก เมื่อมีลูกชายคนแรกจึงตั้งชื่อลูกว่า “ลาภ” ซึ่งพ้องเสียงกับคำว่า “ลาบ” นั่นเอง ดังนั้น ชื่อของลูกเป็นเหมือนตัวแทน หรือของขวัญที่จารึกจากคุณพ่อ และคุณแม่ไปสู่ลูก หรือจากปู่ ย่า ตายาย บรรพบุรุษ และครอบครัวของลูก
6.เป็นชื่อที่ไม่ถูกล้อ การตั้งชื่อลูกต้องคำนึงถึงว่าชื่อนั้นจะแปลกเกินไปจนถูกวิพากษ์วิจารณ์หรือไม่ หรือถูกคนอื่นล้อได้ง่ายหรือไม่ เช่น ผู้เขียนเคยรู้จักคนที่มีชื่อจริง “เหว” ซึ่งโดนล้อจากคนอื่นอยู่เป็นประจำ แต่ก็น่าแปลกที่ทุกวันนี้เขาก็ยังใช้ชื่อว่า “เหว” อยู่เหมือนเดิม โดยที่ไม่คิดจะเปลี่ยน
7.คุณพ่อคุณแม่ต้องรักชื่อนี้ เพราะชื่อนั้นจะอยู่กับเราตลอดไป หากเรารักชื่อนั้นลูกจะรู้สึกภูมิใจ และสิ่งนั้นจะอยู่กับลูกด้วยเช่นเดียวกัน
การพิจาณาในการตั้งชื่อลูกเป็นสิ่งสำคัญ และต้องได้รับการพิจารณาอย่างรอบคอบเป็นพิเศษ ท่านผู้อ่านล่ะคะ มีวิธีตั้งชื่อลูกอย่างไร แบ่งปันกันได้ค่ะ
